จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 2876|ตอบกลับ: 43
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

เย็ดเหนือเมฆ_จบ (CP)

[คัดลอกลิงก์]

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3060
พลังน้ำใจ
26788
Zenny
15809
ออนไลน์
2483 ชั่วโมง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย mon-mon เมื่อ 2021-6-6 08:48

     ผมงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นผมหลับอยู่ในอ้อมกอดพี่โต้งทั้งคืนแม้ตอนนี้ผมตื่นขึ้นแกก็ยังกอดผมไว้ผมเลื่อนมือพี่โต้งออกหวังจะลุกขึ้น เช้าแล้วต้องรีบกลับบ้าน แต่ใจไม่อยากไปไหนเลยอยากนอนอยู่อย่างนี้ร่ำไป ไม่ได้สิเดี๋ยวใครมาเห็นใจหนึ่งผมค้านใครที่ว่าก็คืออ๊อฟนั่นเอง ผมกลัวยิ่งนักเมื่อนึกเห็นหน้าเขาขึ้นมาผมกำลังจะเหยียดกายขึ้นแต่พี่โต้งก็รั้งผมไว้
     "อย่าเพิ่งลุกเลยให้พี่โต้งนอนกอดนานๆ หน่อย"
     แกพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา
     "เช้าแล้วครับ เต้ต้องรีบกลับบ้าน"
     "น่า น๊ะ นอนต่อเถอะนะครับ"
     แกลืมตาขึ้นมองผมพูดเสียงอ้อนผมแพ้อีกแล้ว เสียงอ้อนหวานๆ มีเสน่ห์ของพี่โต้งทำให้ผมไม่อาจจะขืนแกได้ ผมจึงได้แต่ทอดตัวลงนอนตามเดิม แกรั้งผมเข้าแนนชิดก่อนจะจูบที่แก้มผม
     "เดี๋ยวบ่ายๆ พี่โต้งจะไปส่งนะ ตอนนี้ให้พี่โต้งนอนกอดให้ชื่นใจก่อน"
     ในที่สุดผมก็หลับอยู่ในอ้อมกอดแกอีกครา...แต่ไม่นานนักผมสะดุ้งเฮือกจากหลับอันเป็นสุขเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูปังๆ เสียงดังหัวใจผมวาบสั่นเต้นโครมๆ นั่นไงสิ่งที่ผมกลัว มันใกล้คืบคลานมาถึงแล้ว
     "พี่โต้ง ๆ"
     เสียงอ๊อฟเรียก พลางเคาะประตูปังๆ เสียงดังผมนอนนิ่งเงียบ ใจกระวนกระวายเหลือกำลัง ฟังเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นๆ เรื่อยๆจนในที่สุดพี่โต้งก็รู้สึกตัวงัวเงียลงจากเตียงแล้วก้มหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันรอบเอวปกปิดกายที่เปลือยเปล่ามาทั้งคืนก่อนจะเดินไปเปิดประตูออกเพียงเล็กน้อยแล้วใช้ตัวบังช่องนั้นไว้ผมได้แต่จดจ่อฟังการสนทนาของคนสองคน
     "อะไรเล่าอ๊อฟ มาเคาะอะไร พี่นอนอยู่นะ"
     แกพูดเสียงเหนื่อยๆ ทำเหมือนไม่ชอบใจ
     "พี่โต้งเห็นเต้ไหม? เมื่อคืนนี้..."
     อ๊อฟจบประโยคกลางคัน แล้วพี่โต้งเสริมต่อ
     "เมามาก เอ็งนี่มันแย่จริงๆปล่อยให้เพื่อนเมาอยู่ข้างนอก ตัวเองดันมาหลับสบายในบ้าน"
     "แล้วเต้ละพี่"
    "พี่ไปส่งแล้วเมื่อคืน รู้มั้ยพี่ต้องโดนแม่เต้ด่ามาเนี่ยทำไมถึงให้ลูกเขากินเหล้ากินเบียร์ แล้วอย่างเนี่ยเอ็งจะมองหน้าแม่เขาติดเหรอเอาลูกเขามาเมามายอย่างนี้"

     ตายละเราอยู่ในห้องนี้แท้ๆ พี่โต้งพูดไปได้แม่ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย
     "ก็นิดหน่อยเอง"
     "ไม่หน่อยเลย พี่โดนแม่เต้ด่าก็ความผิดเอ็ง พี่ต้องคาดโทษแกไว้จะไม่บอกพ่อเออ...แล้วพ่อกับแม่มายังวะ"
     "ยังเลยพี่ถ้ามาผมก็แย่นะสิยังไม่ได้อาบน้ำชำระตัวเลย กลิ่นยังติดอยู่เลย งั้นผมไปอาบน้ำนอนต่อดีกว่า ขอบใจนะที่ไปส่งเต้ให้ผม"

     อ๊อฟขอบคุณพี่ชายแล้วก็ถอยร่นไป
     "เออ...ไม่ต้องมาปลุกอีกนะจะนอน"

     พี่โต้งพูดจบปิดประตูลงล็อกแล้วหันมายิ้มหวานให้ผมก่อนจะเดินมามานอนทับตัวผมแล้วพลิกตัวลงข้างๆ สบายอารมณ์
     "พี่โต้งโกหกลื่นจัง"

     ผมหันหน้าเข้าหาแก แล้วพูดออกมาด้วยความโล่งใจที่สิ่งที่ผมคาดคิดว่ามันจะเกิดผ่านไปด้วยดี
     "เอ้า !แล้วจะให้พี่โต้งบอกว่าเต้นอนอยู่กับพี่หรือไง"

     ผมเห็นแกพูดแบบนั้นจึงอึกอักพูดไม่ออกได้แต่หลุบตาหนีหน้าแก
     "พี่โต้งรู้ว่าเต้กับออฟคบกันอยู่พี่โต้งดูออกน่า"
     "พี่โต้งรู้..."

     ผมคราง
     "ครับ ถ้าพี่โต้งบอกว่าเต้นอนอยู่กับพี่อ๊อฟมันก็เอาพี่ตายนะสิยิ่งเอาแต่ใจอยู่ไอ้นี่"
     "พี่รู้...แล้วทำไมถึง..."
     "ก็ พี่โต้งชอบเต้หนิครับ เดินผ่านกันที่โรงเรียนก็บ่อย พี่ยิ้มให้ก็ไม่ยิ้มตอบ"

     ให้ตายสิทำไมผมไม่เคยเห็นเลย หรือผมไม่ใส่ใจเองคงเพราะผมเป็นคนที่ไม่ชอบสู้หน้าใครเวลาเดินจะชอบชายตาต่ำๆ มองที่พื้นมากกว่า แต่ไม่ใช่ก้มศีรษะนะเป็นเพียงการมองลงพื้นในระยะ 45 องศามากกว่า
     "นอนต่อเถอะครับ บ่ายๆค่อยตื่นกัน แล้วเรื่องเราสองคนพี่จะบอกอ๊อฟเอง แต่ต้องคิดก่อนว่าจะบอกยังไง อ๊อฟยิ่งเป็นคนขี้น้อยใจอยู่ บอกตรงๆไป เดี่ยวทำอะไรบ้าๆ เข้า"
     "พี่โต้ง..."
     "ครับ"
     "เต้ว่าเต้บอกเองน่าจะดีกว่า"

    "เอา งั้นก็ได้ครับ นอนเถอะ"

     พูดจบแกรั้งผมเข้าไปกอด ลูบศีรษะผมเล่นไปมาและในที่สุดแกก็หลับไปปล่อยให้ผมใช้ความคิดว่าจะบอกยังไงดี จนในที่สุดผมก็ตกลงกับตัวเองได้ว่าไม่บอกเห็นจะดีกว่า ทำไมนะเหรอ คงเพราะผมก็ยังชอบออฟอยู่ไม่อยากจะเสียเขาไปทั้งที่เพิ่งคบกันได้ไม่นานแบบนี้ ตราบใดที่ผมจะเก็บความลับไว้ได้นานเท่าใดตราบนั้นผมก็จะปล่อยเหตุการณ์ให้ดำเนินไปตามปรกติของมันให้ผมเลือกตอนนี้ไม่ได้หรอกว่าจะอยู่กับใครพี่โต้งหรืออ๊อฟ ในที่สุดผมก็หลับตามพี่โต้งไป...


     14.23 นาฬิกา เวลาจากเรือนนาฬิกาที่แขวนอยู่ติดผนังห้องบอกเวลาเมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยการปลุกของพี่โต้งแกจูบลงที่หน้าผากผมแล้วบอกให้ไปอาบน้ำกันผมบอกให้แกไปอาบก่อนแล้วผมจะอาบทีหลัง แต่แกไม่ยอมบอกให้ไปอาบพร้อมกันผมขัดขืนแต่ก็ไร้ผลเมื่อแกช้อนอุ้มกายผมที่เปลือยเปล่าขึ้นตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วค่อยๆ วางผมลงยืน แกเปิดฝักบัวปล่อยน้ำออกมาอาบกายเราทั้งสองคน น้ำเย็นๆไหลอาบกายลงไปถึงร่องตูดผม มันรู้สึกแสบๆ เมื่อโดนน้ำ ยิ่งขมิบก็ยิ่งแสบ
     "โอ้ย...แสบ"

     ผมผลั้งปาก
     "ครั้งแรกก็แบบนี้ละครับ"

     แกพูดออกมา
     "พี่โต้งรู้ดีจัง เหมือน..."

     ผมไม่อยากจะพูดต่อเลยว่าผมไม่ใช่คนแรกของแกแต่ก็คงจะเช่นนั้นเพราะบทรักอันเร่าร้อนเมื่อคืนนี้ก็คงจะบอกผมได้เป็นอย่างดีว่าแกช่องชำนาญเพียงใด
     "พี่สารภาพนะว่าเต้ไม่ใช่คนแรกของพี่โต้ง"

     นั่นไงละดังที่ผมคาดไว้ไม่ผิด พี่โต้งเอื้อมมือมาตะปบที่ก้นผมแล้วขยำ
     "อย่าสิพี่โต้ง...เต้แสบนะ"

     ผมปัดมือแก
     "ต้องให้พี่เอาบ่อยๆ แล้วจะหาย มา...ว่าแล้วก็เอาตอนนี้เลยละกัน"
     "พี่โต้งก็..."

     ผมพูดไม่จบแกก็ประกบปากลงมาบดจูบขยี้ปากผมเร่าร้อน หัวใจผมเริ่มเต้นระส่ำเผยอปากรับสัมผัสนั้น กายผมดังจะหมดเรี่ยวแรงระทวยลงไปตรงนั้นกับบทสวาทที่เร่าร้อนผมครางในลำคอ สองมือโอบคอแกไว้มั่น ยื้อตัวขึ้นยืนด้วยปลายเท้ารั้งตัวให้แบบชิดกันพี่โต้งรั้งตัวผมรัดแน่นก่อนจะเลื่อนไล้ปากลงมาซุกซอนที่ต้นคอไล้ลงไปขบกัดนมผมสุดปรารถนาที่ผมชอบยิ่งนักผมครางแข่งกับสายน้ำที่สาดซัดออกมาจากฝักบัว แกจับผมหันหลังบอกให้ก้มตัวกางขางออกแล้วแกก็ค่อยๆ ยัดควยที่แข็งใหญ่เข้ามาในรูตูดผม อาว์...เริ่มแล้วปรารถนาที่เฝ้ารอพี่โต้งสาดซัดบทกามเข้ามาไม่ขาดสาย เสียงครางของผมระงมแข่งกับเสียงน้ำซู่ซ่าเนิ่นนานที่กามสวาทก่อตัวแผดเผาเราภายในห้องน้ำเล็กๆ นั้น ความรุ่มร้อนที่แม้สายน้ำก็ไม่อาจจะดับมันลงได้ห้องน้ำเล็กๆ บัดนี้ได้กลายเป็นที่เริงสวาทใคร่ของเราสองคนอาว์....ความสุขที่ปรารถนาไม่อยากจะให้จบสิ้นลงแม้แต่วินาทีเดียว...
********************************************
     หลังจากที่เราอาบน้ำเสร็จก็ออกจากห้องพี่โต้งเดินโอบไหล่ผมลงมา ผมรู้สึกอายยิ่งนักเมื่อลงมาเห็นแม่พี่โต้งนั่งมองอยู่ผมก็แต่ยิ้มเฝื่อนรับเมื่อแม่พี่โต้งยิ้มมา
     "หิวจังเลย...แม่มีอะไรกินป๊ะ"

     พี่โต้งพูดกับแม่ เมื่อได้คำตอบว่าไม่มีอะไรเลยก็ด้วยความที่เมื่อคืนนี้พ่อกับแม่พี่โต้งไปนอนที่บ้านยายกันผมยกมือไหว้ลาแม่พี่โต้งก่อนออกไปด้วยกันกับพี่โต้งทีแรกนึกว่าพี่โต้งจะพาผมกลับบ้านเสียทีเดียวแต่นี้แกกลับเลี้ยวรถไปทางตัวอำเภอเข้าตลาดไปซื้อของกันมีอยู่ร้านหนึ่งที่ผมอายสุดๆ คือไปซื้อกางเกงในแกถามขึ้นมาโดยไม่สนคนขายเลยว่าผมใส่ยี่ห้ออะไร ผมกระตุกกระตักตอบพี่โต้งมองหน้าคนขายที่ยิ้มให้ผมเมื่อพี่โต้งหยิบขนาดที่ผมใส่อันนี้พี่แกไม่ถามสงสัยจะรู้เมื่อคืนนี้ว่า sizeไหน ผมรีบพาพี่โต้งเดินออกมาจากนั้นโดยเร็วจากนั้นเราก็ไปหาข้าวกินกัน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ 6 โมงเย็นเกือบจะค่ำแกอยู่คุยกับพ่อแม่ผมนานจนล่วงเวลาทานข้าวเย็นแกก็อยู่ทานด้วย กว่าแกจะลาพ่อกับแม่ผมกลับไปก็3 ทุ่มได้ ผมเดินออกมาส่งแกที่หน้าบ้านมองแกขับรถออกไปจนสุดสายตาแล้วหันตัวจะเดินเข้าบ้านแต่ก็ต้องหยุดเท้าลงเมื่อมีเสียงเรียกชื่อผมมาด้าน หลัง
     "ไงเต้...กลับซะค่ำเลยนะ"

     เสียงตุ้งเพื่อนผมทักมา ผมแปลกใจทำไมมันมาดึกๆ แต่ก็ดีใจที่เห็นมัน ผมมีเรื่องจะพูดกับมันเยอะแยะเลยและก็อยากจะขอโทษเรื่องเมื่อวานที่ผมไม่ไปน้ำตกกับมัน
     "เอ้า...มาทำไมดึกๆ ตุ้ง"
     "ก็มาดูคุณนั่นแหละครับ มาไม่ได้เหรอไง งั้นผมกลับก็ได้"

     มันหันหลังกลับ ผมรีบทักไว้
     "น้อยใจไปได้"
     "มันน่าน้อยใจมั้ยละเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน"
     "เออ...ผมขอโทษคุณละกัน"

     ผมแกล้งพูดสำนวนของตุ้ง

    "คืนนี้มานอนกับกูนะมีเรื่องจะคุยด้วย"
    "ทีงี้ละเห็นหัวเลยนะ"
     "แล้วจะนอนมั้ยละ"

     ผมย้ำ
     "ก็ได้ งั้นผมไปบอกพ่อก่อนเอางี้แล้วกันคุณไปกับผมด้วยแล้วกัน"

     ไม่พูดเปล่าตุ้งฉุดมือผมตามไปขึ้นขี่รถมอ'ไซต์ออกไปซึ่งผมไม่รู้ว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลยเมื่อกี้หรือมันมานานแล้วแต่ไม่เข้าบ้าน
ผม ขึ้นบ้านเข้าห้องนอนไปพร้อมกับตุ้งหลังจากที่กลับจากบ้านมันแล้วผมเปิดไฟในห้องแล้วทิ้งตัวลบบนเตียงแล้วถอนหายใจแรงๆ ทอดยาว เฮ้อ....ตุ้งเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ ผม มันจ้องมองผมตาไม่กระพริบจนผมท้วงมันว่าจะมองอะไรนักหนา อยู่ดีๆ มันก็ก้มหน้าลงมาแทบชิดหน้าผมจนผมท้วงว่าจะทำอะไร แต่มันก็บอกให้ผมอยู่เลยๆ มันเอามือเปิดคอเสื้อเชิ้ตผม (เสื้อพี่โต้ง ซึ่งทั้งกางเกงก็ของพี่แกส่วนเสื้อผ้าผมทุกชิ้นทิ้งอยู่ในห้องแก) แล้วมันก็อุทานออกมา ทำเสียผมตกใจ
     "อะไรตุ้ง"

     ผมเด้งตัวลุกขึ้น
     "ทำอะไรมาละ ก็ดูเอาเองสิ"

     ตุ้งบุ้ยหน้าไปทางกระจกตรงตู้เสื้อผ้าผมรีบลุกเดินไปดูผลี่คอเสื้อเปิดดูก็เห็นรอยจ้ำๆ สีคล้ำ มันทำให้ผมตกใจผมคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ตายแล้วสิ บทรักสวาทพี่โต้งมันติดตัวผมมาด้วยผมรีบแกะกระดุมเสื้อออกเปิดอกก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยจ้ำๆอีกหลายที่แถบหัวนมทั้งสองข้าง ผมเดินมาทางตุ้งนั่งลงข้างๆ แล้วบอกให้ดู
     "จะทำไงดีละ เพื่อนที่โรงเรียนเห็นคงล้อแน่เลย"
     "ก็ทำตัวเอง"

     มันตอกย้ำการกระทำของผมด้วยคำพูดเนิบๆ
     "ไอ้บ้า ไม่คิดจะช่วยกันเลยหรือไง"

     ผมค้อนมันแล้วพูดต่อ
     "ที่อกไม่เท่าไรหรอกเสื้อนักเรียนมันปิดแต่ที่คอนี่สิ ทำไงดีวะตุ้งช่วยกูหน่อยสิ กูไม่อยากให้ใครเห็นโดยเฉพาะ..."

     ผมหยุดไม่กล่าวต่อ
     "พ่อกับแม่คุณนะเหรอ"
     "ก็ใช่แต่อีกคนนะ..., อ๊อฟนะ"

     ผมตอบเสียงแผ่วเบา
    "ห๊าาา"

     ตุ้งอุทาน เบิกตาทำหนาตกใจ งวยงงสงสัยมันคิดว่ารอยรักนี่เป็นของอ๊อฟที่ฝากไว้ให้ผม แต่มันใช่ซะที่ไหนละ
     "ทำไมคุณต้องกลัว ก็คุณกับมัน..."

     มันไม่พูดคำต่อไปสงสัยจะระคายปาก
     "ก็นี่แหละที่กูให้คุณมานอนด้วยกูจะเล่าให้คุณฟัง"

     แล้วผมก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้มันฟังผมสังเกตดูสีหน้ามันที่ทำหน้าเหลือเชื่อ คงไม่คาดคิดว่าผมจะง่ายเสียขนาดนี้ให้ตายสิ...จะทำได้ไงละก็พี่โต้งมีเสน่ห์ออก     ขนาดนั้น
     "กูคิดว่าจะยังไม่บอกอ๊อฟหรอกก็ยังชอบเขาอยู่นะถึงจะมีอะไรกับพี่โต้งแล้วก็เถอะ"
     "แล้วคุณชอบพี่โต้งมั้ย?"
     "ชอบสิ"

     ผมตอบฉับพลัน
     "เออ..งั้นแล้วแต่คุณจะทำยังไง"

     มันสรุปจบ แล้วเอนตัวลงบนเตียงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
     "อือ...เรื่องนั้นไว้ก่อนแต่เรื่องรอยที่คอกูนี่สิจะทำไง"
     "เออๆเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปซื้อพาสเตอร์แก้ปวดมาให้ คุณก็ทำเป็นติดที่ขมับอันทำเป็นปวดหัว อีกอันก็ปิดคอกลับรอยก็เสร็จแล้ว"
     "เออ...ความคิดดี ขอบใจคุณวะตุ้ง"
     "ช่างมันเถอะ ตอนนี้นอนเถอะกูง่วง"

     มันตัดบทแล้วดันตัวขึ้นไปให้หัวถึงหมอนแล้วหลับตาลงสนิท ผมลุกไปปิดไฟด้วยความโล่งใจที่มีวิธีแก้ปัญหา แล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ตุ้งผมนอนคิดถึงพี่โต้งกระวนกระวาย ยิ่งคิดก็ยิ่งรุ่มร้อนใจคิดถึงบทสวาทที่แกมอบให้ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ดิ้นกระสับกระส่วยไปมามองดูตุ้งก็หลับนิ่งไปนานแล้วผมจึงพยายามข่มตาหลับเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้วในขณะที่ผมกำลังเคลิ้มหลับนั้น ตุ้งอยู่ดีๆ ก็พาดมือมากอดผม ผมมองไปทางมันแสงจันทร์ที่ลอดผ่านมาทางหน้าต่างกระทบตรงหน้าตุ้งลางๆ ทำให้ผมเห็นว่ามีน้ำไหลลื่นออกจากดวงตามันสองข้าง แล้วมันก็กอดผมแน่นขึ้นๆจนผมตกใจ ผมเรียกชื่อตุ้งเบาๆ เพื่อให้รู้สึกตัวแต่ก็ไม่มีผลอะไรจนต้องเขย่าตัวมันแรงๆ พลางตบไปที่ต้นแขนมัน
     "ตุ้ง...ตื่นๆ เป็นอะไรไป"

     ตุ้งดึงมือจากตัวผมกลับไปรวดเร็ว แล้วลุกขึ้น นั่งเอามือปาดน้ำตาทิ้งไป
     "ร้องไห้ทำไมตุ้ง เป็นอะไรเปล่า"

     ผมถามด้วยความห่วงใยเพื่อน ค่อย ๆกลับสติให้ใจสงบจากอาการตกใจเมื่อกี้
     "ฝันร้ายนะ"

     ตุ้งเอ่ยออกมา
     "ฝันอะไรจนต้องร้องไห้ กูกลัวเลยเมื่อกี้ตกใจหมด"

     "อือไม่มีอะไรหรอก ฝันว่ามีคนมาแย่งเอาของรักไปนะ"
     "สงสัยของสิ่งนี้จะรักมากละสิถึงได้ร้องไห้ออกมาด้วย"
     "ก็คงงั้น"

    ตุ้งตอบสั้นๆ
    "เล่าให้ฟังหน่อยสิ"

     ผมรบเร้าให้ตุ้งเล่าความฝันให้ฟัง ทั้งที่จริงก็อยากรู้นั่นแหละว่าของรักนะคืออะไรแต่ตุ้งก็ปฏิเสธบอกให้นอนต่อ ตุ้งเอนตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้ผมค่อยถามพรุ่งนี้ก็ได้ ผมคิดแล้วจึงหลับตานอนตามไปอีกคน...


     เวลาล่วงมาสองปี ผมขึ้น ม. 2 ตอนนี้ก็ช่วงเทอม2 ฤดูหนาวของเดือนตุลาคม ช่วงพักเที่ยงของวันฟฤหัสฯผมนั่งเล่นคุยกันอยู่กับอ๊อฟกลับตุ้งต่างๆ นาๆ ส่วนมากผมกับอ๊อฟจะคุยกันมากกว่าส่วนตุ้งจะนั่งฟังมากกว่า บ่อยครั้งที่ตุ้งจะเดินหนีออกไปแต่ผมก็อ้อนวอนด้วยสายตาให้ตุ้งอยู่ด้วยไม่รู้สิผมไม่อยากให้ตุ้งไปไหนอยากให้อยู่เป็นเพื่อนผมตรงนี้มากกว่า ผมไม่เคยคิดว่าจะเป็นกอ ขอ คอ อะไรเหมือนคู่รักอื่นๆ เขา ผมอยากให้ตุ้งอยู่กับผมรับฟังเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นไปพร้อมกับผม ช่วงหลังๆ มานี่ตุ้งจะเงียบๆ ถึงจะอยู่กับผมสองคนก็ไม่ค่อยคุยเหมือนดังเก่าผมถามว่าเป็นอะไรมั้ย ก็ปฏิเสธไม่เป็นอะไร สักพักพี่โต้งก็เดินมานั่งสมทบซึ่งจากคืนนั้นมาเวลาอยู่ที่โรงเรียนแกก็จะหาเวลามาคุยกับผมบ่อยๆหรือช่วงไหนคาบเรียนอิสระของผมพี่แกก็จะโดดเรียนคาบของแกหลบเข้าห้องสมุดไปนั่งคุยกับผม วันนี้แกใส่ชุด รด.รัดกายแน่นเผยให้เห็นอกกำยำ ต้นขาที่รัดแน่นชวนให้หลงไหล ดูมีเสน่ห์ยิ่งนักส่วนพวกผม อ๊อฟ และตุ้งก็อยู่ในชุดลูกเสือ ซึ่งผมรู้สึกอึดอัดเหลือเกินกับชุดนี้ให้ตายสิไม่ชอบใส่เลย แกกลบเกลื่อนความจริงระหว่างผมกับแกได้เนียนมากอ๊อฟไม่รู้สึกเอ่ะใจอะไรเลย มีแต่ตุ้งเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้เรานั่งคุยกันจนเสียงออดดังเป็นสัญญาณขึ้นเรียน จึงต่างแยกย้ายกันไปผมรอเวลานึดนึงให้อ๊อฟเดินขึ้นไปก่อน แน่ละตุ้งเป็นคนพาเขาไปด้วยความที่รู้ว่าผมต้องมีอะไรคุยกับพี่โต้งต่อ
     "เต้...วันนี้พี่โต้งไปส่งที่บ้านนะครับ"
     "ครับ... ผมรอหน้าโรงเรียนประตูทางเข้านะ"

     ผมตอบรับแล้วบอกสถานที่รอ พี่โต้งขับรถไปส่งผมบ่อยๆหลังจากคืนนั้นมา ส่วนอ๊อฟนะเหรอหลังจากวันที่พี่โต้งพูดดักไว้ว่าโดนแม่ด่าเรื่องพาผมไปเมาก็ไม่กล้าไปส่งผมที่บ้านอีกเลย ช่างเป็นแผนที่แยบยลเสียจริงบางทีพี่โต้งก็จะถือโอกาสนอนที่บ้านผมด้วยบางครั้งที่มาส่งผมซึ่งแม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร จนพี่โต้งสนิทกับพ่อกับแม่ผมแล้ว เหตุที่ค้างนั่นนะเหรอหึๆ ก็คงไม่พ้นเรื่องรักบทสวาทใคร่ที่พี่แกต้องการไม่ต่างจากผม เรื่องของผมกับพี่โต้งผมไม่รู้ว่าแม่กับพ่อผมรู้หรือเปล่าแต่เวลาที่แกมาที่บ้านผม พ่อกับแม่ผมชอบพูดเสมอว่า อย่าทิ้งน้องนะรักกันนานๆ ผมก็แปลกใจว่าทำไมถึงพูดเช่นนั้นพี่โต้งก็ตอบรับให้คำมั่นสัญญาเป็นอย่างดี ผมมารู้ทีหลังว่าแม่ผมมาเห็นผมกับพี่โต้งกำลังระเริงรักกันอยู่ (ลืมล็อกประตูห้องนอน)ตอนแรกแม่แกเสียใจร้องให้ จนไปปรึกษากับพ่อเรื่องของผม โชคช่างเข้าข้างผมเสียจริงเมื่อผู้เป็นหัวเรือใหญ่อย่างพ่อผมรับสภาพนี้ได้แต่แกก็ทำใจอยู่นานเหมือนกัน...
     ผมยืนรอพี่โต้งที่หน้าประตูโรงเรียน ด้านเข้า รถวิ่งมาจอดตรงหน้าผมแต่รถคันนี้เป็นของตุ้ง มันบอกให้ผมขึ้นรถ แต่ผมก็ปฏิเสธไป บอกว่าพี่โต้งจะไปส่งแต่ตุ้งก็ขอร้องอ้อนวอนให้ผมไปด้วยให้ได้
     "เออ...ก็ได้ งั้นรอบอกพี่โต้งก่อนแล้วกัน"

     ผมตอบรับแต่ก็ยังยืนรอพี่โต้งต่อไปตุ้งเลี้ยวรถกลับเข้าไปในโรงเรียนสักพักก็กลับออกมาแล้วบอกผมว่า พี่โต้งรู้แล้วผมจึงยินยอมขึ้นรถไปกับตุ้ง ตุ้งออกตัวรถแรงมากและขับไปเร็วเหมือนคลั่งอะไรมาจนผมต้องเอามือกอดเอวตุ้งไว้ รถมาจอดที่หน้าบ้านผมผมลงจากรถแล้วตะคอกใส่หน้าตุ้งด้วยความโกรธ
     "เป็นบ้าอะไรวะขับรถอย่างนี้"

     แล้วเดินเข้าบ้านไปตุ้งเดินตามผมมาเข้าไปในห้องนอน ตุ้งปิดล็อกลูกบิดประตูแล้วยืนพิงประตูผมโยนกระเป๋าไปบนเตียงนอน แล้วปล่อยตัวเองตามลงไป รู้สึกหงุดหงิดและโกรธตุ้งด้วยที่ทำอย่างนี้ผมพลิกตัวนอนหงายหน้าขึ้นมองดูตุ้งที่ยืนพิงประตูอย่างด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
     "มีอะไรก็พูดมาสิ"

     ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
     "ผมขอโทษที่ทำให้โกรธ แต่ผมอยากจะคุยกับคุณให้รู้เรื่องวันนี้เลยผมอึดอัดมานานแล้ว"
     "ก็ว่ามาสิ"

     ตุ้งนิ่งอยู่นานก่อนจะเดินมาแล้วโน้มตัวลงมาทับตัวผมสองมือตุ้งกดทับข้อมือผมไว้ทั้งสองข้างตุ้งมองตาผมอยู่นานแล้วก้มหน้าลงมาใกล้เรื่อยๆจนลมหายใจอุ่นๆ ของตุ้งสัมผัสเข้าที่หน้าผม ตุ้งประกบปากลงมาจูบเบาๆที่ริมฝีปากผมแล้วเงยหน้าขึ้นมองตาผม ตุ้งเห็นผมนิ่งไม่ขัดขืนจึงก้มลงจูบอีกครั้งคราวนี้เนิ่นนานหนักหน่วง ใจผมเต้นเร่าๆ เผยอปากรับสัมผัสนั้นอย่างไม่อิดเอียนแปลกเหลือเกินทำไมผมไม่ขัดขืนการกระทำของตุ้งเลยใจผมมันกลับยินยอมให้ตุ้งกระทำได้ชอบใจ ตุ้งตวัดลิ้นแยงเข้ามาในปากผมดูดซับไออุ่นนั้น
     "ตุ้งรักเต้นะ...รักมานานแล้ว"

     ตุ้งกระซิบแผ่วที่ข้างหูผมก่อนระเรงจูบซุกไซ้ไปตามลำคอผม มือเขาค่อยๆปลดกระตุมเสื้อลูกเสือผมออกแล้วลากจูบลงไปพรมบนหัวนมผม อาว์...ช่างดีเหลือเกินผมแอ่นอกขึ้นสนองรับสัมผัสจูบนั้นตุ้งลากลิ้นวนเวียนตรงปลายหัวถันแล้วเลื่อนต่ำลงไปจูบสัมผัสตรงสะดือผมมือเขาแกะเข็มขัดออกแล้วรั้งกางเกงผมออกไปจากกายผมเขาเลื่อนปากต่ำลงไปใช้ลิ้นระเริงเล่นตรงดงหมอยจนมันเปียกชุ่มแล้วลากต่ำไปดูดอมพวงไข่ มือรูดควยผมจนมันแข็งตัวตื่นเต็มที่ อาว์...แบบนั้นละตุ้ง...ผมยกขากางออกเมื่อตุ้งลากลิ้นแยงตวัดตรงรูก้นผม

     "อืม...."

     ผมครางตุ้งตวัดลิ้นวนเลียร่องตูดผม สูดดมเสียงดังยิ่งทำให้ใจผมเร่าร้อนกระสันอยากเป็นทวีตุ้งปลดเข็มขัดแล้วดึงกางเกงตัวเองลงกองที่พื้นแล้วจับควยตัวเองมาจ่อที่รูตูดผมแล้วค่อยๆ ยัดเข้าไป ช้าๆ ช้าๆ จนสุดโคนเสียงครางของตุ้งที่เล็ดลอดออกจากปากที่ขบเม้ม ผมพยายามขยับก้นบอกให้รู้ว่า ทำสักทีเถอะต้องการมากแล้ว ตุ้งค่อยๆ เริ่มจังหวะกระเด้าเหมือนพึ่งฝึกงานแล้วค่อยๆเข้าที่รู้จังหวะ ตุ้งกระเด้าสอยเข้ามาถี่ๆ ร้องเสียงครางดังกว่าผมเสียอีกตุ้งก้มตัวลงมาจูบผม บั้นท้ายก็ส่งแรงกระเด้าปับๆ เข้ามาตลอด ผมครางอือๆออกจากปากที่ประกบแลกลิ้นกันพัลวันนั้น สองมือโอบกอดแผ่นหลังตุ้งไว้มั่นแล้วเลื่อนมันไปขยำก้นตุ้งบีบแน่นตามจังหวะกระเด้านั้น ตุ้งเลื่อนปากลงมาขบกัดที่หัวผมดูดด่ำ ตวัดลิ้นวนเลียรอบถันนั้นเขากระเด้าถี่ขึ้นปับๆ เร็วขึ้น ก่อนที่ควยเขาจะกระตุกฉีดน้ำเข้าไปในรูตูดผมเขากัดหัวนมผมแน่นจนผมรู้สึกเจ็บ ต้องแผ่นอกขึ้นรับสนองสัมผัสนั้นผมรูดควยตัวเองตามสักพักน้ำควยผมก็ฉีดพุ่งเปรอะตามเสื้อลูกเสียสีกากีเข้มของตุ้งนั้น
      ตุ้งครางซีส ๆ หอบหายใจแรงๆแล้วฟุบหน้าลงบนอกผม รำพันว่ารักผม รักเต้ รักมาตลอด ...ผมรู้สึกว่าอกผมเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของตุ้ง เขาร้องไห้ หรือนี่ เมื่อไฟกามดับมอดลงทุกอย่างกลับคืนสู่ปรกติสภาพ ผมจับตุ้งพลิกออกจากตัวผมให้นอนข้างๆ
     "เต้...ตุ้งรักเต้นะเราทนมานานกับความเจ็บปวดเมื่อเห็นตุ้งอยู่กับคนอื่น มันเจ็บมาก เจ็บที่ใจจนตุ้งไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้วตุ้งขอโทษนะที่ทำกับเต้แบบนี้ แต่ตุ้งห้ามใจตัวเองไม่ไหว มันอัดอั้นมานาน เต้...ตุ้งรักเต้นะ รักมากด้วย จนไม่อยากจะเสียเต้ไปให้ใคร"

     ตุ้งพูดยาวเหยียดบรรยายความรู้สึกตัวเองที่มีต่อผม เขาร้องไห้ไม่หยุดเอื้อมมือมากอดผมแล้วซุกหน้าร้องไห้
     "เต้รักเราได้ไหม?"
     "ตุ้ง...เราเป็นเพื่อนกันนะ"
     ในที่สุดผมก็พูดออกมาหลังปล่อยให้ตุ้งพูดอยู่นาน
     "แต่ตุ้งไม่อยากเป็นเพื่อนแล้ว ตุ้งรักเต้มากกว่าเพื่อนนะ รักแบบคนรัก"
     "เราเป็นแบบนั้นกันไม่ได้หรอก"
     "แล้วเมื่อกี้เต้ทำไมยอมให้ตุ้งเอาละหรือก็แค่แก้ความอยาก..."

     ผมไม่รอให้ตุ้งพูดพบผมดีดตัวขึ้นนั่ง มองตุ้งด้วยความโกรธ ทำไมถึงพูดอย่างนี้นะ แก้อยาก งั้นหรือ
     "ใช่ ก็แค่ก็อยาก กลับไปเลยนะไม่ต้องมาคบกันอีก อย่ามาเรียกเราว่าเพื่อนอีก"
     ผมพลั้งปากพูดด้วยความโกรธ
     "เต้..."
     "ไปสิ...ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกทำเป็นไม่รู้จักกันเลยยิ่งดี"
     "ตุ้งขอโทษ"
     ตุ้งเอ่ยเสียงสลด
     "ไม่ ต้องมาขอโทษ เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกแล้ว นับแต่นี้ไปเราไม่รู้จักกัน"
     ตุ้งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาไม่หยุดตุ้งโผเข้าสวมกอดผมแน่นซบหน้าที่เอ่อด้วยน้ำตาลงบนอกผม พร่ำพูดขอโทษที่พูดแบบนั้นผมพลักไสตุ้งออกจากตัวไล่เขาให้ไปด้วยอารมณ์ที่โกรธ
     "ไปนะ ไปเลย"
     ผมพูดทั้งร้องไห้พลางพลักไสเขาให้พ้นตัว
     "เต้...เราขอโทษ ให้อภัยเรานะ"
     "ไม่! อภัยอะไรก็ไม่มีทั้งนั้นออกไป...คุณไม่ใช่เพื่อนผม เราไม่รู้จักกันอีกแล้ว"

     ตุ้งคลายกอดจากผมมองผมทั้งน้ำตา ดวงหน้าเขายิ่งเศร้าลงไปอีก เขาครางแผ่วเบาออกมา
     "คุณ..."
     ก่อนจะกลืนน้ำตาลงคอ ตุ้งค่อยเหยียดกายลงจากเตียง เขาก้มเก็บกางเกงแล้วสวมมันเข้าก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป
     "ถ้าเต้...ไม่สิ..."
     เขาหยุดกลืนก้อนสะอื้นลงคงแล้วพูดต่อ
     "ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น...ผมก็จะไม่มายุ่งกับคุณอีก"
     ตุ้งเน้นคำว่า "ผม" และ "คุณ" ชัดเจน
     "เรื่องวันนี้ผมขอโทษแล้วกัน แล้วมันจะไม่เกิดขึ้นอีก...ลาก่อน...."

     ตุ้งเปิดประตูจากไปเหลือแต่ผมที่อยู่ในห้องเงียบงันนี้คนเดียวต่อไป ตุ้งจากไปแล้วน้ำตาผมปรี่ออกมาเหมือนเขื่อนแตกล้มตัวลงนอนร้องไห้ซุกหมอนปล่อยเสียงสะอื้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง สมองมืดมนสับสนมันมืดไปเสียทุกอย่าง ยิ่งคิดยิ่งปวดมันปวดเจ็บไปถึงหัวใจ บ้าเอ้ย!! ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้

     ทำไม ทำไม?
     ลาก่อน อย่างนั้นหรือ...
     ช่างเขาสิ จะไปก็ไป เชิญเลยไม่มีนายฉันก็อยู่ได้...
     อย่างนั้นหรือ...จะอยู่ได้จริงหรือ...

     ความคิดผมสับสนไปหมดความโกรธความเสียใจมันปะทุเข้ามาบีบอัดหัวใจให้เจ็บปวด ผมพยายามกลั้นร้องไห้...แต่ยิ่งห้ามน้ำตา ก็ยิ่งไหลทะลักออกมา ทำไม? มันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยนะทำไม? ผมปล่อยตัวเองนอนร้องไห้ปล่อยใจให้จมไปกับความเจ็บปวดผิดหวังเนิ่นนานแล้วพล่อยหลับไปในที่สุด...
*

ความลับ...ไม่มีในโลก
     ตั้งแต่วันนั้นมาตุ้งไม่เคยมาหาผมที่บ้านไม่มาเรียกเมื่อจะไปโรงเรียนหรือไปไหน ไม่มาคุยกันไม่มาเดินข้างๆ ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปหมดเวลาที่ไม่มีเขาอยู่ข้างๆ กาย ชีวิตมันเหมือนขาดอะไรมีปัญหาก็ไม่รู้จะหันหน้าเข้าหาใคร บางครั้งก็รู้สึกเหงาๆ ไม่คุ้ยเหลือเกินกับการที่เป็นเช่นนี้อยากให้ตุ้งกลับมาเหลือเกิน...แต่ด้วยทิฏฐิไงละที่เป็นตัวนำทางมันบังคับให้เราหยิ่งผยองแม้ผมจะรู้ว่าตุ้งก็อยากจะกลับมาหาผมเช่นกัน สายตาที่เขามองมามันอ้อนวอนอยากจะขอโทษ อยากจะเริ่มต้นใหม่ แต่ดูเหมือนเขาก็ยับยั้งใจตัวเองไว้เช่นกันคงจะทิฏฐิอีกสินะที่ทำให้คนเราไม่ยอมทำตามใจตัวเอง...

     สองสัปดาห์ล่วงเลยถึงเวลาที่นักเรียนมัธยมต้นทุกระดับชั้นต้องทำภาระกิจลูกเสือเนตร นารีเป็นเวลาที่นักเรียนทุกคนต้องมาค้างแรมที่โรงเรียน ด้วยการกางเต้นท์ขึงรอบๆ สนามฟุตบอลที่ตรงกลางสนามได้ก่อกองฝืนไว้กองใหญ่เพื่อจะจุดมันแทนไฟฟ้าเมื่อยามค่ำคืน วันแรกของกิจกรรมลูกเสือเนตรนารีทุกคนต่างมาชุมนุมกันพร้อมหน้าที่สนามฟุตบอลในช่วงเช้าตรู่ 6 นาฬิกา มีพี่ แยกตั้งแถวกันตามกลุ่ม ในกลุ่มผมนั้นมีด้วยกัน 8 คน ก็มีผม ตุ้ง อ๊อฟ ดี้ โม ด้วง เตื๋อยและออยที่เป็นเพื่อนร่วมห้องเพียงคนเดียวของผม ทุกคนก็สนิทกันดีในระดับหนึ่งสามารถคุยล้อหนักๆ กันได้ ผมมาต่อแถวหลังสุดเพื่อนเนื่องจากเป็นรองหัวหน้ากลุ่มในกลุ่มผมมีอ๊อฟเป็นหัวหน้า เขาจึงอยู่หน้าแถว ผมดูเพื่อนๆ ในกลุ่มดูเหมือน
     จะขาดไปคนหนึ่ง แล้วใครละ "ตุ้ง" นั่นเอง ทำไมยังไม่มานะผมแลซ้ายมองขวากระวนกระวายใจ ถ้าตุ้งไม่มาคงต้องไม่ผ่านลูกเสือเป็นแน่ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นที่มาไม่ได้ สักพักผมมองเห็นตุ้งวิ่งสพายกระเป๋ามาผมยิ้มออกมาโล่งอก เขาวิ่งมาถึงแถวหยุดพักเหนื่อย แล้วตุ้งก็แทรกตัวเข้าแถวมันควรจะเป็นที่ใกล้ผมสิ ทำไมเขาเลือกที่จะไปอยู่ต้นแถวละ ผมรู้สึกน้อยใจขึ้นมาช่างเขาปะไร จะอยู่ตรงไหนก็เรื่องของเขาแล้วหนิ ไม่เห็นเกี่ยวกับเราซะหน่อยจะสนใจทำไม ผมยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตาเข้าไปใหญ่บางทีอาจจะขัดใจเลยก็เป็นได้ เมื่อนักเรียนหญิงกลุ่มนึง 4คน เดินถือถุงขนมถุงใหญ่มา พวกเขาเป็นรุ่นพี่ ม.3มาหยุดอยู่ที่หน้าแถวสนทนาอยู่กับตุ้ง

     "ตุ้งเราเอาขนมมาให้ เอาไว้กินตอนเดินทาง"
     "โห...ขอบคุณครับ เยอะเลยให้หมดเลยเหรอ?"

     ตุ้งถามพลางรับถุงขนมมา ก่อนจะเปิดกระเป๋าใส่ถุงขนมเข้าไป
     "อือ...ให้หมดเลย"
     "อยากได้ไรเปล่าหนิ เอาขนมมาให้"
     เขาปิดซิบกระเป๋าแล้วสะพายกลับหลังตามเดิม
     "ได้ก็ดีสิ"
     "หือ...อะไรละ"   
     "ก็หัวใจตุ้งไง"
     เพื่อนๆ ในกลุ่มฮิ้วขึ้นเมื่อนักเรียนหญิงคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น ชิ...หัวใจอยากได้หัวใจ ผมตั้งใจฟังคำตอบตุ้งเขาจะว่าไง
     "โอ้ย...ให้ทั้งตัวเลยยังงี้"

     แล้วเขาก็หัวเราะออกมาเพื่อนๆ ในกลุ่มก็ยิ่งแซวกันเสียงดังสนุกสนาน ให้ทั้งตัวงั้นเหรอ ช่างกล้าพูดไม่อาย ก็ให้ไปซะสิ ให้ตอนนี้เลยยิ่งดี ผมฝืนทนฟังพวกเขาคุยกันได้สักพักก็อดรนทนไม่ไหวหาวิธีให้พวกนักเรียนหญิงกลุ่มนี้กลับไปเข้าแถวตัวเองซะทีและในที่สุดตัวช่วยผมก็มา
     "พี่ๆ ครับ อาจารย์คุมมาแล้ว ไปเข้าแถวสิครับ"
     ผมพูดเสียงดังแทบจะเป็นตะโกนอยู่แล้ว เนตรนารีมองซ้ายแลขวารอบๆ ตัวแล้วพวกก็ร่ำลาเดินจากไป เออ..ไปซะได้ก็ดี เบื่อนานแล้วคุยกันอยู่ได้ ไร้สาระผมรำพันเบ้ปากเล็กน้อย
     อาจารย์ควบคุมท่านหนึ่งเดินขึ้นเวทีชักธงชาติแล้วพูดสิ่งต่างๆ ที่พวกลูกเสือเนตรนารีที่จะปฏิบัติต่อจากนี้ไปแกก็พูดไปเรื่อยๆ หลายเรื่องและบอกว่าแต่ละกลุ่มจะมี พี่ รด. มาดูแลกลุ่มละ 1 คนขอให้เชื่อฟังพี่ รด. ด้วยเขาบอกอะไร พูดอะไรต้องเชื่อสุดท้ายขอให้เดินทางกันด้วยความแข็งขันอดทน และสนุกไปกับมันแล้วแกก็เดินจากไปเมื่อพูดเสร็จ
     "เอ้ยกลุ่มเรานี่ใครวะจะมาคุม"

     ด้วงเพื่อนในกลุ่มพูดขึ้น
     "พี่กูเอง"

     อ๊อฟตอบแล้วเพื่อนๆ ในกลุ่มก็พากันดีใจที่เจอคนใกล้ตัว หือ..พี่โต้งเหรอ? ผมครางในใจทำไมไม่เห็นบอกกันเลยนะ เมื่อคืนก็มานอนที่บ้านเรา กะจะให้ประหลาดใจเล่นสิท่า...
     ไม่นานนัก เมื่อ รด.เข้าประจำกลุ่มที่ได้รับมอบหมายหรือมอบหมายให้ตัวเองก็ไม่รู้ แล้วพี่ๆ รด.ก็นำพาแต่ละกลุ่มออกเดินทาง ออกประตูทั้ง 4 ด้านของโรงเรียนกลุ่มพวกผมเดินออกจากโรงเรียนทางประตูด้านหลังโรงเรียนออกไปสู่ถนนลูกรังแล้วลัดเลาะลงข้างทางที่มีถนนเล็กๆ เข้าไป ไม่สิคงไม่ใช่ถนนอาจจะเป็นแค่ทางที่เดินเหยียบย่ำบ่อยๆ จนทำให้หญ้าแถวนั้นเรียบเตียนลงระหว่างเดินทางก็มีภาระกิจประจำซุ้มต่างๆ ที่อาจารย์ไปตั้งรอท่าไว้แล้วพี่โต้งเดินนำหน้าพวกเรา คุยกันครื้นเครง ไม่ค่อยทำตามกฏลูกเสือเท่าไรที่ต้องเสียงเบาเมื่อเดินป่า สายตาสอดส่องระวังภัย
     หรือไม่ก็สอดส่องหาแผ่นผ้าหรือป้ายที่จะบอกทางไป ซุ้มกิจกรรมซักพักพี่โต้งก็ปล่อยให้อ๊อฟเดินนำหน้าไป แกค่อยๆ ถอยร่นลงมาเดินเคียงข้างผมเดินคุยกันไปตลอดทาง ระยะทางผ่านไปได้สัก 5 กิโลผมทำหน้าอิดโรยกับกระเป๋าหนักที่สะพายอยู่ด้านหลัง จะบ้าตายจะให้แบกมาทำไมก็ไม่รู้ยังไงก็ต้องวกกลับไปที่โรงเรียนอยู่ดี

     "หนักจะตายอยู่แล้วไม่รู้จะให้แบกมาทำไมกระเป๋าเนี่ย"

     ผมบ่น
     "เออวะ...กูก็ว่างั้นละ"

     เตื๋อยเสริม
     "เอ้า..อย่าบ่นเลยยังไงก็แบกมาแล้ว จงเดินต่อไป พี่ยังไม่บ่นเลย"

     ชิ...บ่นบ้าไรละ ตัวเองไม่ได้แบกอะไรมาซักอย่าง
     "หือ..พี่ก็พูดได้สิ เดินตัวปลิวเลยหนิ"
     ผมค้าน
     "ใครว่าตัวปลิวละ เนี่ยรองเท้าก็หนักเสื้อกับกางเกงเนี่ยก็รัดซะเหลือเกินอึดอัดจะตายแล้ว"
     "เออ...ช่างเถอะไม่อยากคุยแล้ว"
     ผมหน้าบุ้ยเดินต่อท้ายแถวเรื่อยไป
     "มาๆ เดี๋ยวแบกให้จะหนักแค่ไหนเชียว"
     "แน่ใจนะ"
     "เอาไปแล้วอย่าส่งคืนนะ จนกว่าจะถึงโรงเรียน"
     ผมไม่พูดเปล่ายื่นปลดกระเป๋าลงยื่นให้แกส่วนตัวเองก็เดินถือไม้ง่ามต่อไปอย่างโล่งสบาย
     "เอ้ยพี่โต้ง เอาของผมไปด้วยสิ"
     โมแทรกขึ้นมา
     "ช่วย ได้คนเดียววะ อย่ากินแรงสิ อาจารย์ส่งพี่มาคุมนะไม่ได้ส่งมารับใช้"
     แล้วก็ได้ยินเสียงบ่นออดๆ จากเพื่อนในกลุ่มในเชิงแหย่กันเล่นๆ มากกว่าที่เห็นผมเดินตัวปลิวอยู่คนเดียวในระหว่างทางที่ผ่านเราก็เจอกับด่านภาระกิจต่างๆ บางครั้งก็เดินทันเพื่อนๆ กลุ่มอื่นที่เดินมาก่อน และก็หยุดนั่งกินข้าวเที่ยงจากห่อข้าวที่นำมาด้วย
     16.45 นาฬิกาโดยประมาณในที่สุดเราก็มาอยู่ที่โรงเรียนอีกครั้งพากันเปลี่ยนจากชุดลูกเสือมาเป็นชุดลำลองช่วยกันกางเต้นท์แต่ดูเหมือนผมจะโดนเพื่อนใช้ให้ไปหยิบนั่นหยิบนี่มาให้ซะบ่อย น้ำบ้างละอะไรบ้างละสารพัดที่จะสั่งโทษฐานที่เดินสบายปล่อยภาระหนักให้พี่โต้งมาตลอด ทางกว่า 30 กิโล ไม่นานนักกลุ่มเราก็กางเต้นท์เสร็จโดยกลุ่มเรามีเต้นท์ 2 เต้นท์ โดยแบ่งกันอยู่เต็นท์ละ 4 คน ส่วนพี่ รด. ที่ควบคุมในแต่ละกลุ่มนั้นพักอยู่ที่ตึกเรียนหลังแรกแต่บางคนก็เลือก ที่จะมานอนกับลูกเสือมากกว่า สำหรับพี่ รด.ที่ได้คุมกลุ่มหญิงบางคนก็ไปนอนบนอาคารเรียนบางคนก็ไปนอนปนกับลูกเสือกลุ่มอื่นที่สนิทกัน ทุกคนต้องอยู่ด้วยกันที่นี่ 2 คืน 3 วัน...
     ในวันที่ 2 หลังจากทำกิจกรรมผจญภัยตามซุ้มต่างๆ ที่ตั้งไว้ทั่วโรงเรียน เวลา 17.00 น.ลูกเสือเนตรนารีทุกคนก็ต่างพากันแยกไปอาบน้ำชำระตัว บางพวกก็อยู่เต้นท์หุงข้าว ทำอาหารรอเวลามาผลัดพวกที่ไปอาบน้ำมาเปลื่ยนเพื่อจะได้ไปอาบบ้าง และผมก็อยู่ในกลุ่มหลังรวมกระทั่งอ๊อฟด้วยนอกนั้นก็พากันไปอาบน้ำ เวลา 21.30 นาทีมีกิจกรรมรอบกองไฟเป็นเวลานัดหมายอีกครา
     "เต้ เรามีเรื่องจะคุยด้วย"
     อ๊อฟพูดขึ้นเมื่ออยู่กันสองต่อสอง
     "พูดมาสิ"
     "ไม่ใช่ตอนนี้ กินข้าวเสร็จไปเจอเราที่ห้องพยาบาลอาคารสองนะ"

     "ทำไมละ คุยตอนนี้ไม่ได้เหรอ?"
     "เอาเถอะแล้วเราจะรอที่นั่น"

     อ๊อฟจบสนทนาเมื่อเพื่อนๆ ที่ไปอาบน้ำกลับมาแล้ว ผมกับออฟจึงไปอาบน้ำกันบ้างไปถึงก็เจอลูกเสือหลายนายอาบน้ำกันอยู่ ผมกับออฟเดินหาที่อาบน้ำจนได้ในที่สุดแล้วถอดเสื้อผ้ากางเกงออกพาดไว้บนราวเหลือไว้แต่กางเกงในห่อหุ้มอวัยวะควย ไว้ซึ่งลูกเสือทุกๆ นายก็ถอดกันหมดเหมือนกันจะมีก็แต่พวกกลุ่มกระเทยที่อาบน้ำทั้งชุดคือไม่ยอมถอดอะไรสักชิ้นเหมือนจะอายอะไรนักหนา แต่ดูสายตาที่มองมายังเป้าผมแล้วคงไม่ใช่อายหรอก มันมีแค่ความอยากใคร่ได้ทั้งนั้นจนผมต้องหันหลังให้ มองตูดกูแทนละกัน ผมคิดในใจ
     หลังจากกินข้าวเสร็จผมมองดูนาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลา 18.41นาที ยังมีเวลาอิสระอีกเยอะกว่าจะถึงเวลารวมรอบกองไฟผมเดินหาอ๊อฟรอบๆ เต้นท์ และในเต็นท์ ก็ไม่เจอ คงไปรอผมแล้วสินะ ระหว่างที่ผมไปดูอ๊อฟว่ายังอยู่หรือเปล่าขณะที่ผมลอดตัวเข้าไปในเต็นท์หลังที่ผมนอน ก็เห็นแต่ตุ้งที่นอนมือก่ายหน้าผาก ชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งเขามองสบตาผมเมื่อหน้าผมโผล่เข้าไปในเต้นท์ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอย่างเฉยฉา ไม่สนใจให้มันได้อย่างนี้สิ นึกว่าจะสนหรือไงไม่มาคุย ไม่คืนดีก็เรื่องของนายกูไม่ผิดหนิที่จะต้องเป็นฝ่ายเริ่มเข้าไปคุยด้วยก่อนความจริงผมเลิกโกรธไปนานแล้วละมีแต่อยากให้ตุ้งกลับมาอยู่ข้างกายเหมือนเดิมเวลามีเขาอยู่ด้วย คุยด้วยมันมีความสุขเหลือเกินเวลาขาดเขาไปมันช่างเงียบเหงาเหลือเกิน แต่ให้ตายเถอะทำไมเขาใจแข็งซะเหลือเกินไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะฝืนใจตัวเองได้ขนาดนี้ก็คงไม่ต่างจากผมหรอกที่ฝืนใจตัวเองยิ่งผยองพอกัน...
     ผมเดินขึ้นไปบน ชั้น 4 ของตึกสองตรงไปที่ห้องพยาบาลซึ่งในช่วงปฏิบัติลูกเสือฯ นี้มีกฏห้ามให้ลูกเสือเนตรนารีขึ้นมาบนตึก ผมจึงแอบๆ เข้ามาเพื่อไม่ให้ใครเห็น ผมเปิดประตูเข้าไปกวาดรอบไปทั่วห้องพยาบาลมองเห็นอ๊อฟนอนรอที่เตียงตัวสุดท้ายที่มุมห้อง ความมืดค่อยๆ ปกคลุมเข้ามาในห้องที่ไร้แสงไฟที่ปิดไว้เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตว่ามีใคร
อยู่บนนี้หรือเปล่า ผมเดินเข้าไปแล้วนั่งลงที่ขอบเตียงข้างๆ กายอ๊อฟที่นอนลืมตาเหมือนคนคิดล่องลอยไปไกล
     "อ๊อฟจะคุยอะไรกับเต้เหรอ?"

     ผมถามขึ้นก่อนอ๊อฟก็ยังเงียบซึ่งปรกติอ๊อฟเวลาอยู่กับผมเขาจะคุยสนุกสนานยิ้มง่าย แต่ดูวันนี้เขาแปลกๆ ไป และในที่สุดเขาก็พูดออกมา

     "นอนลงก่อนสิ"
     "หือ ทำไมละ"
     "นอน เถอะ"

     อ๊อฟย้ำแล้วผมก็เอนตังลงนอนข้างๆ เขาเบียดตัวชิดกันเนื่องด้วยเตียงคนไข้พอประมาณแค่คนๆ เดียวเท่านั้นอ๊อฟพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางผมแล้วเอื้อมมือหนึ่งมาสวมกอด ผมไว้เขาหลับตาลงซุกหน้าตรงไหล่ ผมปล่อยให้อ๊อฟนอนกอดไปโดยที่เราสองคนไม่พูดอะไรนานจนอ๊อฟโพล่งออกมาทั้งที่ตายังหลับอยู่
     "เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานยัง"
     "เรื่องอะไรอ๊อฟ"
     ผมมึนงงไม่รู้ว่า "เรื่อง" ที่ว่าคือเรื่องอะไร
     "เรื่อง ...พี่โต้งกับเต้"
     ผมลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ หัวใจเต้นระส่ำคึกโครมแทบจะหลุดออกมาดวงหน้ารู้สึกชาไปหมดเขารู้แล้ว ให้ตายสิ จะทำยังไงดี มันแก้ตัวไม่ได้เลย
     "พี่โต้งบอกเราแล้ว"
     อ๊อฟเสริมขึ้นมา
     "พี่โต้งบอก..."
     "ใช่ บอกวันนี้ละ เราถึงอยากคุยกับเต้ไง"

     ผมมองดูอ๊อฟที่ยังนอนอยู่แบบนั้น
     "เต้ รักเราไหม?"

     อ๊อฟพูดออกมาแต่ดูเหมือนว่าเสียงเขาจะสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ อย่าร้องนะผมคงทนไม่ได้แน่ถ้าอ๊อฟร้องไห้ อย่าร้องนะ อย่าร้อง
     "รักไหม? เต้รักอ๊อฟไหม?"
     อ๊อฟย้ำเสียงเครือผมมองไม่เห็นหรอกว่าน้ำตาเขามีไหมเพราะความมืดมันปกคลุมไปทั่วห้อง
     "ทำไม ไม่ตอบละหรือว่าไม่รักอ๊อฟแล้ว"

     อ๊อฟดึงตัวผมลงไปนอนแล้วสวมกอดแนบแน่นรั้งผมเข้าไปกอดเหมือนกลัวจะสูญเสียไป อ๊อฟย้ำถามแต่ว่าผมรักเขาไหม? ตลอด ผมมึนตื้อปากขยับแทบไม่ออก ผมเอื้อมมือไปทาบบนแก้มเขาให้ตายสิเขาร้องไห้จริงๆ น้ำตาผมไหลออกมาอัตโนมัติ รู้สึกเศร้าสะเทือนอารมณ์ไปด้วย
     "รักสิ รักมากๆ ด้วย"

     ผมพูดกับอ๊อฟทั้งน้ำตา อ๊อฟเงียบเสียงสะอื้นเขากอดผมแน่นขึ้นแล้วค่อยๆ บรรจงทับรอยจูบที่ริมฝีปากผมก่อนจะขยับบดขยี้ดูดดื่ม ผมสนองรับจูบสนองปรารถนานั้นแต่แล้วก็ผละออก
     "ไม่ได้ เต้ทำแบบนี้ไม่ได้"
     ผมพูดออกไป
     "หรือเต้ไม่ได้รักเราจริง"
     "ไม่ใช่นะ เรารักอ๊อฟรักมากๆ ด้วย"
     "แล้วทำไมให้เราไม่ได้"
     "คือ..."

     ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมได้มีอะไรกับพี่ชายของเขาแล้ว ผมรู้สึกไม่แฟร์เท่าไรท้าผมจะมีอะไรกับอ๊อฟผู้ซึ่งเป็นน้องชายของพี่โต้ง
     "เพราะพี่โต้งใช่ไหม?"

     อ๊อฟแทรกขึ้นแล้วพูดต่อ
     "อ๊อฟไม่สนหรอกถึงเต้จะเคยเอากับพี่โต้งแล้วก็ตาม อ๊อฟไม่สนอะไรทั้งนั้น อ๊อฟอยากให้เต้เป็นของอ๊อฟ เป็นของอ๊อฟนะ"
     พูดจบอ๊อฟไม่สนว่าผมจะตอบยังไง เขาประกบปากลงจูบขยี้ลงมาดูดด่ำชอนไชลิ้นเข้าไปตวัดตามไรฟันผมครางอือออกมาเมื่อใจได้ยินยอมไปตามความปรารถนานั้นอ๊อฟถอนปากออกลุกขึ้น ยืนข้างๆ เตียงแล้วถอดกางเกงลงรวมทั้งกางเกงในทำให้มองเห็นควยอ๊อฟที่แข็งตัวเด่นจากแสงไฟสปอร์ตด้านนอกที่ส่งเข้ามาได้เพียงน้อย อ๊อฟขึ้นมานั่งคร่อมผม เอาควยมาจ่อตรงปากผม
     "ดูดให้หน่อย.."
     ผมอ้าปากเข้าครอบควยที่อ๊อฟสอดเข้ามาในปากผมผมห่อปากรูดจนหนังหุ้มถอดหัวควยให้เบ่งบานอ๊อฟกระแทกควยแข็งใหญ่เข้าปากผมกระเด้าๆ เร่งจังหวะถี่ๆ ครางซีสๆโอว์...อาว์...ออกมาหน้าตาเหยเกบิดเบี้ยวสูดปากครางในอากาศดูเขาจะชอบใจยิ่ง อ๊อฟกระแทกเข้าไปจนสุดโคนควยผมแทบจะหายใจไม่ออกผมห่อปากดูดควยเขาแรงๆ เพื่อเร่งให้เขาปล่อยน้ำควยออกมาหากไม่ทำมีหวังผมตายด้วยหายใจไม่ออก และในที่สุดอ๊อฟก็กระตุกควยตึกๆ พ่นน้ำควยเข้าปากผม เขาครางอาว์....ถอดยาวและหายลงไปในลำคอผมดูดซับกลืนน้ำควยเขาจนหมดสิ้น อ๊อฟถอนควยออกจากปากผมแล้วประกบปากลงจูบดูดด่ำเขาเลื่อนปากต่ำลงไปไซ้ตามคอผม ความเสียวสั่นไหวพุ่งสะท้านเข้าไปถึงหัวใจผมเขาใช้ปากดีเหลือเกินเหมือนช่ำชองมาก่อนเขาลากลิ้นขึ้นไปสัมผัสที่ติ่งหูผมแล้วจูบพรมไปทั่วใบหูผมครางซีสๆ เสียวโอว์...ช่างเก่งเหลือเกินแค่ปากและลิ้นยังทำให้อารมณ์ผมกระเจิงจนหมดสิ้นอ๊อฟจับขาผมให้ตั้งชันขึ้นแล้วถอดกางเกงผมออกโยนไปกองไว้ที่พื้นก่อนเขาจะจับขาผมกางออกพาดที่บ่าทั้งสองข้างของเขาแล้วอ๊อฟก็ดันควยเข้ามาพรวดเดียวจนมิดโคนควย ผมครางซีสออกมาเสียงดังรู้สึกเจ็บเล็กน้อย อ๊อฟเริ่มกระเด้าเข้าๆ ออกๆ เป็นจังหวะเนิบนาบหาจังหวะที่เหมาะก่อนจะเร่งสปีดโหมกระหน่ำซัดกระเด้าเสียงดังปับๆ ผมครางโอว์...ซีสประสานเสียงครางที่อ๊อฟซีสออกมาเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงดังเป็นจังหวะตามแรงกระเด้าของอ๊อฟอ๊อฟกระแทกกระเด้าเข้ามาสุดโคนตลอดเวลา ผนังตูดผมที่เสียดสีกับท่อนควยมันเสียวสะท้านส่งไปตามร่างกายผม
     "โอว์...ซีส...เสียวเหลือเกิน อาว์...อาว์...กระเด้าแรงๆ แบบนั้นละอ๊อฟ...อาว์...ซีส...."

     อ๊อฟค่อยๆ ผ่อนแรงกระเด้าลงแล้วจับผมนอยตะแคงคู้ขาผมเข้าในลักษณะนอนตัวงอแล้วเริ่มส่ายควยวนในรูตูดผมก่อนจะกระเด้าปับๆ เข้ามา โหมกระหน่ำแรงถี่ขึ้นไม่ลดละเสียงครางดังแข่งกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงโอว์...ซีส...ยิ่งครางอ๊อฟก็ยิ่งรัวกระเด้าถี่ๆ เข้ามาหนักหน่วงดังปับๆ ปับๆ ผมเอื้อมมือไปรูดควยตัวเองเพิ่มความเสียวให้ลุกโชนยิ่งขึ้น อะ..อ๊อฟ...อาว์...สักพักอ๊อฟจับขาข้างหนึ่งผมยกขึ้นแล้วดันกระแทกควยเข้ามาปับๆ อ๊อฟยิ่งกระเด้าลึกผมยิ่งเสียงครางซีสซาสไม่หยุดไม่ต่างจากอ๊อฟที่ครางกระเส่าบิดหน้าเหย่เก สูดปากซีสๆ ตลอดเวลา อ๊อฟกระหน่ำแรงเข้ามาปับๆ ถี่ๆ อย่างบ้าคลั่ง ปากร้องครางอาว์...อาว์...อาว์...ก่อนที่ควยกระตุกแล้วฉีดน้ำควยเข้าไปในรูตูดผมอ๊อฟ    ซีสปากทอดยาวผ่อนหายใจแรงขาดเป็นห่วงๆ ผมรูดควยตัวเองต่อสักพักแล้วเกร็งพ้นน้ำควยออกมาตามอ๊อฟถึงฝั่งกามอีกคนอ๊อฟถอนควยออกแล้วล้มตัวลงนอน ผมขยับตัวเข้ามาอ๊อฟแนบชิดกายโอบกอดเขาไว้ซุกหน้าตรงอกเขา ไม่พูดจาอะไรออกมาท่ามกลางความมืด ผมนอนกอดอ๊อฟด้วยความสุขถวิลต่อไปนี้ผมจะรักอ๊อฟให้มากขึ้น อย่างที่เขารักผม
     เขาไม่รังเกียจว่าผมเคยมีอะไรกับพี่โต้งพี่ชายของเขาแค่นี้ก็ทำให้ผมไม่อาจทิ้งเขาไปได้หรอกถึงแม้ว่าในห้วงลึกของใจยังเฝ้ารอปรารถนาของพี่โต้งก็ตาม ผมจะรักอ๊อฟ จะรักอ๊อฟและจะรักให้มากๆ ต้องตัดขาดพี่โต้งให้ได้ อย่าได้ทำลายหัวใจคนที่รักเราไปกว่านี้อีกเลย
ผมรำพันในใจซบหน้าหลับตาบนอกอ๊อฟเนิ่นนานไร้คำใดออกจากปากเราทั้งสองคน

*************************************************************

     "เต้"
     หลังจากที่เราสองคนอยู่ในความเงียบมานานอ๊อฟเรียกชื่อผมออกมาแต่ตัวเขายังคงนิ่งเหมือนเดิม ผมกอดอ๊อฟแนบชิดขึ้นกว่าเดิมเป็นการรับรู้แทนวาจาอ๊อฟนิ่งไปอีกอึดใจหนึ่งก่อนจะโพล่งคำที่ผมแทบไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้รวดเร็วขนาดนี้ มันไม่มีเวลาให้ผมได้ตั้งตัวหรือทำใจอะไรทั้งนั้น อยู่ดีๆ มันก็ถาโถมซัดครืนเข้าไปกระแทกในหัวใจดังคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่งผมนิ่งงันดังคนหมดลมหายใจ ไม่คาดคิดว่าอ๊อฟจะพูดออกมาเช่นนี้
     "เต้...เรา เลิกคบกันเถอะ"
     ประโยคที่อ๊อฟพูดออกมาเปรียบดังเป็นก้อนเสลดตีบตันในลำคอผม ยากที่จะกลืนและยากที่จะถ่มทิ้งสมองผมมืนตื้อ ดวงตาเริ่มพร่ามัว ปากสั่นระริก กระชับกอดอ๊อฟแน่นกว่าเดิม
     "อ๊อฟคิดดูแล้วเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า"
     "เพื่อน...ทำไมอ๊อฟว่าอย่างนี้ละ"
     ผมพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตามันไหลออกมาดังเขื่อนแตกดูทีท่าไม่มีวันหยุด
     เพื่อน..งั้นเหรอ แล้วเมื้อกี้ละมันคืออะไร
     ไม่ใช่บอกว่ารักเหรอ ทำไมถึงพูดอย่างนี้ละ
     "เราเป็นเพื่อนกันดีกว่านะ"

     อ๊อฟยื้อตัวขึ้นนั่งมือผมเลื่อนจากอกมาโอบเอวเขาไว้
     "อ๊อฟ ไม่ได้รักเต้..."

     ผมอยากจะพูดต่อให้ยาวกว่านี้แต่ดูเหมือนน้ำตามันจะเข้าไปจุดที่หลอดลมไม่ให้พูดอะไรต่อ ผมร้องไห้ออกมาไม่หยุดขณะที่อ๊อฟแม้น้ำตาเพียงหยดหนึ่งก็ไม่มีช่างต่างจากเมื่อกี้เหลือเกินเขาร้องไห้ได้จนผมสงสารยินยอมแต่พอได้แล้วเขาช่างดูเย็นชาเหลือเกิน ไม่สนใจผมที่ร้องไห้ทุกข์ทนต่อหน้าเขาตรงนี้เลย
     "อย่าพูดอย่างนั้นสิ ไม่ใช่สักหน่อยแต่...เราเป็นเพื่อนกันนะดีกว่า"
     "เหตุผลละ? เพราะอะไรอ๊อฟถึงคิดอย่างนี้"
     ผมสะอื้น
     "โธ่ ! เต้"

     เสียงเขาดูหงุดหงิด
     "อย่าทำอย่างนี้สิ"
     "เต้ทำอะไร? อ๊อฟต่างหากละ"
     "พูดไม่ฟัง หรือไม่อยากให้เหลือแม้ความเป็นเพื่อน"
     อ๊อฟเสียงดังไม่พอใจ เขาดึงมือผมออกจากเอวเขาแล้วลุกขึ้นไปสวมกางเกงเข้าอย่างเดิมแล้วพูดขึ้นมา
     "เชื่ออ๊อฟเถอะ เราเป็นเพื่อนกันนะดีแล้ว"
     "อ๊อฟ..."

     ผมเรียกชื่อเขาเสียงสั่นเครือแต่ดูเขาไม่สนใจอะไรอีกเลยอ๊อฟหันหลังเดินออกจากห้องไปทิ้งผมไว้คนเดียวตามลำพังกับห้องที่เงียบงันนี้ผมนั่งคู้เข่าซบหน้าลงร้องไห้ถอนสะอื้นอยู่เพียงลำพัง ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ทำไมเมื้อกี้ยังบอกว่ารักเรา ไม่สนอะไรที่มันเกิดขึ้นมาก่อนแต่พอได้เสพสุขผ่านไปไม่นานกลับบอกเลิกกัน นี่หรือคนรักกันผมตัดพ้อตัวเองความเจ็บปวดมันทะลวงใจผมจนบอบช้ำมันซาดสัดเข้ามาไม่หยุดหย่อนดังจะเอาให้ตายสิ้นลมกันทีเดียว
     ผมสะอื้นร้องไห้เสียงดังกับความเจ็บปวดทรมานที่มันเข้ามายามที่ผมไม่ทันได้ตั้งรับหาเครื่องป้องกันต้านทานไว้เลยความท้อแท้สิ้นหวังมันสุมรุมผมอย่างไม่ปราณี ทรมานเหลือเกิน ทรมานเหลือเกินใจผมระร่ำรำพัน...
     ผมปาดน้ำตาตัวเองพยายามฝืนไว้ไม่ให้ร้อง กลั้นเสียงสะอื้นไว้ในลำคอหยิบกางเกงมาสวมสูดลมหายใจลึกๆ ชะล้างก้อนสะอื้นให้จางไปแล้วเดินออกจากห้องพยาบาลไปด้วยหัวใจที่แห้งแล้งเต็มที
     "เต้ !"

     เสียงคุ้นหูเรียกชื่อผมขึ้นผมเหลียวมองไปตามเสียงก็ต้องตกใจแทบทรุด
     "พี่ โต้ง..."

     ผมครางในลำคอ พี่โต้งเดินเข้ามาใกล้ผมสายตาแกที่จ้องมองผมมันแฝงไว้แต่ความโกรธแกตบหน้าผมเข้าอย่างจังจนหน้าผมหันไปตามแรงที่แกฟาดกระทบมา ผมเจ็บแสบไปทั้งหน้าแกคงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ น้ำตาผมเริ่มไหลรินออกมาอีกครั้งผมหันหน้ามาจ้องประสานแกแต่ไม่พูดอะไรออกมา
     "เป็นไงละโดนมันเอาแล้วโดน ทิ้ง"

     แกเย้ยหยัน ผมเจ็บแปลบเข้าไปในหัวใจรู้สึกเสียใจ น้ำตาก็ยิ่งไหลปรี่ออกมาท้วมทวีไม่มีสักคำที่ปลอบปโลมไม่มีสักคำที่แสดงออกว่าห่วงใย มีแต่คำเย้ยหยันเสียดสีจะให้กันตายไปข้างเลยหรือไร
     "ถ้าจะมาตอกย้ำเยาะเย้ยก็ไปเลยนะ"

     ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอ
     "ไปเลย พี่กับน้องก็คงไม่ต่างกันหรอก"

     สิ้นประโยคฝ่ามือก็เข้ากระทบกับหน้าผมอีกครั้ง
     "เอาอีกสิ ตบอีกสิ"

     ผมพูดเสียงดังด้วยความน้อยใจและเสียใจจ้องหน้าสู้แก พี่โต้งรั้งตัวผมเข้าไปหาแล้วประกบปากลงบดขยี้ริมฝีปากผมรุนแรงผมกัดปากแกด้วยความโกรธ คนใจร้าย ทำไมต้องทำกันอย่างนี้ด้วยพี่โต้งร้องเสียงหลงออกมามีเลือดไหลที่ริมฝีปากแกเอามือแตะปากดูแล้วทำหน้าแหยงด้วยความเจ็บ แกมองจ้องตาผมอย่างโกรธแค้นดวงตาแดงกล่ำคล้ายจะร้องไห้ออกมา ก่อนที่แกจะเดินจากผมไปโดยไม่พูดอะไรผมร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง อยากจะระบายสิ่งที่มันอัดอั้นบีบอัดอยู่ในหัวใจ จบกันไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่เหลือใครอีกแล้ว เขาทิ้งเราไปหมดแล้วผมทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้เนิ่นนาน ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความผิดหวังเศร้า เสียใจ ดวงใจแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บช้ำมันไม่เคยปราณีใครอยู่แล้วมีแต่จะให้ทุกข์ทรมาน ให้เจ็บปวดแสบแสนปางตาย...
     เสียงประกาศเรียกลูกเสือเนตรนารีให้พร้อมกันรอบกองไฟใหญ่กลางสนามฟุตบอล ผมค่อยๆ เหยียดตัวลุกขึ้นปาดน้ำตาให้สิ้นไป กลั้นเสียงสะอื้นให้เบาบางลงแล้วเดินลงบันไดเพื่อไปรวมกลุ่ม พอผมไปถึงทุกคนก็ล้อมวงรอบกองไฟกันหมดแล้วเสียงอาจารย์ผู้คุมเรียกตัวผมให้ไปยืนตรงกลางวงล้อม แล้วถามทำไมถึงมาช้า ไปอยู่ไหนและผมก็บอกว่าไปแอบงีบอยู่บนตึกห้องพยาบาล แต่ใช่ที่ไหนละแล้วอาจารย์ผู้คุมก็เรียกพี่ รด. ที่ดูแลกลุ่มผม นั่นก็คือพี่โต้งนั่นเอง
     แกบอกว่าให้พี่ รด. ที่ดูแลลูกเสือทำโทษลูกน้องตัวเองฐานที่ทำผิดกฏ แล้วอาจารย์ผู้คุมก็ป้องปากพูดกับลูกเสือเนตรนารีทั่วกองไฟในการรับผิดชอบต่อหน้าที่ กฎเกณฑ์ มีเสียงปฏิญาณรับของลูกเสือฯ ดังกึกก้องสายตาทุกคู่ที่มองมายังผมจุดเดียวเป็นดังเข็มทิ่มแทงผมให้เจ็บลึกขึ้นไปอีก
     "เอาละ จะให้พี่เขาทำโทษยังไงดี"

     อาจารย์วกกลับมาถามผม
     "แล้วแต่ครับ "

     ผมพูดเสียงเบาเนิบๆ จึงถูกตวาดแล้วให้พูดใหม่ให้เสียงดังหนักแน่นแล้วอาจารย์ก็เดินไปจุดที่นั่งเดิม ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับพี่โต้งแล้วสักพักพี่โต้งก็สั่งทำโทษผมขึ้น
     "ปั่นจิ้งหรีด 20 ครั้ง ปฏิบัติ"
     ผมก้มลมทำตามโดยไม่หันไปมองหน้าพี่โต้งแม้สักครั้งเดียวเมื่อครบจึงพยามทรงตัวขึ้นรู้สึกว่าโลกมันคว้างไปหมด แต่ดูเหมือนยังไม่เป็นที่พอใจของอาจารย์แกพูดกับลูกเสือฯ ว่าทำโทษแค่นี้เพียงพอหรือยังมีเสียงตอบกลับดังก้องว่ายังไม่เพียงพอดูท่าผมจะเป็นของเล่นยามค่ำคืนนี้แล้วสิ พี่โต้งจึงสั่งให้ผมปั่นจิ้งหรีดอีก 20 ครั้งพอผมทำเสร็จอาจารย์คนใหม่ก็ออกมาพูดกับลูกเสือฯ ว่าพอยังและเสียงตอบรับก็เช่นเดิม

     "ยังไม่พอ"
     แต่มีเสียงหนึ่งที่ดังก้องออกมาหลังสุดว่า

     "พอแล้ว"
     ผมมองไปตามเสียงเห็นตุ้งลุกขึ้นแล้วขานอีกว่า

     "พอแล้ว"
     และก็ตามมาด้วยเสียงเพื่อนๆ ในกลุ่มเดียวกับผมขานออกมาพร้อมเพียง ผมตื้นใจเล็กน้อยกับน้ำใจของเพื่อนแต่อีกคน "อ๊อฟ" ผมไม่รู้ว่าเขา
เต็มใจหรือเปล่าดูจากสีหน้าแล้วคงแค่เออออไปตามทุกคนในกลุ่มเท่านั้นเองเขาคงไม่เหลือน้ำใจอะไรให้ผมอีกแล้วละแล้วพี่โต้งกลับเรียกพวกเขาออกมากัน หมด
     "ดี...ลูกเสือกลุ่มนี้รักกันดีเห็นเพื่อนโดนทำโทษก็มีน้ำใจช่วย งั้นปั่นจิ้งหรีดแทนเพื่อน 50 ครั้งปฏิบัติ"

     สิ้นเสียงพี่โต้งทุกคนก็ปฏิบัติอย่างไม่อิดออด มีผมคอยนับรอบให้หนึ่ง สอง สาม...สิบ...ยี่สิบ...ห้าสิบ...ในที่สุดก็ครบเสียทีทุกคนต่างพากันทรงตัวไม่ขึ้น พากันล้มนอนหลับตาอยู่ตรงนั้นก่อนจะปรับตัวเข้าสภาพเดิมลุกขึ้นยืนตามคำสั่ง
     "ส่วนคนที่ทำผิดกฏคืนนี้ต้องเฝ้ายามแทนเพื่อนจนเช้า"
     พี่โต้งสั่งเสียงหนักแน่นก่อนจะปล่อยตัวผมและเพื่อนให้ไปนั่งที่
     แล้วกิจกรรมรอบกองไฟก็เริ่มขึ้นจนถึงเวลาเที่ยงคืนก็ถึงเวลาแยกย้ายกันเข้านอนตามเต้นท์ต่างๆ คืนนี้ทั้งคืนผมต้องนั่งเฝ้ายามตลอดตามคำสั่ง เริ่มดึกอากาศยิ่งหนาวผมนั่งคู้เข่ากอดตัวเองกายสั่นระริกสะท้านไปถึงหัวใจถึงแม้ไม่ให้ผมมานั่งเฝ้ายามตลอดคืนผมก็คงหลับไม่ลงอยู่ดีเหตุการณ์แห่งความเจ็บปวดผิดหวังมันตามมาหลอกหลอนผมไม่อาจที่จะข่มตาหลับได้เป็นแน่
     "ห่มซะเดี๋ยวหนาวตายซะก่อน"
     พี่โต้งออกมาจากเต้นท์โยนผ้าห่มใส่หน้าผมอย่างแรงแกยืนสอดมืออยู่ในถุงกางเกงสายตาเหม่อมองไปทางอื่นไม่สนใจผม
     "ลำบากนัก ทีหลังก็ไม่ต้อง"

     ผมประชดแล้วโยนผ้าห่มคืนให้แกพี่โต้งจับผ้าห่มออกคลี่แล้วเดินอ้อมไปด้านหลังผมแล้วห่มมันให้ผม
     "อย่าดื้อน่า"

     แกพูดแล้วเดินไปนั่งอีกฝากเต้นท์ตรงข้ามผมกองไฟเล็กๆ ที่ก่อเพื่อให้ไออุ่นตรงหน้าเต้นท์ ผมเหยียดมือออกไปผิงรับไออุ่นให้กายแต่หัวใจก็อยากมีใครสักคนมาโอบกอดให้ความอบอุ่น แต่มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้วทุกอย่างจบสิ้นกันหมดแล้ว
     เลิกคิดซะทีได้ไหม จะคิดไปทำไม
     ยิ่งคิดก็ยิ่งจะร้องไห้ออกมา ร้องไห้ก็ไม่มีใครเหลียวแลหรอก
     โน่นคนหนึ่งก็นอนอยู่ในเต้นท์ ไม่มีท่าทีว่าจะห่วงใยอะไรเราเลย
     อีกคนก็นั่งนิ่ง จะเอ่ยวาจาใดออกมาก็เปล่า
     ผมตัดพ้อตัวเองรู้สึกว่าตาเลือนพร่าเพราะน้ำตาเริ่มเอ่อคลอแต่ก็ฝืนไว้ไม่ให้ไหลรินออกมาผมซบหน้าซุกผ้าห่มปาดน้ำตาทิ้งไป ตลอดคืนผมกับพี่โต้งนั่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่คุยอะไรกันเลยจนสว่างมันช่างเป็นความอึดอัดที่ทรมานเสียเหลือเกิน แล้วต่อจากวันนี้ผมจะเป็นเช่นไรเมื่อหัวใจได้แตกสลายสิ้นคนรัก คงต้องอยู่ตามลำพังกับหัวใจที่แตกร้าวทรมาน...

********************************************

*******************************************



มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
8112
พลังน้ำใจ
50686
Zenny
46034
ออนไลน์
6111 ชั่วโมง

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
16199
พลังน้ำใจ
59030
Zenny
68393
ออนไลน์
4689 ชั่วโมง
ขอบคุณ​ครับ​

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
16307
พลังน้ำใจ
95093
Zenny
80214
ออนไลน์
26042 ชั่วโมง
เศร้าจัง​ แต่ทำตัวเองหรือเปล่าครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
5338
พลังน้ำใจ
40477
Zenny
1901
ออนไลน์
8888 ชั่วโมง
สนุกมากครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
10434
พลังน้ำใจ
53631
Zenny
14923
ออนไลน์
2546 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2793
พลังน้ำใจ
25462
Zenny
582
ออนไลน์
2093 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
609
พลังน้ำใจ
18776
Zenny
4236
ออนไลน์
4997 ชั่วโมง

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
42074
พลังน้ำใจ
213739
Zenny
84797
ออนไลน์
15327 ชั่วโมง
สนุกมากครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3647
พลังน้ำใจ
23155
Zenny
970
ออนไลน์
2252 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ ยาวมาก

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1642
พลังน้ำใจ
13228
Zenny
6487
ออนไลน์
1073 ชั่วโมง
สนุกครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2998
พลังน้ำใจ
19721
Zenny
3822
ออนไลน์
2517 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2247
พลังน้ำใจ
17213
Zenny
994
ออนไลน์
1509 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1762
พลังน้ำใจ
25540
Zenny
2169
ออนไลน์
669 ชั่วโมง
coooooooool

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2807
พลังน้ำใจ
21039
Zenny
2033
ออนไลน์
2408 ชั่วโมง
เศร้า แต่ก้อเป็นเหตุการณที่เกอดขึ่นได้กับทุหคน

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
15330
พลังน้ำใจ
75530
Zenny
57191
ออนไลน์
4351 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
18289
พลังน้ำใจ
89513
Zenny
49306
ออนไลน์
12690 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2538
พลังน้ำใจ
16247
Zenny
919
ออนไลน์
1162 ชั่วโมง

ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

โพสต์
750
พลังน้ำใจ
7619
Zenny
38121
ออนไลน์
769 ชั่วโมง
ขอบคุณครับบบบบบบบ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
19756
พลังน้ำใจ
68179
Zenny
65359
ออนไลน์
11577 ชั่วโมง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-5-3 06:30 , Processed in 0.144215 second(s), 24 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้