จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 1192|ตอบกลับ: 19
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

แค้นวิปริตจิตสั่งกาม ตอนที่ 8 ปัญหาครอบครัว กันย์ CP

[คัดลอกลิงก์]

ประธานนักศึกษา

โพสต์
128
พลังน้ำใจ
7261
Zenny
5184
ออนไลน์
878 ชั่วโมง
ผมจะลงจนครบทุกตอนเลยนะครับ แต่อาจจะลงช้าหน่อยเพราะว่าช่วงนี้ใกล้มิดเทอมแล้ว ก็ต้องขยันอ่านนิดนึง อ่านนิยายนี่แหละครับ


“ทั้งหมดห้าร้อยสิบห้าบาทครับ”

พนักงาน คิดเงินยื่นถุงใส่หนังสือและชีทสรุปเรียนส่งให้ผม เพียงเห็นปริมาณก็น่าถอนหายใจ ผมอาจต้องใช้เวลากับมันพอสมควรถ้าต้องการรักษาเกรดเฉลี่ยไว้

วันนี้ ทั้งวันผมต้องแบ่งสมองจากเรื่องล่าเหยื่อเอามาใช้กับการเข้าฟังบรรยายวิชา สำคัญในช่วงปลายภาค แวะซื้อตำราสำคัญและชีทสรุปที่วางขายหน้ามหาวิทยาลัยบำรุงราษฎร์ มหาวิทยาลัยเปิดที่ไม่มีการบังคับให้นักศึกษาเข้าเรียนตามเวลา เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนที่เรียนและทำงานไปพร้อมกัน ข้อดีอีกประการหนึ่งคือ นักศึกษามหาวิทยาลัยบำรุงราษฎร์มีจำนวนมหาศาลทั้งกลุ่มที่เข้าเรียนประจำและ ปรากฏตัวเฉพาะช่วงใกล้สอบ หากฝากชีวิตวัยนักศึกษาไว้กับสถาบันนี้ แฝงตัวปะปนไปกับฝูงชนมากหน้าหลายตาเดินเข้าออกวันละเป็นร้อยเป็นพันคน ย่อมปลอดภัยกว่าเลือกศึกษาในมหาวิทยาลัยระบบปิดที่มีวงสังคมแคบกว่า เพราะผมไม่ต้องการให้ใครทราบว่ามีตัวตนอยู่ในสถานที่อันสะดวกต่อการสืบค้น เพื่อให้เข้าถึงตัวได้

บริเวณ ป้ายรถเมล์คลาคล่ำด้วยผู้คนและนักศึกษาเหมือนเคย ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ทัศนนียภาพเบื้องไกลบิดเบี้ยวด้วยไอร้อนระเหยราวกับอยู่ในทะเลทราย แถมพ่วงด้วยมลพิษทางเสียง ทำให้ผมนึกอยากหายตัวหนีไปจากที่นี่ดื้อ ๆ แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องกัดฟันทนแล้วรีบเดินทางกลับน่าจะดีกว่ามัวคิดเพ้อเจ้อ เพราะเกียจคร้าน ผมตั้งท่าจะข้ามถนนย้อนกลับเข้าไปในมหาวิทยาลัยเพื่อไปยังลานจอดรถ

ระหว่างกำลังจะก้าวขาข้ามถนน ผมก็ถูกขัดจังหวะด้วยฝ่ามือใครสักคนที่ตรงมาจับไหล่ไม่ให้ซุ่มเสียง

“เต๋อ!! เต๋อ!! มาทำอะไรแถวนี้” ชายคนหนึ่งทักขึ้น แต่พอผมหันกลับไปมองก็เหมือนว่าเขาจะลังเลไปทันที

“เอ่อ. . . ขอโทษครับ ทักคนผิดครับ นึกว่าเพื่อน แหะ ๆ” เขายิ้มแหยโค้งหัวประหลก ๆ อย่างกับว่าการทักผิดถือเป็นโทษมหันต์ ส่วนผมกำลังคิดต่อว่าจะเอายังไงกับหมอนี่ดี เขาทักไม่ผิดคนหรอก แต่ผมนี่สิจะอยากสานต่อหรือเปล่า

ชาย คนดังกล่าวโค้งแทนคำขอโทษอีกครั้งแล้วรีบหันกลับแทรกตัวไปในฝูงชนอย่างเขิน อาย เอายังไงดี บ้าชิบ ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะมาเจอหมอนี่ในที่แบบนี้ จะเข้าไปแสดงตัวหรือปล่อยไปอย่างนี้ดี ผมต้องรีบตัดสินใจแม้จะมีเวลาไตร่ตรองน้อยก็ตาม
และแล้วในที่สุดก็ไม่ทราบว่าสิ่งใดดลใจให้ผมวิ่งเข้าไปคว้าแขนเขาไว้

“ภูมิ! ใช่นายจริง ๆ ด้วย!!” หวังว่าการที่ผมแสร้งทำหน้าดีใจสุดขีดนี้คงช่วยให้เขาหายจากความประหม่าที่คิดว่าตนหน้าแตก
.
.
.
.
หนุ่ม ตาตี่ ลักยิ้มหวาน ผิวขาวเหลือง ท่าทางหน้าเป็นตลอดเวลาคนนี้คือ ภูมิรักษ์ หรือ “ภูมิ” เพื่อนเก่าร่วมชั้นรุ่นเดียวกันอีกคนหนึ่ง เขาค่อนข้างพิเศษกว่าคนอื่น คือเป็นหนึ่งในสองเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่เข้าข่ายลูกหนี้แค้น หรือพูดอีกอย่างก็คือคนที่ไม่เคยมีปัญหากับผมนั่นเอง กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องการเจอเขาเวลานี้ สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจแสดงตัวคงเป็นเพราะสิ่งที่อาจเรียกนับว่าเป็นบุญคุณ ซึ่งเขาเคยมอบให้ผมเมื่อวันวาน
.
.
.
ด้วย บุคลิกยิ้มง่ายและหน้าตาชวนโกรธไม่ลง ทำให้สมัยเรียนภูมิเป็นคนที่ไม่มีศัตรูเลยแม้แต่คนเดียว หลายครั้งที่ผมถูกรุมกลั่นแกล้ง เขาจะออกตัวปกป้องผมในแบบฉบับเขาเอง คำพูด “อย่าทำเต๋อเลย อย่าทำเต๋อเลย” เป็นสไตล์การขอร้องแข็งทื่อที่เขายกมาใช้เป็นประจำเมื่อต้องช่วยผม บางครั้งถูกลูกหลงไปด้วยจนถึงกับหัวร้างข้างแตกก็มี แล้วพวกเพื่อน ๆ ก็จะกรูกันล้อมหน้าล้อมหลังพยาบาลพร้อมคว่ำบาตรคนที่ทำให้เขาเจ็บตัว ภูมิอาจเปรียบได้กับตุ๊กตาสัตว์มาสคอตของห้องสาม ใครจะมาทำให้เลือดตกยางออกไม่ได้ แม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังเอ็นดู ราวกับทั่วกายลงสาริกาให้คุณด้านเมตตามหานิยม ช่างตรงกันข้ามกับผมอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้เขายังอุดหนุนรถเข็นขายเครื่องดื่มของแม่ผมเป็นประจำ ภูมิเป็นเพื่อนคนเดียวในห้องที่ไหว้แม่ผมแม้จะรู้ว่าเป็นแม่ค้าขายของหน้า โรงเรียน
.
.
.
มาถึงตรงนี้คุณอาจจะมองว่าเขาเป็นพวกเอ๋อเร๋อ แต่แท้จริงแล้วสติปัญญาจัดอยู่ในขั้นเฉียบคม เขาสนใจอ่านหนังสือทุกประเภท ยึดถือปรัชญาการเรียนรู้ตลอดชีวิต วิสัยทัศน์แซงหน้าครูฝ่ายวิชาการบางท่านเสียอีก ความจริงน่าจะได้อยู่ห้องหนึ่งด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนช่วงนั้นภูมิมัวแต่สนใจการค้นคว้าส่วนตัวนอกห้องเรียนจึงทำให้ เกรดตกลงมาอยู่ห้องสาม วีรกรรมครั้งแรกที่เขาแจ้งเกิดก็คือไปพูดท่าไหนไม่รู้ทำให้อาจารย์ทรงเดชที่ กำลังโกรธจัดเลิกล้มความคิดที่จะลงหวายเด็กทั้งห้องลงได้ราวปาฏิหารย์ ภูมิจึงเอาชนะใจพวกหัวโจกได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คุณสมบัติที่เป็นที่รักของทุกคนและหัวดีนี้เองทำให้ภูมิเคยได้รับการเสนอ ชื่อให้ดำรงตำแหน่ง “โพดำ” ของรุ่น ด้วยคะแนนสนับสนุนล้นหลาม แต่เขาปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าตนไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำ โดยเฉพาะจตุรเทพอีกสามคนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหากผู้นำสูงสุดเป็นคนช่างประนี ประนอมและไม่สู้คน
.
.
.
“เกรงใจจังที่ให้ติดรถด้วย” เขายิ้มจนตาตี่ ลักยิ้มหวานชวนให้นึกถึงเด็กวัยใสไร้เดียงสาแม้จะอายุเจ้าตัวเริ่มขึ้นต้น เลขสองเท่าผมก็ตาม

“ไม่เป็นไรน่า เพื่อนกัน” ผมยิ้มให้ตามมารยาท

“เต๋อ ไปทำอะไรมา หล่อขึ้นเป็นกองเลย แล้วยังรถบีเอ็มอีก ได้มาไง” เขายิงคำถามรัว หันขวับซ้ายขวายังกับเด็กเล็กที่สนใจของรอบตัว หมอนี่จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ติดตรงท่าทางลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุขนี่แหละที่ทำให้เสียบุคลิกเอามาก ๆ ใครไม่รู้จักจะพาลเข้าใจว่าสติไม่เต็มเต็ง

“เรื่องมันยาวน่ะ จะว่าไงดี...ผมมีรายได้จากธุรกิจขายตรงพอสมควรน่ะ ก็เลยใช้เพื่อตัวเองไปบ้าง”

“คาด เข็มขัดด้วยนะภูมิ ผมไม่อยากใช้พลัง...เอ่อ...มีปัญหากับตำรวจ” บ้าชะมัด เสียสมาธิจนเผลอพูดอะไรรั่ว ๆ ออกไปแล้ว นี่ผมตัดสินใจผิดหรือเปล่า ไม่น่าไปเอาเจ้านี่ติดรถมาด้วยเลย ในหัวผมมัวแต่กังวลว่าเขาจะเอาเรื่องที่ผมเรียนอยู่ ม.บำรุงราษฎร์ไปเล่าให้คนอื่นฟัง

“ไม่ คิดเลยว่าเราจะเรียนอยู่ที่เดียวกัน ภูมิเรียนเทคโนฯศึกษา แล้วเต๋อเรียนเอกอะไรเหรอ” โชคดีที่ภูมิไม่ติดใจที่ผมหลุดปากเมื่อครู่ เขาคาดเข็มขัดอย่างว่าง่าย

“จิตฯสังคม โทปรัชญา”

“โห . . .” เขาเบิกตาอ้าปากค้างอย่างกับทั่วโลกมีคนเลือกเรียนสองสาขานี้ไม่เกินสิบคน

“แปลกเรอะ”

“น่า สนใจมากเลย แบบนี้เต๋อก็เป็นพวกนีโอฟรอยด์เดียนใช่เปล่า? งั้นชอบใครเป็นพิเศษ คาร์ลจุง? อีริคสัน? เดี๋ยวนะ ๆ เมื่อกี้บอกว่าเรียนโทปรัชญานี่นา คิดว่าจะประยุกต์ใช้กับสาขาจิตวิทยาสังคมยังไง? ในแง่ญาณวิทยารึเปล่า? เมต้าฟิสิกส์ล่ะชอบไหม?” ภูมิจ้อขึ้นเรื่อย ๆ

ผมรู้ว่าหมอนี่ไม่ได้ถามเพื่อลองภูมิแต่เป็นนิสัยของเขาอยู่แล้ว จึงชวนเขาคุยพลางคิดไปด้วยว่าจะทำอย่างไรต่อ จริงอยู่เจ้านี่เคยมีบุญคุณกับผมแต่มันเร็วเกินไปที่จะมานั่งคุยฝอยเจื้อย แจ้วขณะที่ชนักติดหลังอีกด้านของผมคือผู้สะกดจิตตามล้างแค้นเพื่อนร่วมรุ่น ไปทั่วอย่างนี้ มันกระอักกระอ่วนเหมือนผมฆ่าแมวไว้หลายสิบตัวแล้วจู่ ๆ ต้องมาร่วมโต๊ะอาหารกับประธานชมรมคนรักแมวอย่างไรอย่างนั้น ทำไงดี จับลบความทรงจำแล้วถีบลงจากรถตอนนี้เลยดีไหม

“น้าทิพย์เป็นยังไงบ้าง” คำถามนี้ทำให้ผมชะงักเรื่องลบความจำไว้ชั่วคราว ส่วนเรื่องถีบลงรถแค่คิดเล่น ๆ นะ

“เสียแล้ว แม่เป็นมะเร็ง” ผมตอบหน้าตาย มันผ่านไปนานพอที่จะทำใจเก็บซ่อนความอ่อนไหวไว้ได้เมื่อต้องตอบคำถามประเภทนี้

“ภูมิขอโทษนะ. . .” เขายิ้มแห้ง ๆ มือไม้งกเงิ่นเหมือนจะเข้ามาตบไหล่ปลอบแต่ก็ลังเลจนทำอะไรไม่ถูก

“ช่างเถอะ แล้วนายล่ะ ทำไมเรียนที่นี่ อย่างนายน่าจะสอบติดมหา’ลัยที่แข่งขันกันสูง ๆ นะ”

“เรื่อง มันยาวเหมือนกัน. . . แหะ ๆ ภูมิต้องเลี้ยงลูกน่ะ ถ้าเรียนเต็มเวลาก็จะไม่มีเวลาทำงานหาเงินให้ลูก” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมเกือบเหยียบเบรค คนอย่างภูมินี่นะมีลูกแล้ว ถ้าบอกว่ามีลูกศิษย์ก็ว่าไปอย่าง

“ถึงท่ารถแล้ว ผมลงตรงนี้แหละ ขอบคุณนะที่มาส่ง” ภูมิจัดแจงสะพายเป้เตรียมเปิดประตูรถ

“เดี๋ยว ก่อน!” งี่เง่าที่สุด เจ้านี่กำลังจะไปอยู่แล้ว แถมยังซื่อบื้อ เบอร์โทรอีเมล์ก็ลืมขอไว้ทุกอย่างซึ่งมันก็ดีกับผมแล้วนี่ จะรั้งตัวไว้ทำไมกัน สงสัยต่อมสอดรู้ของผมเริ่มทำงานได้ที่

“ผมจะไปส่งนายถึงบ้าน อยากคุยต่อน่ะ ติดลมซะแล้ว”

“ไม่ต้องหรอก ภูมิอยู่ไกลนะ นิคมอุตสาหกรรมต่างจังหวัดนู่นแน่ะ ลำบากเต๋อเปล่า ๆ”

“เอาน่า อย่าเกรงใจเลย” ผมคะยั้นคะยออยู่ไม่นาน ภูมิก็ใจอ่อนยอมเดินทางไปด้วยกัน

จากการสนทนาระหว่าง ทางบวกกับการวิเคราะห์เพิ่มด้วยตัวผมเองทำให้ทราบว่า ชีวิตของภูมิหลังจบมัธยมต้นก็ไม่ต่างจากบทละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่งดี ๆ นี่เอง ละครเรื่องนี้มีมูลเหตุจากคนสามคนคือ ภูมิ กันย์ และ พลอย

ภูมิ เด็กกำพร้าที่หญิงชราผู้หนึ่งรับอุปการะเป็นลูกบุญธรรมจากสถานสงเคราะห์ เนื่องจากลูกหลานแท้ ๆ ของเธอทอดทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยว เนื่องจากหญิงชรามีฐานะมั่นคง ภูมิจึงได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีตามพัฒนาการช่วงวัย

กันย์ ทายาทผู้ดีเก่าสกุลโบราณ คือหนึ่งในลูกหนี้ที่ผมยังไม่ได้ชำระความ ซึ่งจะกล่าวเพิ่มเติมต่อไป

และ พลอย ลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจนำเข้าสินค้าต่างประเทศรายใหญ่ เป็นอีกคนหนึ่งนอกจากภูมิที่ไม่เข้าข่ายลูกหนี้ ซึ่งทั้งห้องมีเพียงสองคนนี้เท่านั้น

เหตุ ที่พลอยไม่เคยรังแกผม ไม่ใช่มาจากใจจริงเสียทีเดียว แต่เพราะเธอเข้าใจดีว่าภูมิเป็นคนไม่ชอบความรุนแรง จึงอ่อนโยนต่อผมเพื่อเอาใจภูมิ เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพื่อว่าภูมิจะได้ช่วยเธอทำการบ้านและรายงานไง ด้วยเหตุนี้ภูมิจึงเข้าใจว่าพลอยคือแม่พระท่ามกลางหมู่มาร เขาหลงรักพลอยโดยบริสุทธิ์ใจ ขณะที่เบื้องหลังแล้วพลอยแอบคบหากับกันย์ ทุกคนมองออกว่าภูมิถูกหลอกใช้ บางครั้งพลอยยังถือดีเอางานส่วนของกันย์มาให้ภูมิทำด้วยซ้ำไป แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครกล้าเตือนเพราะมันเป็นเรื่องพูดลำบาก เธอบอกให้ภูมิเลิกยุ่งกับเธอช่วงใกล้จบการศึกษาเพราะภูมิใกล้หมดประโยชน์ เข้าทุกที

ต่อ มาพลอยท้องกับกันย์หลังจบการศึกษาไม่นาน กันย์บังคับให้พลอยทำแท้งแต่เธอปฏิเสธเพราะเธอรักกันย์สุดหัวใจและมองว่า เด็กในท้องสมควรได้เกิดมาเป็นพยานรัก เธอวาดหวังว่าจะได้แต่งงานกัน

ทว่า โชคไม่ดีที่เธอคิดไปเองฝ่ายเดียว กันย์ปฏิเสธทุกอย่างและหนีหายออกจากชีวิตเธอไป แต่ถึงอย่างนั้นพลอยก็ยังเลือกที่จะเก็บเด็กเอาไว้ ด้วยหวังว่าหากเด็กเติบโตสักหน่อยแล้วพาไปพบกันย์อาจทำให้ใจอ่อนลง แต่ไม่ทันถึงเวลานั้น พ่อและแม่พลอยก็รับไม่ได้ พลอยถูกพ่อตบตีโทษฐานทำให้เสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูล พลอยซึ่งอยู่ในภาวะถูกกดดันจากรอบข้างรู้สึกไม่เหลือใคร จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านบากหน้าไปหาภูมิ ซึ่งขณะนั้นภูมิเองก็กำลังลำบาก หลังหญิงชราล้มป่วยและเสียชีวิตลง เหล่าลูกหลานแท้ ๆ ก็ต่างกลับมาแย่งชิงสมบัติและยึดบ้านที่ภูมิอาศัย ทั้งภูมิและพลอยจึงกลายเป็นเทวดาตกสวรรค์ในเวลาไล่เลี่ยกัน

แต่ ภูมิก็พิสูจน์รักแท้ด้วยการยอมเป็นที่พึ่งทางกายและทางใจให้พลอย เขานำเงินก้อนสุดท้ายที่ติดตัวให้พลอยเป็นค่าทำคลอด ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ทั้งเป็นเด็กเสิร์ฟ ทำงานร้านสะดวกซื้อเพื่อหาเลี้ยงพลอยและเต็มใจเลี้ยงลูกที่เกิดจากกันย์โดย ไม่รังเกียจเดียดฉันท์ ภูมิเรียน กศน. จนจบและเข้าศึกษาต่อที่ม.บำรุงราษฎร์ เพื่อเรียนและทำงานพร้อมกันเช่นเดียวกับผม ปัจจุบันเขาเป็นหนุ่มโรงงานย่านนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก วันนี้เขาลางานมาเพื่อทำธุระทะเบียนนักศึกษา เราจึงบังเอิญได้พบกันนั่นเอง
.
.
.
ใน ที่สุดผมก็เดินทางมาถึงที่พักของภูมิ ซึ่งเป็นห้องเช่าตึกแถวสามชั้นโทรม ๆ ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัย สะท้อนถึงรายได้โดยประมาณและความเป็นอยู่ของเขา ดูเหมือนการที่ผมเอารถยนต์ราคาแพงมาจอดแถวนี้จะทำให้กลายเป็นจุดรวมสายตาของ ผู้พบเห็นจนผมรู้สึกประดักประเดิด

ระหว่างขึ้นตึกมีสาวโรงงานวัยราวยี่สิบปลาย ๆ คนหนึ่งเดินสวนกับเรา ผมได้ยินคำพูดในหัวเธอที่แสดงถึงความร่านเงียบ เธอจ้องจะหาโอกาสงาบภูมิอยู่เหมือนกัน ติดแต่ตรงที่มีเมียมีลูกแล้ว แม้ภูมิจะดูไม่เต็มบาทอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วรูปร่างหน้าตาและความหนุ่มก็ถือว่าทำให้เป็นขวัญใจสาวโรงงาน ย่านนี้ได้ไม่ยากนัก อย่างไรก็ตามเป้าหมายของเธอคงเป็นได้เพียงฝันกลางวันเพราะภูมิไม่ใช่คนเจ้า ชู้

“พลอย เปิดประตูหน่อย” ภูมิเคาะประตู

ผม ได้ยินเสียงลูกบิดหมุนดังแกร๊ก เป็นการสื่อว่าจัดการให้เรียบร้อยแล้วแต่ต้องเปิดเข้ามาเอง ภูมิถอดรองเท้าและผลักประตูเข้าไปเบา ๆ ส่วนผมยืนรอเชิงด้านนอก ยังไม่กล้าเข้าไปจนกว่าเจ้าของห้องจะเอ่ยปากเชิญ

“มี เพื่อนมาเยี่ยมแน่ะ จำได้ไหมว่าใคร” ภูมิยิ้ม ขณะที่พลอยกำลังนั่งสอนให้ลูกน้อยวาดรูปด้วยสีเทียนอยู่เพลิน ๆ เธอหันมาทางผมด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ เพราะผมเปลี่ยนไปเยอะทีเดียว

“เต๋อรึเปล่าน่ะ” เธอเผยอปากด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

“ถูก ต้องแล้ว คุณวิหค อรุณทอแสง หล่อจนจำแทบไม่ได้ใช่ป่ะล่ะ” ภูมิพูดเฉลยยังไม่ทันจบประโยคดี พลอยก็ลุกพรวดวิ่งกรี๊ดกร๊าดเข้ามาจับมือผมด้วยความดีใจออกนอกหน้า

“ไป ไงมาไงเนี่ย! เจอกันที่ไหน!” พลอยจูงมือให้ผมเข้ามาในห้อง เธอถามถึงที่มาอย่างสนอกสนใจ ขณะที่ผมให้ความสนใจกับตัวเธอและข้าวของภายในห้องมากกว่า พลอยแต่งตัวสวยเกินความจำเป็นในย่านที่พักแถบนี้ และถึงแม้สภาพห้องเช่าจะคับแคบ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีเพียงโทรทัศน์เครื่องเล็กกับพัดลมเก่า ๆ แต่เครื่องสำอางบนโต๊ะเครื่องแป้งกลับตรงกันข้ามกับภาพรวมของห้อง มันล้วนแต่เป็นสินค้าราคาแพงเกินไปสำหรับหนุ่มสาวโรงงาน

“นี่น้องเก่ง ไหว้คุณอาสองคนรึยัง คุณอาอีกคนชื่ออาเต๋อนะ” พลอยหันไปหาลูกชาย

“สะ หวัดดีคับ อาภูมิ อาเต๋อ” เด็กชายวัยห้าขวบก้มหัวไหว้อย่างอ่อนน้อม แสดงว่าผู้ปกครองปลูกฝังมารยาทและอบรมบ่มนิสัยมาเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม มันน่าแปลกตรงคำว่า “อาภูมิ” ผมหันไปสบตากับภูมิ แต่ดูเหมือนเขาจะเซ่อจนตีความไม่ออกว่าผมต้องการสื่ออะไร น้องเก่งเอารูปวาดสีเทียนโชว์ให้ภูมิดูตามประสาเด็ก

“วาดเก่งนะ” ผมชมเพื่อเสริมบรรยากาศอันดี แต่ดูเหมือนจะคิดผิด

“เหมือนพ่อเขาแหละ” คำตอบจากพลอยทำให้ภูมิเงียบไปชั่วขณะ ผมสังเกตได้ว่าภูมิกำลังปิดซ่อนอารมณ์บางอย่าง

ชักได้กลิ่นบางอย่างที่ไม่สู้ดีนัก บางทีอาจมีเรื่องทำให้ผมต้องเข้าไปก้าวก่ายเข้าจนได้
.
.
.
พลอย อาจไม่ใช่คนที่จริงใจกับใครเต็มร้อยตั้งแต่ไหนแต่ไรทั้งกับผมและภูมิ แต่อย่างน้อยความจริงใจก็น่าจะเกินร้อยละเจ็ดสิบ เห็นได้จากที่เธอสั่งอาหารอีสานชุดใหญ่มาเลี้ยงและต้อนรับขับสู้ผมเป็นอย่าง ดี ซึ่งเป็นการให้เกียรติแฟนทางอ้อม นับว่าน่ายกย่องทีเดียว เราสามคนต่างพูดคุยถึงวันวานอันหวานชื่นสมัยเป็นนักเรียนนุ่งขาสั้นอย่างออก รสชาติ ภูมิเป็นคนฉลาดที่เลือกยกแต่หัวข้อที่พอจะคุยกันได้เพราะเข้าใจว่าผมมี ประสบการณ์ในรั้วโรงเรียนที่น่าจดจำน้อยกว่าใครเพื่อน ส่วนพลอยพอติดลมบนก็ขุดขึ้นมาเล่าได้ร้อยแปด ตั้งแต่นินทาครูบาอาจารย์ยันถึงเรื่องตำนานผีสางภายในโรงเรียน ประเด็นสนทนาลุกลามไปเรื่อยและไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดลงง่าย ๆ เรียกได้ว่าเพลินจนลืมเวลา

“สามทุ่มแล้วนะ น้องเก่งต้องนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน” พลอยหันไปมองนาฬิกา

“ผมควรจะกลับแล้วละ ขอโทษนะที่รบกวนนานไปหน่อย” ผมชิงพูดขึ้นมาเองเป็นการแสดงถึงความรู้จักกาลเทศะ

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ค้างที่นี่สักคืนก็ได้” พลอยพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี อาจเป็นเพราะรสเสวนาที่ผ่านมาทำให้หัวใจอิ่มเอม

“แต่. . .” แน่ละ ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

“นั่ง ดื่มกับภูมิสักหน่อยสิ แหม. . . นาน ๆ ทีเพื่อนผู้ชายคุยกัน เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเรากับน้องเก่งจะไปขอนอนห้องเพื่อนข้าง ๆ สักคืน จะได้คุยกันตามประสาผู้ชาย”

“ไม่ดีกว่า แค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว” ผมแบ่งรับแบ่งสู้

“ค้าง ที่นี่เถอะเต๋อ นานทีปีหนนะ พรุ่งนี้ภูมิเข้าสายได้ ถ้าพลาดก็ไม่รู้จะได้เจอกันอย่างนี้อีกเมื่อไหร่” ภูมิตอกย้ำอีกเสียงหวังให้ผมสบายใจยิ่งขึ้น

ใน ที่สุดผมก็ตอบรับด้วยความเกรงใจ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากหาโอกาสอยู่กับภูมิตามลำพัง เผื่อจะได้ความคืบหน้าเกี่ยวกับพวกจตุรเทพ รวมถึงมีเรื่องที่ผมอยากถามภูมิ ซึ่งคงไม่สะดวกใจหากพลอยยังอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ไม่น่าเชื่อว่าพลอยจะเป็นฝ่ายเชื้อเชิญผมเอง ใจกว้างกับแฟนเพื่อนอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งนับว่าหาได้ยากในผู้หญิงทั่วไป นิสัยนี้เป็นข้อดีที่ชูจุดขายของพลอยได้อย่างโดดเด่นกว่าใคร

“เดี๋ยวเราลงไปซื้อเบียร์ให้นะ” พลอยตั้งท่าหยิบกระเป๋าเงิน

“ไม่ต้องหรอก พลอยเลี้ยงผมตั้งเยอะ เดี๋ยวผมลงไปซื้อเอง จะได้ซื้อโฟมล้างหน้ากับครีมอาบน้ำด้วย ไม่ได้เตรียมมาเลย”

“งั้นก็แล้วแต่เต๋อแล้วกัน. . .ตามสบายนะสองคน น้องเก่งคะไปนอนกันดีกว่าค่ะ” เธออุ้มลูกออกจากห้องไปพร้อมส่งยิ้มให้ผมกับภูมิ
.
.
.
.
.
ขณะ ผมกำลังหยิบเบียร์และเลือกอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำในร้านของชำหน้าห้องเช่า ก็ต้องสะดุดหูเมื่อได้ยินเสียงคุยกระซิบกระซาบตรงโต๊ะม้าหินหน้าร้าน คลับคล้ายคลับคลาว่ามีชื่อภูมิอยู่ในประโยค ผมจึงใช้โทรจิตขยายกำลังเสียงให้รับรู้ได้สะดวกขึ้น

“เนี่ย วัน ๆ เมียก็ไม่ทำอะไร เกาะผัวแดก” ป้าเพิ้งวัยราวหกสิบนุ่งผ้าถุงท่าทางเป็นเจ้าของร้านพูดพลางหยิบถั่วลิสงทอด เคี้ยวอย่างเพลินปาก

“อี ตาภูมิอะไรเนี่ยก็โง๊โง่เนอะป้า เอาลูกเขามาเลี้ยง เมี่ยงเขามาอมแท้ ๆ อายุยังน้อยหน้าตาก็ดี ทำไมมาเอาแม่ม่ายเด็กใจแตกลูกติด” คู่สนทนาสาวโรงงานวัยกลางคนเสริม ช่างเข้ากับกับขาเม้าธ์ผู้พี่ได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย

“แหมเอ็ง ผู้ชายโง่จะเพราะอะไรซะอีกละ ถ้าไม่ใช่ติดหอย” ป้าเพิ้งสรุป ทั้งสองหัวเราะคิกคัก ๆ

“โอย เม้าธ์มากคอแห้ง หาอะไรเย็น ๆ ดื่มกันหน่อย โค้กสักขวดไหม ป้าเลี้ยงเอง” เธอลุกขึ้นเดินไปยังตู้แช่เครื่องดื่ม

“ป้าคะ ตักบาตรอย่าถามพระสิ เร็ว ๆ นะป้าเดี๋ยวหนูลืม กำลังมันส์” สาวโรงงานสนองอย่างไม่เกรงใจ

“เอ้านี่ คนละขวด” ป้าเพิ้งวางขวดเครื่องดื่มสองขวดลงบนโต๊ะ

“เดี๋ยวสิป้า ป้าเอาน้ำส้มสายชูมาทำไม”

“. . .ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะเอ็ง” ป้าเพิ้งงงกับตัวเองแต่มือก็เปิดขวดไปแล้ว

“แล้ว ทำไมหนูต้องหยิบขึ้นมาด้วย อะไรกันเนี่ย!!” ทั้งสาวโรงงานและป้าเพิ้งซดน้ำส้มสายชูไปครึ่งขวดก็เกิดอาการสำลัก แสบคอจนทนไม่ไหว จากนั้นก็อาเจียนพุ่งพรวดออกมาใส่หน้ากันและกัน
.
.
“หวังว่าได้กลั้วคอแล้วลมปากคงจะสะอาดขึ้นนะครับ” ผมวางเงินค่าของทิ้งไว้แล้วเดินออกจากร้าน

ผมกลับเข้ามาในห้อง อีกครั้ง จัดการอาบน้ำเรียกความสดชื่นสบายตัวกลับคืนมา ภูมิเปิดโทรทัศน์ให้ผมดูฆ่าเวลาขณะให้รอเขาอาบน้ำต่อ แต่ผมไม่อยากดูรายการช่วงดึกเท่าไหร่ สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคืออนุสรณ์รุ่นฝุ่นจับที่วางไว้ชั้นล่างสุดของชั้น วางของ ผมหยิบมันขึ้นมาปัดฝุ่นและพลิกไปยังหน้าของม.3/3 รุ่น 40 ตั้งใจจะเปิดผ่านลวก ๆ เพราะคิดว่าก็คงไม่ต่างกับเล่มที่ได้มาด้วยการสะกดจิตนายทะเบียนและเล่มของ คนอื่น ๆ แต่เล่มที่ภูมิมีอยู่นั้นผมเชื่อว่าไม่เหมือนของเพื่อนคนอื่นแน่นอน
.
.
.
ภูมิแปะรูปผมเพิ่มเข้าไป เขาเขียนข้อความเพิ่มไว้ว่า
“รุ่น 40 มี 36 คน นับเต๋อ วิหค อรุณทอแสง เข้าไปด้วย”
.
.
.
ผม ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ได้ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้สึกมานานจนจำไม่ได้แล้ว ละอายใจที่บ่ายนี้มัวแต่คิดถึงตัวเองจนเกือบละเลยเจตนาดีของภูมิ
.
.
.
“หนาว จังเต๋อ” ภูมิออกมาจากห้องน้ำ ผมรีบปิดหนังสือรุ่นเก็บเพราะเพิ่งรู้สึกได้ว่าไม่เป็นการสมควรถือวิสาสะแม้ มันจะไม่ใช่ไดอารี่ก็ตาม

“อยากดูก็ดูไปสิ ฮะ ๆ รอภูมิใส่เสื้อก่อนนะ เดี๋ยวนั่งดื่มกัน”

ภูมิ นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ทำให้ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาเป็นคนซ่อนรูป หุ่นเรียบแบนแต่กล้ามเนื้อแข็งแรงต่างจากสมัยเรียนด้วยกัน นั่นคงสะท้อนให้เห็นว่าห้าปีที่ไม่เจอกันเขาต้องอาบเหงื่อต่างน้ำทำงานหนัก แค่ไหน เขายอมทิ้งอนาคตที่จะเอาดีสายวิชาการซึ่งพรั่งพร้อมด้วยเกียรติยศทางสังคม ทรัพย์สินที่ผมบันดาลขึ้นได้ด้วยอาศัยพลังพิเศษไม่สามารถเทียบได้กับความ อุตสาหะเสียสละอันเปี่ยมล้นที่ภูมิมอบให้สองแม่ลูก เราคงมีอะไรต้องคุยกันเยอะทีเดียว
.
.
.
“ดูน้ำหวานสิ เปลี่ยนชื่อเป็นไอช่าแล้ว สวยเช้งเลยเต๋อว่าไหม” ภูมิพูดชวนให้ผมมองไปยังรายการโทรทัศน์ที่ไอช่าเป็นพิธีกร

“อ๊ะ. . . ขอโทษนะเต๋อ ภูมิลืมนึกไป เปลี่ยนช่อง ๆ” ดูเหมือนเขาจะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าแม่โพแดงจอมแสบนี้ผูกพันกับผมด้านติดลบ แต่ผมไม่ติดใจอะไร

“ช่างเถอะภูมิ ว่าแต่นายจำกลอนจตุรเทพได้ไหม”

“คุ้น ๆ อยู่นะ แต่นึกไม่ออกอ่ะ” เขาเกาศีรษะ

“โพ ดำฤทธิ์ร้อนแรง...ต่อซิ” ผมขึ้นต้นให้ พลางขอชนแก้วเพื่อเร่งเร้าให้เขาคิดว่าเรื่องที่พูดคุยต่อไปนี้เป็นเพียง เรื่องสนุก ๆ ปิดบังวัตถุประสงค์ที่ซ่อนไว้

“อีกโพแดงแฝงคมหนาม...ท่อนนี้ของน้ำหวานใช่ไหม!” เขายิ้มร่าเหมือนได้เล่นเกมปัญญานิ่ม

“ข้าวหลามตัดสัตว์สงคราม ดอกจิกนามมารคราบคน” เราต่อกลอนพร้อมกันจนจบและระเบิดหัวเราะออกมา

“ไม่ น่าเชื่อเลยเนอะว่าตอนนั้นเราจะทำเท่กันไร้สาระแต่เป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้” ผมสรุปเกมอารัมภบทสั้น ๆ ก่อนเข้าสู่ประเด็นคำถามที่แท้จริง

“ว่าแต่. . .นายพอจะรู้ไหมว่าจตุรเทพของเราทำอะไรกันอยู่ นอกจากไอช่า”

“ไม่รู้หรอกนะ เต๋ออยากเจอพวกเขาเหรอ” ภูมิถาม

“ก็ทำขายตรงนี่ เลยอยากตามหาเพื่อนเก่า ๆ เผื่อใครรวยจะได้ให้ช่วยซื้อของเพิ่มยอดขายซะหน่อย”

“และ ตอนนี้ทุกคนน่าจะเรียนมหา’ลัยกันแล้ว แต่ผมลองเสิร์ชตามอินเตอร์เน็ตแล้ว ไม่พบข้อมูลของพวกผู้ชายในมหา’ลัยไหนเลย” ผมนำร่องให้อีกนิด อยากฟังความเห็นจากผู้รอบรู้อย่างภูมิ

“ภูมิว่าเต๋อคิดอย่างนั้นมันแคบไปนะ” เขาทำหน้าจริงจัง

“การ ศึกษามันมีตั้งหลายแบบ จบม.ปลาย ก็ต่อปวส.สายอาชีพเป็นอนุปริญญาได้ หรือไม่ก็อาจเรียนในระดับวิทยาลัยเน้นหนักวิชาชีพ เรียนแผนพิเศษอะไรทำนองนี้ มันมีตั้งหลายแบบนะ”

“แต่ ก็อย่าลืมว่า สุดท้ายแล้วเขาอาจจะไม่ได้สังกัดสถาบันใดเลยก็ได้ บางคนอาจเลือกเส้นทางชีวิตฝ่ากระแสหลักที่ทุกคนต้องทำตาม” เขาสรุปทิ้งท้าย

ช่าง สมกับเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ทางการศึกษากว้างไกลจริง ๆ จริงสินะ ผมอยู่ในกรอบคำว่ามหาวิทยาลัยมากเกินไปจนลืมนึกถึงตรงนี้ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับภูมิช่วยลับคมความคิดผมให้เฉียบขึ้น มากทีเดียว อย่างไรก็ตามนาทีทองย่อมมีจำกัด เพราะผมเพิ่งรู้วันนี้ว่าภูมิเป็นค่อนข้างคออ่อนกว่าที่คิด พอเมามากเข้า คำพูดกับความคิดเริ่มไม่ปะติดปะต่อกัน เข้าเริ่มวิพากษ์จุดอ่อนของระบบการศึกษาไทย โยงไปถึงระดับนานาชาติ แถมยังลากเข้าหัวข้ออภิปรัชญาและความจริงแท้ของจักรวาลได้เป็นต่อยหอย ขั้นสุดท้ายเขาพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษล้วน พฤติกรรมดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าผมควรจะเก็บขวดที่เหลือและหยุดการดื่มเพียง เท่านี้ก่อนที่เขาอาจจะคิดสมการล้างโลกขึ้นมา
.
.
.
ผม จัดการพาเขาไปอาเจียนลงคอห่านเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น เห็นผลทันตาเพราะเมื่อถึงเตียงเขาก็กลับมาสื่อสารด้วยภาษาไทยได้เสียที ปัญหาของผมกระจ่างไปแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาไขปัญหาของเจ้าตัว

ท่ามกลางความมืดมิดหลังจากปิดไฟ ผมตัดสินใจเปิดประเด็นคำถามแรกขึ้นมา

“ภูมิ ถามอะไรหน่อยสิ”

“. . . . . . . .” ภูมิไม่ตอบสนอง ไม่ใช่เพราะหลับแต่น่าจะเพราะฤทธิ์น้ำเมาทำให้เลอะเลือนมากกว่า

“ตอนนี้พลอยทำงานอะไรเหรอ”

“. . . . . . . . . . .”

“นายเลี้ยงพลอยกับเก่งด้วยตัวคนเดียวใช่รึเปล่า”

“. . . . . . .พลอย เขาต้องเลี้ยงลูก ไม่งั้นใครจะเลี้ยง” ภูมิตอบด้วยเสียงแผ่วเบา

“ถ้างั้น เครื่องสำอางแพง ๆ นั่นหมายความว่ายังไง” ผมถามต่อ

“. . . .ผู้หญิง. . .ก็รักสวยรักงาม. . . .เรื่องธรรมชาติ”

“เฮ้ย! ตอบให้สมเหตุสมผลเหมือนตอนถามเรื่องจตุรเทพสิ! นายกำลังหลงทางหรือเปล่า” ผมลุกขึ้นมาครึ่งตัวและเขย่าตัวภูมิเพื่อให้รู้สึกว่านี่เป็นคำถามที่ไม่ ต้องการคำตอบขอไปที

“. . . .หลงทาง. . . ยังไง”

“เหมือน สมัยเรียนไง พลอยใช้นายเป็นเครื่องมือ อย่าหลอกตัวเองอีกเลยภูมิ นายเอาตัวเองมาผูกพันกับผู้หญิงคนนี้นานเกินไปจนอนาคตมืดมัวแล้วรู้ไหม ทำไมคนอย่างนายต้องมาเป็นหนุ่มโรงงานในวัยเรียนอย่างนี้ด้วย ใช้ศักยภาพตัวเองให้คุ้มค่ากับที่มีอยู่หน่อยสิ”

“เต๋อ...อย่าพูดแบบนี้ ภูมิไม่ชอบ” ภูมิตอบเชื่องช้าแต่น้ำเสียงหนักแน่นขึ้น

“งั้นขอถามอีกอย่างเดียว”

“. . . . . . . . . . . . . .” ภูมิเงียบเหมือนกับตั้งใจรอฟัง
.
.
.

“ทำไมพลอยให้น้องเก่งเรียกนายว่าอาภูมิ ทั้งที่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด”
.
.
.

ดูเหมือนคำถามนี้จะจี้ใจดำเขาจนได้ ในที่สุดภูมิก็ลุกขึ้นจากที่นอนเล่าให้ผมฟังหมดเปลือก

พลอย ยังลืมกันย์ไม่ได้ ยังเฝ้ารอวันที่จะได้พบกับกันย์อย่างสมศักดิ์ศรี ถึงได้ซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอางแต่งตัวสวย ๆ หลอกตัวเองหลายปีว่ายังคงมีความหวัง ขณะเดียวกันก็ทำใจไม่ได้ที่เคยอยู่ในครอบครัวเศรษฐีกินดีอยู่ดี แต่ต้องมาตกระกำลำบากเช่นนี้ อายที่จะต้องประกอบอาชีพชนชั้นแรงงานทุกชนิด เธอจึงอ้างว่าไม่อยากทำงานเพราะต้องการดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่คบกันมาเกือบห้าปี ภูมิไม่เคยมีอะไรกับพลอยแม้แต่ครั้งเดียว ในสายตาพลอยนั้น ภูมิคงเป็นได้แค่เพียงหลักตั้งมั่นชั่วคราว หากวันใดโอกาสเป็นใจ เธอคงพร้อมตีจากภูมิได้ทุกเมื่อเพื่อไปอยู่กับกันย์ ซึ่งเธอคิดว่าคู่ควรกับคำว่าพ่อมากกว่าภูมิ เธอจึงสอนให้ลูกเรียกว่า “อาภูมิ” นั่นเอง

“ตอบให้หมดแล้วนะ คราวนี้. . .ภูมิจะถามเต๋อบ้าง” ภูมิมองหน้าผมด้วยสติเลอะเลือน

“ได้สิ ว่ามา” ผมผายมือเชิญให้พูดออกมา

“ทุกวันนี้ภูมิยังดีไม่พอใช่ไหม”

“นายต้องถามพลอย ไม่ใช่ผม”

คำ ตอบของผมคงแทงลึกตัดขั้วหัวใจเจ้าตัว ภูมิระเบิดน้ำตาออกมาราวกับภูเขาไฟปะทุ แย่จริง ผมที่เป็นฝ่ายมีสติมากกว่าไม่น่าจะใช้คำพูดแบบนี้กับคนเมาเลย รู้ ๆ อยู่ว่ามันเป็นสภาพต่างจากตอนมีสติ

ไม่ รู้จะปลอบใจภูมิอย่างไรนอกจากสวมกอดโดยปราศจากคำพูด ผมอยากให้เขาร้องไห้สุดพลัง ปลดปล่อยความเครียดพรั่งพรูออกมาให้หมด หลังจากต้องสวมบทบาทพ่อพระยิ้มสู้ทุกปัญหาผิดมนุษย์มนาเป็นเวลานาน
.
.
.
ผมปล่อยตัวอยู่อย่างนั้นสักพัก ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
.
.
.
ผมสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เข้าจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว
.
.
.
.
ภูมิจูบผม!
.
.
.
.
“เฮ้ย! ทำอะไร!” ผมดิ้นขัดขืน แต่อีกฝ่ายไม่พูดอะไรเลย ภูมิจับผมกดคร่อมกับที่นอนและยังคงไม่ยอมปล่อยริมปากที่ประกบแน่นด้วยกัน แรงจากคนที่ทำงานหนักอย่างเขาเยอะกว่าผมจนยากเกินรับมือไหว

ระดับ แอลกอฮอล์ในเลือดข้างในตัวผมทำให้การโอนถ่ายจิตเข้ายึดครองสติไม่ใช่เรื่อง ง่ายในเวลานี้ ก็ใครจะไปรู้ว่าต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ผมจึงดื่มเข้าไปซะเยอะ
“ตั้งสติหน่อยภูมิ!” ปากที่ประคบกันอยู่ทำให้ผมส่งเสียงได้แค่อู้อี้ ๆ ขณะที่ภูมิยังไม่ลดละ พยายามสอดลิ้นเข้ามาให้ได้ ผมรวบรวมพลังสุดลมหายใจ ผลักหน้าเขาออกไปเพื่อให้ปากผมสามารถเปล่งเสียงได้
.
.
.
“ภูมิ! นายทำกับผมไม่ต่างจากคนอื่นเลยนะ!!”
.
.
.
ภูมิชะงักลงเมื่อได้ยิน ปล่อยตัวผมให้คลายจากการกดรัด
.
.
เขาเอ่ยคำว่า “ขอโทษ” เบา ๆ และล้มตัวลงนอน
.
.
.
คืนนั้นเรานอนหันหลังให้กัน เป็นความรู้สึกที่อึดอัดทรมานจนอยากให้มันผ่านไปโดยไว
.
.
.
.
ผมคงต้องรีบทำอะไรสักอย่างเพื่อภูมิ อยากให้เขาหลุดพ้นจากวงจรอันแสนกล้ำกลืนฝืนทนที่เป็นอยู่นี้

รุ่งเช้า ผมตื่นก่อนภูมิและตัดสินใจออกเดินทาง โดยทิ้งโน้ตบอกเขาไว้ว่าจะกลับมาอีกครั้งตอนเย็น ผมลัดคิวล้างแค้นโดยหมายหัวกันย์ขึ้นก่อนรายอื่นเพื่อจัดการปัญหาระหว่างสาม คนนี้ให้เสร็จสิ้น ข้อมูลที่ได้จากเฟสบุ๊คของวีช่วยให้ผมรู้ว่าตอนนี้มันเรียนที่ไหนอยู่คณะ อะไร ใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงผมก็ถึงที่หมาย
.
.
.
“พี่กันย์ อยู่นี่ครับ” เด็กที่ถูกผมสะกดจิตให้พามาถึงตัวกันย์เปิดประตูให้และโค้งขอตัวลา ที่นี่คือห้องวาดรูปห้องหนึ่งในคณะศิลปกรรมศาสตร์ที่เต็มไปด้วยฉากขึงผ้าใบ กระป๋องสี และรูปปั้นประติมากรรมเรียงรายทั่วห้อง กลิ่นสีและสารเคมีฉุนเตะจมูก
.
.
.
“ใครเข้ามาน่ะ ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว” กันย์หันหลังพูด เรียวนิ้วจับพู่กันบรรเลงลายเส้นพริ้วไหวไปมาบนผืนผ้าใบอย่างไม่ยี่หระ

“ผมมาเยี่ยมนายน่ะกันย์ ได้ข่าวว่าฝีมือวาดรูปแนวแอบสแทรคโดดเด่นจนคว้ารางวัลระดับประเทศเลยนี่”

“นาย เป็นใคร” กันย์หันมาทางผม เขาเปลี่ยนไปเยอะทีเดียว ทว่าไฝใต้ตาก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ โครงหน้าหวานละมุนคล้ายผู้หญิง โครงร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเกลี้ยงเกลาตามแบบฉบับผู้ดีมีสกุลรุ่นชาติ เขาไว้ผมยาวและรวบไว้ด้านหลังสะท้อนถึงบุคลิกตามสาขาที่ร่ำเรียน

“ลืมเพื่อนเก่าแล้วรึ” ผมกระตุ้นให้เขานึกออกด้วยตัวเอง

“ฉัน ไม่นิยมจำชื่อคนนอกวรรณะ” เขาหันไปวาดรูปสีน้ำมันต่อ แต่ผมเดินเข้าไปขวางระหว่างผืนผ้าใบ เป็นการบังคับกลาย ๆ ว่าเขาต้องฟังผมเท่านั้น

“นาย คงไม่ลืมสิ่งที่ทำกับผมไว้หรอกนะ?” ผมหมายถึงหลายครั้งหลายคราวที่เขานั่งสเก็ตซ์รูปภาพตอนที่ผมถูกเพื่อนรุม บังคับให้เปลือยกายล่อนจ้อน บางครั้งก็เป็นคนบงการให้เพื่อนคนอื่นเหยียบย่ำผม โดยอ้างว่าทำเพื่อศิลปะ แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่ากันย์คืออัจฉริยะด้านศิลปะชนิดหาตัวจับยาก กวาดรางวัลทั้งระดับจังหวัดและประเทศจนประกาศนียบัตรและโล่เกียรติคุณสะสม ไว้เต็มบ้าน

“ลาโง่เอ๋ย มันคือศิลปะ นายควรแซ่ซ้องสรรเสริญมากกว่าก่นประณามด้วยความขลาดเขลา”

“ศิลปะบ้านแกสิ!?” ผมเริ่มของขึ้น ผลักฉากขึงผ้าใบล้มตึง ความโกรธปะทุเสียยิ่งกว่าตอนได้รับจดหมายแบล็คเมล์

“ไม่แปลกที่นายจะไม่เข้าใจ เพราะศิลปะคือสุนทรียรสที่มีไว้สนองอุดมการณ์ของคนชั้นสูงเท่านั้น” เขาพูดต่ออย่างหน้าตาย

“ความ คิดผูกขาดวัฒนธรรมสงวนไว้เฉพาะแวดวงชนชั้นสูง มันพังพินาศไปนานแล้วตั้งแต่มีเทคโนโลยีเข้ามา ฉันหรือใครก็มีสิทธิ์ซื้อซีดีโมสาร์ทมาฟัง หรือจะพอใจชื่นชมภาพโมนาลิซ่าในกุ๊กเกิ้ลเอาก็ได้ ดูท่าแกจะยึดติดกรอบความคิดคร่ำครึว่าวิชาจำพวกศิลปะ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ มีแต่คนชั้นสูงที่เรียนด้วยรสนิยมเพราะไม่ขัดสนเรื่องปากท้อง แกลำพองเกินไป! ลืมตาดูโลกซะมั่งว่าตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงมากไปเท่าไหร่ เลิกอ้างนามสกุลกินบุญเก่าหลอกให้ชาวบ้านยกย่องไปวัน ๆ ซะที! ยุคสมัยที่แกฝันมันจบไปนานแล้ว!! หัดอ่านหนังสือหลากหลายบ้างนะจะโลกทัศน์จะได้กว้างเกินกะลาครอบ!” ผมร่ายยาว ดึงดันเอาชนะความดื้นด้านไม่เข้าท่าของไอ้ผู้ดีแปดสาแหรกที่นั่งเต๊ะไม่รู้ ร้อนรู้หนาวตรงหน้า

“อย่า คิดว่าการศึกษาหรือการยกทฤษฎีสวยหรูขึ้นมาอ้างจะสร้างความชอบธรรมให้กับตน เองได้ สายโลหิตยังคงเป็นเครื่องยืนยันถึงฐานะในสังคม ต่อให้นายจบปริญญาเอกและรวยล้นฟ้าก็ไม่ต่างจากสามล้อถูกหวยในมุมมองของพวก เราหรอก” นับว่ากันย์เป็นลูกหนี้คนแรกที่ได้ต่อปากต่อคำกับผมได้อย่างมีชั้นเชิง

“ถ้า จะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ เทพก็คือเทพ มารก็คือมาร แม้จะแตกต่างกันในรายละเอียดแค่ไหน แต่โอปปาติกะเหล่านี้ก็ไม่มีทางย้ายจากภพภูมิที่เป็นกำพืดเดิมของตนได้” กันย์เริ่มโยงไปถึงปรัชญาเชิงศาสนา

“งั้น เทพอย่างพวกแกมีค่านิยมทำผู้หญิงท้องแล้วทิ้งรึไง รู้ไหมว่าลูกโตจนเข้าอนุบาลแล้ว!! ภูมิกับพลอยต้องมาแบกรับปัญหาที่แกไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแล เคยคิดจะส่งเสียเลี้ยงดูลูกในไส้บ้างรึเปล่า!!” ผมหยิบรูปน้องเก่งที่ได้มาจากห้องภูมิ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อร่อนไปยังกันย์ เขาใช้สองนิ้วคีบสู่ฝ่ามืออย่างลงจังหวะ
.
.
กันย์ใช้เวลาเพ่ง พินิจรูปน้องเก่งอยู่สักพัก ราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็ลุกจากเก้าอี้ ขึ้นมาอยู่แนวสายตาในระดับเดียวกัน
.
.
.
กันย์ฉีกรูปน้องเก่งแยกเป็นสองส่วนแล้วส่งคืนให้ผม
.
.
.
“หญิง อ่อนต่อโลกนางนั้นเลือกที่จะเก็บเด็กคนนี้ไว้เอง ฉันไม่สามารถรับผิดชอบได้ แม้ฐานะทางบ้านเธอจะร่ำรวย แต่ก็อย่างที่บอกไปว่า ในมุมมองของพวกฉัน ครอบครัวหล่อนก็ไม่ต่างจากเศรษฐีใหม่ที่ตั้งตัวได้จากการถูกหวยรวยหุ้น เราไม่เหมาะสมกันด้วยชาติตระกูล”

“ไม่ เหมาะแล้วแกไปทำเค้าท้องทำไม!! เลิกแถข้าง ๆ คู ๆ ได้แล้วไอ้ผู้ดีสติแตก!!” ผมเริ่มจับจิตของกันย์ได้คร่าว ๆ มันต่างจากกระแสจิตของคนทั่วไป และจากประสบการณ์ที่สะกดจิตคนมาหลายร้อยราย ทำให้ผมรู้ว่านี่เป็นลักษณะคุณภาพจิตของผู้เสพย์ยาเสพติด นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันพูดละเมอเพ้อพกด้วยสำนวนเพี้ยน ๆ

“เจ้า หล่อนก็มีคู่ครองปัจจุบันแล้วนี่ ฐานะก็เหมาะสมกันดี คงมีความสุขตามอัตภาพ แล้วนายจะเดือดร้อนไปทำไมกัน” กันย์ลอยหน้าลอยตายียวนด้วยมาดสงบนิ่ง

“ภูมิ กับแกอาจจะพูดไม่รู้เรื่องทั้งคู่ แต่ความเป็นคนของแก มันเทียบกับภูมิไม่ได้แม้ปลายเท้า เขาเป็นลูกผู้ชายมากกว่าแกอีก จำไว้ด้วย!” ผมชักเหลืออดกับเจ้านี่ทุกที ยิ่งเห็นมันวางตัวได้นิ่งเฉยไม่ไหลไปตามเกมยิ่งนึกหมั่นไส้ แต่มันกำลังจะจบลงแล้ว จากที่โต้ตอบเฉือนวาทะกันไปมาทำให้ผมเริ่มจับทางวิเคราะห์บุคลิกของมันได้ และผมจะกำลังจะเล่นกับวิธีพูดที่ใช้โจมตีจุดอ่อนของคนบุคลิกแบบมัน
.
.
.
“จะ บอกอะไรให้อย่างนึงนะ พลอยเล่าให้ฉันฟังว่าเครื่องเคราของภูมิขนาดเร้าใจมาก เทียบกับแกแล้วเหมือนไม้แคะหูแคะฟัน แถมภูมิมีกล้าม มีกล้ามหน้าท้องหกลอน จับพลอยเอากันท่าอุ้มแตงจนถึงสวรรค์ ลีลาเด็ด ๆ แบบนี้ผู้ชายระหงบอบบางอย่างแกทำไม่ไหวหรอก พลอยฝากทิ้งท้ายมาบอกว่าสงสัยลูกชายตระกูลคงนี้มีแต่พวกขี้โรคบ่มิไก๊ ข้างในไร้น้ำยา” ผมมั่นใจว่ามันต้องสะอึกเมื่อได้ยิน
.
.
.
“บังอาจนัก! พวกไพร่!” ได้ผลเกินคาด กันย์หน้าแดงก่ำ พุ่งตรงเข้ามาบีบคอผม

“คน สกุล “จิรวรกาล” ล้วนสูงส่งด้วยเกียรติภูมิที่สืบทอดมาหลายชั่วคน!! จะมาถูกไพร่อย่างแกลบหลู่ไม่ได้!!” ผมหายใจติดขัดเล็กน้อยจากแรงบีบ แต่มันก็คุ้มเมื่อเทียบกับความสะใจที่ได้กระชากหน้ากากเจ้าผู้ดีจอมปลอมออก มาได้ ในที่สุดมันก็ลดตัวลงมาเป็นทาสแห่งโทสะระดับเดียวกับผม

“ถอน คำพูดบัดเดี๋ยวนี้ไอ้ไพร่เลว!!” เขาเริ่มหนักมือขึ้น แต่ก็ถือว่าไม่เกินขอบเขตที่ผมจะออกแรงต้าน พลกำลังของพวกขี้ยาร่างบางจะมาสู้กับคนปกติได้อย่างไร ไม่งั้นพวกนี้มันไม่เล่นปืนผาหน้าไม้กันหรอก

ผม ผลักอกกันย์จนเซถลาไปชนชั้นวางของ ถังบรรจุสีเขียวที่วางไว้หมิ่นเหม่หตกลงมาราดตัวเขาจนท่อนบนเขียวปี๋เหมือน เนื้อตัวเปื้อนเลือดมนุษย์ต่างดาว เขานั่งกองอยู่กับพื้น มึนงงศีรษะจากแรงกระแทกถังสีที่ทำด้วยโลหะ

“แกเปรียบเปรยว่าตัวเองเป็นฝ่ายเทพ และฉันเป็นฝ่ายมารใช่ไหมกันย์?” ผมย่างเท้าเข้าใกล้เขาทีละน้อย

ส่วน กันย์ยังคงไม่มีสติเข้มแข็งพอที่จะโต้ตอบ ม่านตาผมขยายกว้างขึ้นเมื่อได้สบตากับเหยื่อรายนี้ โทษทัณฑ์ที่มันได้รับคือต้องจัดนิทรรศการศิลปะประจานด้านมืดของตนสู่สาธารณะ
.
.
.
.
.
“ฟังไว้ให้ดีไอ้เทพชั้นต่ำ พญามารตนนี้จะดึงแกลงมาสู่ภพภูมินรกเอง”
.
.
.
.


เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
27818
พลังน้ำใจ
153350
Zenny
157010
ออนไลน์
26461 ชั่วโมง

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
14862
พลังน้ำใจ
75682
Zenny
24452
ออนไลน์
11782 ชั่วโมง
ขอบคุณ​ครับ​

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
41958
พลังน้ำใจ
213088
Zenny
83966
ออนไลน์
15259 ชั่วโมง
สนุกมากครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
10936
พลังน้ำใจ
57278
Zenny
2513
ออนไลน์
19494 ชั่วโมง
ขอบคุณครับผม

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1599
พลังน้ำใจ
11030
Zenny
7435
ออนไลน์
975 ชั่วโมง
ขอบคุณ​ครับ​

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2667
พลังน้ำใจ
25788
Zenny
2183
ออนไลน์
2895 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2392
พลังน้ำใจ
18765
Zenny
6184
ออนไลน์
1238 ชั่วโมง

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
9295
พลังน้ำใจ
62836
Zenny
34222
ออนไลน์
7707 ชั่วโมง
ขอบคุณ​ครับ​

หัวหน้าห้อง

โพสต์
356
พลังน้ำใจ
2407
Zenny
954
ออนไลน์
154 ชั่วโมง

ประธานนักศึกษา

โพสต์
362
พลังน้ำใจ
4070
Zenny
3893
ออนไลน์
583 ชั่วโมง
ขอบคุนครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
5944
พลังน้ำใจ
42657
Zenny
10469
ออนไลน์
2706 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

โพสต์
536
พลังน้ำใจ
6600
Zenny
3840
ออนไลน์
684 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2272
พลังน้ำใจ
15423
Zenny
5882
ออนไลน์
1508 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

หัวหน้าห้อง

โพสต์
144
พลังน้ำใจ
1676
Zenny
244
ออนไลน์
330 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2845
พลังน้ำใจ
28700
Zenny
31940
ออนไลน์
2310 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
7956
พลังน้ำใจ
50077
Zenny
2321
ออนไลน์
4262 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
6677
พลังน้ำใจ
40327
Zenny
22566
ออนไลน์
2047 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นักศึกษา

โพสต์
29
พลังน้ำใจ
270
Zenny
158
ออนไลน์
32 ชั่วโมง
ขอบคุณมากนะครับ

ประธานนักศึกษา

โพสต์
183
พลังน้ำใจ
3440
Zenny
1149
ออนไลน์
255 ชั่วโมง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-4-27 03:27 , Processed in 0.141920 second(s), 24 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้