จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 629|ตอบกลับ: 7
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

ผมไม่ใช่เด็กขายน้ำโว้ย!!! EP54-57

[คัดลอกลิงก์]

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
717
พลังน้ำใจ
24363
Zenny
6788
ออนไลน์
3408 ชั่วโมง
ตอนที่  54

และแล้วนาฬิกาเรือนใหญ่ด้านนอกตึกหอประชุมก็ชี้เวลาบ่ายสี่ครึ่ง เสียงกองเชียร์ที่มานั่งรอข้างสนามเรียบร้อยแล้ว
นักกีฬาทั้งสองฝ่ายเริ่มทยอยมา เสียงกลองที่ดังจนเขย่าหัวใจให้ยิ่งฮึกเหิมและตื่นกลัว .....ถึงเวลาแล้วสินะ.....
ตอนนี้ได้แต่หวังว่ากริชจะไม่มาแน่ๆ .....ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้เขามาอยู่----

"โห พี่โจ้! ขนมเพียบเลย! ผมกินได้เปล่าครับ?"
"แค่รองท้องก่อนนะน้องเม้ง อย่ากินเยอะเดี๋ยวจุก" แล้วไอ้เม้งก็คุ้ยถุงขนมเสบียงใบใหญ่ตรงที่พักนักกีฬา
ดันมาขัดจังหวะตรูซะได้ เดี๋ยวแช่งให้ยูโร่คัสตาร์ดเค้กติดคอมรึงตามตำนานสยองขวัญของโรงเรียนซะเลย ว่าแล้วก็ขนมโมจิดีกว่า

"โจ้ อัดฉีดแบบนี้เลยเรอะ?" พี่นพเข้ามาสมทบพร้อมกระติกน้ำเย็นถังใหญ่ กับมะนาวฝานโรยเกลือ
"อืม พี่กริชเขาออกเงินน่ะ" .....อุ๊ก!!! โมจิติดคอ! ไหน? กริชอยู่ไหน!!?
"โจ้เจอพี่กริชเขาแล้วเหรอ?"
"อืม เมื่อวานพี่เขามาดูบาสน่ะนพ แต่วันนี้มาไม่ได้เห็นบอกว่าติดธุระแต่ก็ช่วยออกเงินค่าขนมให้"
....อูย เสียววาบ.....มาตอนไหน โชคดีจริงที่ไม่เจอตรู.....
"แล้วคุยกันรู้เรื่องรึยัง? ยังไงเขาก็รุ่นพี่พวกเราปีนึงนะโจ้"
"เราขอโทษพี่เขาแล้วล่ะ พี่กริชเขาไม่คิดอะไร เขาฝากขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้ลำบาก"

"ทุกคน! ถ้าวันนี้ชนะอีกพี่จะเลี้ยงไดโดม่อนนะคร้าบ! สู้ให้เต็มที่เลยนะ!!" เสียงพี่นพประกาศลั่นสนาม ไอ้เม้งดีใจหน้าบานเชียวของโปรดมันล่ะ
ตอนนี้พวกพี่ม.6 ก็ไม่เขม่นกับกริชแล้วสินะ....ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้ว....เหลือแค่เวลาที่ผมจะบอกความจริง.....อีกไม่นานแล้ว.....

"ต้น"
"อ้าว! วิงมาแล้วเหรอ?"
"มายืนข้างๆ นายตั้งนานแล้ว เป็นอะไรท่าทางเหม่อๆ?"
"เครียดนิดหน่อยน่ะแข่งรอบแรก....ช่วยกินโมจินี่หน่อยสิวิง พี่เขาเรียกเราลงสนามแล้ว"
ผมถอดแว่นเก็บในกระเป๋านักเรียน ในช่องข้างหน้ามีนาฬิกาสีฟ้าน้ำทะเลและเข็มสีทองของกริชกับผม....กริช......
ถึงกริชไม่ได้เห็น แต่หัวใจนายอยู่กับผมที่นี่แล้ว....ดูผมนะครับ....ความฝันของกริชกับพี่สิงห์.....ความฝันที่ขาดไปนี้ผมจะต่อมันให้เสร็จเอง.....

พี่โจ้เรียกไปรวมกันซักซ้อมแผนครั้งสุดท้ายก่อนให้เข้าสนามบาส เวลาไม่มีแว่นบนหน้านี่มันโล่งๆ ทำใจแป้วจริงๆ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย

กรรมการเป่านกหวีดเริ่มการแข่ง ....การแข่งรอบแรกเริ่มแล้ว!!.... ลูกบาสถูกโยนขึ้นกลางสนาม พี่ม.6 ฝ่ายสีม่วงปัดลูกส่งให้ทีมตัวเองเลี้ยงเข้ามา
"ไอ้ต้น!! เข้าไปแย่งซิวะ!!!!!" เสียงพี่โจ้ตะโกนอยู่ข้างสนาม เสียงไม่ดังมากแต่แทบทำให้ใจหยุดเต้นได้ .....ไหว้ล่ะพี่อย่าเรียกชื่อตรูได้มั๊ย......
ไอ้บ้า....ฮือๆ ทำไมต้องเลี้ยงบอลมาทางตรูบ่อยๆ ด้วย ยิ่งไม่อยากเด่นอยู่! ไม่ได้เล่นตี่จับนะว้อย!
การแข่งขันดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ฝ่ายผมกำลังตามอยู่แต่ก็แค่ไม่กี่แต้ม ถึงจะเป็นไปตามแผนของพี่โจ้ให้ฝ่ายโน้นโหมบุกก่อนแต่มันก็ยังใจแป้วอยู่ดี
เสียงเชียร์รอบสนามอื้ออึงไปหมด ผมกวาดตามองไปรอบๆ....หวังว่ากริชคงไม่มา.....โธ่เว้ย! ไม่ใช่เวลาคิดแบบนั้นนะ!!!

"ต้น!!!!" เสียงเม้งดังพร้อมกับลูกบาสลอยมาทางขอบสนาม ใต้แป้นกำลังว่าง! ผมโดดคว้าบอลได้ก่อนออกนอกเส้นแล้วโยนกลับให้เม้งที่รอใต้แป้น
แต่ตัวเองกลิ้งโค่โร่กับพื้นปูนออกไปนอกสนาม ผมรีบกลับเข้าประจำที่ ยังไงก็ต้องรักษาเกมบุกไว้ก่อน รู้สึกละว่าข้อศอกแสบๆ แต่จังหวะนี้มันไม่เจ็บอะไรทั้งนั้น
อยากได้สนามพื้นไม้จัง....สงสัยผอ.ต้องเรียกประชุมผู้ปกครองอีกหลายสิบครั้งเหมือนตอนจะสร้างสระว่ายน้ำ
ช่วงสิบนาทีสุดท้ายฝ่ายผมโหมบุกกลับจนขึ้นมานำอยู่ 2 แต้ม แล้วเสียงนกหวีดก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณจบครึ่งแรก

"ทุกอย่างตามแผน ตัวจริงฝ่ายโน้นเหนื่อยหมดแล้ว เดี๋ยวเปลี่ยนตัวสามคนแล้วบุกเต็มที่นะ ใครเหนื่อยอีกก็บอก"
พี่โจ้บอกแผนรอบสุดท้ายตามด้วยการดุผมเสียยกใหญ่ที่ใจลอย เสร็จแล้วก็ต้องนั่งล้างเศษกรวดออกจากแผล อูย.....ทั้งศอกทั้งแขนเลยวุ้ย
"ไหวมั๊ยวะต้น?"
"อืม นิดเดียวเอง เม้งมรึงพักเหอะเดี๋ยวกรูทำแผลเอง" แต่มันก็ช่วยล้างแผลให้แล้วเดินไปหากล่องพยาบาล
ยังดีที่เจ็บแขนขวาเพราะผมถนัดซ้ายแต่ก็ขยับแขนยากอยู่ดี.....ไม่เป็นไรโว้ย! จะเจ็บจะแสบยังไงค่อยไปรู้สึกหลังแข่งเสร็จละกัน
ผมเปิดกระเป๋าอีกครั้ง .....กริชครับ ทีมเราคะแนนนำแล้วนะครับ.....ขอแรงให้ผมอีกหน่อยนะ....

"เจ็บมั๊ยต้น? ท่าทางจะหนักนะ?" ผมสะดุ้งรีบปิดกระเป๋าเอาวางลงข้างตัว
เจ้าวิงเข้ามาดูแผลที่ข้อศอก หน้าตามันเจ็บยิ่งกว่าผมอีก......ตะกี๊วิงมันได้ยินที่ผมพึมพำไหมเนี่ย?.....คงไม่มั้ง.....
"ไม่เจ็บหรอก เสียดายดันเป็นที่ศอกเลยเลียแผลเองไม่ได้" ผมทำท่าพยายามเลียศอกให้ดูจนเจ้าวิงยิ้มออก
"ว่าแต่นายเถอะ แปลกๆ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ถามจริงมีเรื่องอะไรรึเปล่า?"
"ต้น! พร้อมยัง!? อีกสามนาทีจะแข่งต่อแล้ว" ยังไม่ทันคุยรู้เรื่อง เสียงพี่โจ้ก็เร่งอีกผมเลยต้องรีบพันแผลแล้ววิ่งลงสนาม


"วิง มรึงอยู่สีฟ้าแล้วมานั่งเชียร์สีแดงได้ไงวะ?"
"อ้าว! ป้อม ทำไมมาเงียบๆ?"
"ก็กรูโดดเชียร์ แล้วนี่มาดูใครวะ?"
"......เพื่อนน่ะ..... แล้วป้อมจำได้ด้วยเหรอว่าเราอยู่สีฟ้า?"
"ก็สีมันเข้ากับชื่อเล่นของนายนี่หว่า"
"อืม......ขอบใจนะป้อม"
"พี่สีม่วงมองกรูแล้วว่ะ สงสัยจำกรูได้แหงๆ ไปละวิงกรูไม่ชอบนั่งเชียร์" พูดจบป้อมก็รีบลุกไปพร้อมกับเสียงนกหวีดดังขึ้น

ครึ่งหลังไม่น่าเป็นห่วงแล้ว พอฝ่ายโน้นเริ่มเหนื่อยพี่โจ้ก็เปลี่ยนตัวลงไปเสริมเกมบุก คะแนนยิ่งนำโด่งถึงฝ่ายสีม่วงจะพยายามบุกหนักก็ตาม
พี่โจ้เปลี่ยนตัวผมออกมาพักก่อนกลับลงสนามใน 15 นาทีสุดท้าย สู้ตายโว้ย!

"หมดเวลา! ทีมสีแดงเป็นฝ่ายชนะ!"

โอ้!....เสียงสวรรค์!! ความเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้งแต่ตัวสิแทบจะคลานออกจากสนาม รีบเปิดกระเป๋าคว้าแว่นมาใส่ก่อนเลย
พอนักกีฬาสองฝ่ายทักทายกันหลังเลิกก็ได้เวลาเก็บกวาดสนามและอุปกรณ์ กว่าจะเสร็จก็หกโมงกว่าๆ ฟ้ามืดแล้ว

.....กริชครับ! ผมทำได้แล้ว!! ทีมสีแดงของเราผ่านรอบแรกแล้วนะครับ!!.....
ความดีใจที่ชนะมันอัดแน่นคับอก แต่ผมไม่สามารถบอกให้กริชรู้ ในตอนนี้ผมได้แค่พึมพำกับตัวเองเท่านั้น
....ต้องอดทนเพื่อเขา....อีกสัปดาห์เดียวเท่านั้น!....วันเสาร์หน้ากริชก็จะสอบโควต้าเสร็จแล้ว

"ต้นไปกินไดโดม่อนด้วยกันสิพี่โจ้อุตส่าห์เลี้ยง"
"ไม่เอาหรอก รู้สึกเหนื่อยๆ มรึงไปเหอะเม้ง.....เออ แล้วเห็นไอ้วิงมั๊ยเนี่ย?"
"ตอนแข่งเสร็จยังเห็นอยู่เลยนี่นา" ....ไปไหนของมันอีกเนี่ย?
"เพื่อนพี่คนนั้นเหรอครับ? เห็นเดินไปทางสนามบอลน่ะพี่" น้องโอว่าแล้วก็วิ่งตามคนอื่นๆ ไปไดโดม่อนทันที
สนามก็ไม่ใช่เล็กๆ แต่ผมพอเดาออกว่าเจ้าวิงคงไปที่เก่าที่เคยนั่งคุยกันคราวก่อนตอนที่มันเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังเป็นครั้งแรก
เจ้าวิงนั่งอยู่คนเดียวที่สระน้ำ เฮ้อ.....ตรูยิ่งมีความหลังตรงนี้อยู่ ถึงตอนนี้จะไม่มืดเท่าแต่ครั้งนั้น.....แต่ภาพมันนั่งคนเดียวแบบนี้ดูคุ้นๆ เหลือเกิน

"มาทำอะไรตรงนี้เหรอวิง?" ผมนั่งลงบนขอบสระน้ำ
"อ้าว! ต้นไม่ไปกับเพื่อนๆ เหรอ?"
"อ๋อ....ไม่ล่ะ ไม่ชอบคนเยอะๆ"
"แล้วยังเจ็บแขนมั๊ย?"
"แสบๆ ตึงๆ นิดหน่อยแต่ไม่เจ็บแล้วล่ะ ว่าแต่นายเถอะหน้าตาหมองๆ มีปัญหาอะไรรึเปล่า?"
"หืม? ไม่มีนี่" ไอ้หน้าแกล้งยิ้มแบบนั้นชวนหงุดหงิดจริงๆ

"วิง.....เราเป็นเพื่อนนายนะ เรารู้ว่านายไม่อยากเล่าแต่บางทีพูดมาอาจสบายใจขึ้นนะ"
"................." มันก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา
"เรื่องที่บ้านเหรอ?"
"งั้นก็เรื่องความรัก?" ....ถ้านี่ยังไม่ถูกอีกตรูจะตะโกน "มาตามนัด" ข้ามไปข้อต่อไปละนะ.....เจ้าวิงผงกหัวนิดๆ

"บอกเค้าไปแล้วเหรอวิง?"
"ยังไม่ได้บอกหรอกต้น......คงจะไม่บอกแล้วล่ะ"
"อ้าว! ทำไมล่ะ?"
"เรา.......ฮะๆ เรากลัวหน้าแตกน่ะต้นเลยตัดใจไม่บอกละ" .....เฮ้ย! ทำไมเลิกล้มง่ายแบบนี้ฟระ?
"โหย! อย่ากลัวดิ บางทีคนนั้นเขาอาจรอฟังนายอยู่ก็ได้นะ หน้าแตกมันเป็นเรื่องธรรมดา เราเองก็ยังเคยเลยนะอายสุดๆ เลยด้วย"

ผมน่ะออกจะอิจฉาพวกเพื่อนในห้อง พวกมันไปบอกรักสาวง่ายเป็นว่าเล่น พอโดนปฎิเสธกลับมายังคุยเฮฮากับเพื่อนๆ ยังกับเป็นวีรกรรม
"....ยังไงเหรอต้น?"
"เราเล่าให้นายฟังละกันเผื่อนายจะมีกำลังใจไปบอกรักเขาซะที แต่ห้ามเล่าให้คนอื่นฟังนะ ขนาดเม้งมันยังไม่รู้เลย"

ผมหยิบหินก้อนเล็กๆ ปาลงสระตรงตำแหน่งที่คาดว่ารองเท้านันยางของผมจมอยู่ใต้เลนเผื่อมันจะลอยขึ้นมา แต่ก็มีแค่วงน้ำกระเพื่อมเท่านั้น
"ตรงนั้นน่ะวิง....เราเคยตกลงไปในสระด้วยล่ะ"
"......ตอนไหนเหรอ?"
"วันก่อนปิดเทอมปีที่แล้ว เราช่วยรุ่นน้องคนนึงเก็บบอลที่หล่นน้ำแต่ดันลื่นตกลงไปซะเอง ฮะๆ ดีนะไม่มีใครอยู่แถวนี้ไม่งั้นดังทั้งโรงเรียนแน่"
...
...
...
"........ต้น......"
"หืม?"
"นั่นไม่ใช่เรื่องน่าอายซะหน่อย....ตอนนั้นนายเท่มากๆ เลยนะ"


คำพูดประโยคนั้นทำผมรู้สึกวูบ เหมือนเสียงคนในสนามฟุตบอลจะเงียบหายไปเหลือแค่แค่ผมกับเจ้าวิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเท่านั้น
ปากพูดไม่ออกแต่ในหัวผมมันกำลังเรียงภาพบางอย่างให้ชัดขึ้นๆ.....

"น้องคนนั้นเล่าให้นายฟังเหรอวิง?" .....ไม่ใช่สิ....ไม่ใช่เล่าให้ฟัง.....
เจ้าวิงยิ้มจางๆ พลางเอื้อมมือมาถอดแว่นออกจากหน้าของผมไปสวม ภาพตรงหน้ามันก็ค่อยๆ ชัดขึ้น.....ความคล้ายที่ไม่เคยสังเกต....

.....ที่รู้สึกคุ้นเคยกับวิงตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เจอ.....อาการใจเต้นประหลาดเวลาอยู่ใกล้.....ความรู้สึกอบอุ่นตอนที่สอนกีตาร์.....
.....ความรู้สึกต่างๆ ที่ผมด่าตัวเองมาตลอดว่าอย่าหวั่นไหวเหมือนคนหลายใจ.....ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม.....
ถ้าไม่ใช่ผมลองทรง.....ถ้าตัวไม่สูงขนาดนี้.....ถ้า....ใส่แว่น.....

"ฮะๆ ไม่ว่าตอนไหน ต้นก็เห็นเราเป็นน้องเสมอเลยนะ"

"วิง ....น...น...น้องคนนั้นคือนายเหรอเนี่ย?"
"ฮะๆ ตอนนั้นต้นนึกว่าเราเป็นรุ่นน้องจริงๆ เหรอ? แต่ตอนนี้เราก็สูงเกือบเท่านายแล้วนะ" มันหัวเราะเบาๆ แต่ผมสิขำไม่ออก
"แล้วทำไมตอนนั้นถึงเรียกเราว่าพี่ล่ะ?"
"ก็.....บอกไปแล้วนายอย่าล้อเรานะ....." วิงถอดแว่นส่งคืนให้ผมแล้วก็นิ่งเงียบไปนานเลย
..
..
"เราเห็นต้นมาตั้งแต่ม.2 แล้วล่ะ เราว่านายเท่มากเลย เป็นนักกีฬาบาสแล้วก็มีเพื่อนเยอะด้วย เราอยากเก่งแบบนายบ้างแต่ไม่กล้าเข้าไปคุย..... จู่ๆ วันนั้นต้นเดินเข้ามาบอกให้เราเรียกนายว่าพี่....เราก็เลย...."
"ก็เลยเรียกเราว่าพี่อะนะ?"
"อืม ก็ไม่รู้จะเรียกนายยังไงน่ะ คนไม่เคยคุยกันมาก่อน กลัวนายไม่ช่วยเก็บบอลด้วย"
.....เวรกรรม! ทำไมเอ็งซื่อแบบนี้ให้เรียกอะไรก็เรียก หน้าตรูเหมือนนักเลงรึไง!
"แล้วแว่นล่ะ? นายไม่ได้ใส่แว่นแล้วนี่"
"หมอบอกให้เราบริหารสายตามาตั้งแต่ม.2 แล้วล่ะ ฝึกจ้องนิ้วตรงหน้าแล้วขยับนิ้วเข้าออกแบบนี้ก็ช่วยได้ ตอนปิดเทอมหมอบอกว่าไม่ต้องใส่แล้ว แต่เวลามองกระดานดำก็ยังต้องใช้อยู่"

"ทำไมนายไม่เคยบอกเราเรื่องนี้เลยล่ะ?"
"ก็ไม่รู้ว่าต้นยังโกรธเรารึเปล่าน่ะสิ"
"เราจะไปโกรธอะไรนาย?"
"ก็เราทำต้นตกน้ำ......แล้วยัง....เรายังเอาหัวโขกโดนปากนายอีก กลัวต้นจะเอาคืนเราเลยไม่บอก"

อยากจะบ้าตาย..... ที่ผมหามันไม่เจอเพราะมัวแต่มองน้องม.2 จนต้องตัดใจคิดว่ารักแรกของผมมันจบไปแล้ว
ส่วนเจ้าวิงก็เลิกใส่แว่นตอนขึ้นเทอมสองแถมจงใจปิดผมเพราะนึกว่าผมโกรธมัน....แล้วจูบแรกของผมเป็นแค่ 'หัวโขกปาก' .....ฮือๆๆ เรื่องตลกที่ขำไม่ออก.....

"วิง เราไม่ได้โกรธนายเลยนะ"
"ไม่โกรธเราแน่นะ?"
"ไม่โกรธหรอก ตอนนั้นเราซุ่มซ่ามเองนี่หว่า"
"เฮ้อ! โล่งอก! กลัวมาตั้งนานว่าต้นยังโมโหเราอยู่" วิงลุกขึ้นหยิบกระเป๋า
"มืดแล้วล่ะ กลับบ้านกันเถอะ"

ผมได้แต่เดินตามวิงเดินนำหน้าไปทางประตูโรงเรียน....ความรู้สึกต่างๆ มันเต็มหัวไปหมด
น้องตัวจ้อยที่เคยคิดว่าจะไม่มีวันเจอกันอีกแล้ว.....จู่ๆ กลายเป็นเพื่อนที่เดินตรงหน้าได้เห็นกันทุกวัน
เพราะแบบนี้นี่เองถึงรู้สึกคุ้นเคย รู้สึกดีเหมือนวิงเป็นน้องชายที่น่าเอ็นดู.....ถ้าผมรู้เร็วกว่านี้.....ถ้ารู้ก่อนที่จะเจอกริช....ผมคง....

"ตอนแรกนึกว่าต้นลืมไปแล้วก็เลยไม่บอก แต่พอรู้ว่านายยังจำได้ก็พูดไปเลยดีกว่าจะได้สบายใจซะที"
"เรอะ! แล้วถ้าเรายังโกรธนายอยู่ล่ะ?"
"ก็วิ่งหนีสิ! ต้นเพิ่งแข่งบาสมาเหนื่อยๆ แถมแขนเจ็บทำอะไรเราไม่ได้หรอก"
โห! ที่มันกล้าพูดเอาตอนนี้เพราะแบบเนี้ยเองเรอะ! ......ตรูขอถอนคำพูดที่ว่ามันน่าเอ็นดู......
"อือใช่ เราเหนื่อย แขนก็เจ็บ...." ผมใช้แขนซ้ายโอบไหล่มันไว้
"แต่ขายังดีอยู่นะว้อย!"
"อ๊ะๆๆ! อย่านะ! ไม่งั้นเราจะบอกเม้ง!!!" แล้วมันก็วิ่งแจ้นหนีไปไกลโยชน์แล้วหันกลับมาทำหน้าล้อเลียน
"ลองบอกสิ เดี๋ยวจะเตะตกสระคืนบ้างล่ะ!!!"

ลมหนาวเริ่มพัดแรง......และคงจะหอบรักแรกที่แสนเปิ่นของผมไปแล้ว.....ตอนนี้คนตรงหน้าคือเพื่อนที่ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ใกล้.....
.....หัวโขกปาก...ผมอมยิ้มทวนคำนั้นเบาๆ......วิงมันไม่ได้คิดอะไรเลย......
ดีนะที่ตอนนั้นเขาเรียกชื่อผมให้ได้สติ ไม่งั้นผมอาจหน้ามืดจนทำอะไรยิ่งกว่านั้น.....และคงไม่ได้มาเป็นเพื่อนกันอย่างนี้แน่.....

"ต้น เดี๋ยวเราต้องไปทำธุระให้พ่อก่อนนะ นายกลับบ้านเลยละกัน ดึกแล้วด้วย"
"อืม งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะวิง"


ผมขึ้นรถเมล์ตามลำพัง ใจมันโหวงๆ พิกล จากที่เคยกลับพร้อมวิงบ่อยๆ แต่คืนนี้ผมกลับอยากอยู่คนเดียว
พอมาถึงบ้าน ผมหยิบหนังสือรุ่นที่ยืมเม้งมาเปิดช้าๆ .....หน้าเกือบสุดท้ายของชั้นม.3
.....เด็กตัวจ้อยหัวเกรียนที่ดูกลืนหายไปในกลุ่มเพื่อนร่วมห้อง.....คนที่ผมเคยตามหา.....แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันจบไปแล้ว
ผมเปลี่ยนซิมแต่ก็ได้แค่ถือโทรศัพท์ในมือ ไม่อยากโทรหาเขาตอนนี้เลย ทำไมผมถึงรู้สึกผิดต่อกริช.....

ตรื้ดๆๆๆๆ
เพิ่งพูดอยู่แหมบๆ ก็โทรมาทันที ไม่อยากคุยเลยแต่ถ้าไม่รับสายเขาคงคิดมาก
"สวัสดีครับกริช"
"สวัสดีครับต้น....เป็นอะไรเหรอเสียงเนือยๆ?"
"ม....ไม่เป็นอะไรหรอกครับ วันนี้หนังใหม่เข้าเยอะเลยเหนื่อยนิดหน่อยน่ะครับ"
ชักจะโกหกเก่งจนเป็นนิสัยแล้ว ผมไม่อยากจะเป็นแบบนี้ ไม่อยากโกหกอีกแล้ว
อยากบอกเขาว่าผมผ่านรอบแรกแล้ว อยากเห็นเขาดีใจ อยากให้พี่สิงห์ดีใจ.....แต่ตอนนี้ผมต้องอดทน....

"ผมเป็นห่วงนายนะ อยากเจอต้นมากๆ เลย ผมไปหาได้มั๊ยจะไม่กวนเวลางานหรอก" .....เหยย! จะมาทำไม....
"กริชเตรียมตัวสอบเถอะครับ อีกสัปดาห์เดียว"
"อืม......ขอโทษนะช่วงนี้ผมไม่มีเวลาให้ต้นเลย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ เราอยากให้กริชสอบได้ ตั้งใจติวนะครับ" พอวางสายเสร็จก็ล้มตัวลงนอนทันที

.....นานแค่ไหนผมก็รอได้ ในเมื่อผมหลอกเขามาตั้งสามเดือน จะให้ผมทำเพื่อเขามากกว่านี้ก็ได้ แต่คงไม่ใช่คืนนี้......

ตอนที่ 55

"ต้น เดี๋ยวเราต้องไปทำธุระให้พ่อก่อนนะ นายกลับบ้านเลยละกัน ดึกแล้วด้วย"
"อืม งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะวิง"
ผมข้ามมาขึ้นรถเมล์อีกฟากของถนน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารถกำลังแล่นไปไหน .....แค่อยากอยู่ให้ไกล......

ต้นคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องหน้าแตกเท่านั้น .....ใช่....ให้มันเป็นแค่เรื่องตลกเถอะ เรื่องตลกที่ผมสามารถหัวเราะกับเขาไปได้อีกนาน
เมื่อเขาเห็นผมเป็นแค่น้อง ทั้งตอนนั้นหรือแม้แต่ตอนนี้.....
ถึงจะสายไปแล้วแต่อย่างน้อยผมก็ได้บอกเขาซะทีว่าผมไม่เคยลืมเรื่องนั้น......

แขนที่วางบนบ่าเมื่อครู่ยังรู้สึกอุ่น อบอุ่นพอๆ กับสัมผัสที่หน้าผากในครั้งนั้น.....มันแค่เรื่องบังเอิญ อย่าฝันไปไกลกว่านี้เลย
ที่ต้นเรียกชื่อพี่กริชตอนพักครึ่งนั่นต่างหากคือความจริง .....ในเวลาที่เขาเจ็บ ในเวลาที่เขาเหนื่อย....ต้นเรียกชื่อพี่กริช.....

เสียงเพลงที่แตกพร่าดังแว่วมาจากลำโพงบนรถเมล์.......

....เก็บไว้มานาน เก็บไว้คนเดียว
และก็รู้ว่ามันไม่ควรถ้าพูดไป
ก็รู้ตัวดีเป็นได้แค่นี้ก็ดีตั้งเท่าไร
อย่าคิดอะไรไปเกินกว่านี้เลย

แต่วันนี้มันดูช่างยากเย็น
ความรักมันเต็มข้างในใจ
ห้ามมันยังไงก็ไม่ไหว

ไม่รู้ต้องทำอย่างไรเก็บไว้ไม่ได้อีกแล้ว
วันนี้หัวใจไม่เหลือที่พอให้ซ่อนมัน
ความรักมันเกินจะเก็บไว้
มันต้องทำอะไรสักอย่าง
ได้ไหมถ้าฉันจะบอกว่ารักเธอ......


.....ผมจะไม่ร้องไห้ครับพ่อ ผมเข้มแข็งได้เหมือนที่พ่อสอนใช่ไหมครับ.....วิงแปลว่าปีกนก มันอาจดูบอบบางแต่ก็แข็งแรง......
ผมเข้มแข็งใช่ไหมครับ .....ผมไม่ทำให้คนที่รักกันต้องแยกกันแบบพ่อกับแม่.....แบบนี้เรียกว่าเข้มแข็งใช่ไหมครับ......

ตอนที่ 56

"ต้น เที่ยงแล้วไปกินข้าวมั๊ย?"
"ไม่ล่ะ ฝากซื้อแซนด์วิชให้ทีนะ" เม้งรับเงินไปด้วยสีหน้าไม่ดีเลย
"ต้น มรึงกินแต่แซนด์วิชบนห้องมาหลายวันแล้วนะ"

จะให้ทำไงล่ะฟระ ตอนนี้กริชคืนดีกับพวกสต๊าฟแล้ว ตอนกลางวันเขาอาจเดินไปไหนมาไหนก็ได้
แค่ซ้อมบาสทุกเย็นก็คิดมากแย่แล้วเนี่ย ดีนะที่กริชรีบกลับบ้านไปติวทุกเย็น
วันนี้ก็วันพุธแล้ว อีกสามวันเท่านั้น ผมอดทนรอมาตั้งนานจะพลาดตอนนี้ไม่ได้หรอก
"เรื่องคนนั้นเหรอต้น?" ผมได้แต่พยักหน้า
"แล้วมันจะจบยังไงวะเนี่ย?"
"......เสาร์นี้แหละ...." แต่จบยังไงตรูก็ไม่รู้หรอกนะ
"เออ ดีใจด้วยละกัน" ว่าแล้วเม้งก็เดินลงไปโรงอาหาร เหลือผมนั่งในห้องคนเดียว

.....เพื่อกริชจริงๆ เหรอ....ไม่รู้ว้อย! ตอนนี้ก็แค่รอให้เขาสอบโควต้าเสร็จเท่านั้น.......ผมรอเรื่องนั้นจริงๆ เหรอ?
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วผมรออะไร .....หรือผมแค่กลัว.....ใจนึงก็อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ แต่ยิ่งหลอกเขามานานก็ยิ่งกลัวเขาจะโกรธมากเท่านั้น....

"ได้แล้วต้น รีบกินตอนร้อนๆ ล่ะ"
"ขอบใจนะเม้ง ซื้อมาสองอันนี่เงินมรึงพอเหรอเม้ง?"
"อันนี้ของกรู จะซื้อมานั่งกินกับมรึงว้อย! เนี่ยใส่ไข่ดาว ทูน่ากับผักเยอะพิเศษเลยนะมรึงจะได้ไม่ขาดสารอาหาร"
"ขอบใจมากนะเม้ง" ......ซึ้งใจสุดๆ เลยเพื่อนรัก.....
"ตอนกรูไม่มีตังมรึงยังเลี้ยงข้าวกรูเลยนี่นา มีอะไรให้ช่วยได้ก็บอกนะ"

.....คงไม่มีอะไรที่นายจะช่วยได้หรอก ปัญหาทุกอย่างผมสร้างขึ้นเองก็ต้องแก้เอง.....


เลิกเรียนก็รีบปั่นการบ้าน เก็บกระเป๋าแล้วรีบลงไปซ้อมบาส.....แป่ว! ไหงสนามโล่งไม่มีใครซักคนเลยฟระ?
.....พี่โจ้ครับ ผมมาแล้วแต่ไม่เจอใคร งั้นผมกลับบ้านละนะครับ..... (ความขี้เกียจเริ่มออก)
"ต้น! เม้ง!"
"พ...พี่โจ้ วันนี้ไม่มีคนเลย ไม่ซ้อมเหรอครับ?"
"อืม พอดีสต๊าฟเขาจะประชุมใหญ่ต้องเรียกตัวพวกพี่ทุกคนเลย พี่เพิ่งบอกคนอื่นให้กลับบ้านไปหมดแล้วล่ะ" ....ยะฮู้! ไม่มีซ้อมนรก!
"ต้นกับเม้งช่วยไปห้องดนตรีทีสิ พี่เขียนรายชื่อของที่จะยืมจากอาจารย์ไว้นี่แล้ว"
ว่าแล้วท่านพี่โจ้ก็วิ่งหายไปเลย นึกว่าจะไม่มีงานแล้วซะอีก
"เม้ง เดี๋ยวกรูไปธุระให้พี่เขาเองละกัน"
"ขอบใจนะต้น จะได้ไปซักผ้าซะที กรูไม่ได้ซักมาสองวันละ"
คิดว่าแค่เอาใบนี้ไปให้อาจารย์ก็คงพอมั้ง ถ้าต้องขนอุปกรณ์ไปห้องกริชผมก็วิ่งหนีล่ะครับ
เม้งช่วยผมมาตั้งเยอะ เรื่องที่ผมพอจะตอบแทนได้นอกจากการติวหนังสือก็มีแค่นี้เอง

จากที่ต้องซ้อมทุกเย็น จู่ๆ มีเวลาว่างช่วงแบบนี้รู้สึกเหงาๆ แฮะ.....สองวันที่ผ่านมาก็ไม่เห็นเจ้าวิงมารอกลับบ้านพร้อมกันเหมือนทุกที
เจ้าน้องที่น่ารักดันกลายเป็นเจ้าหน้าใสตัวแสบไปซะนี่ ....เฮ้อ! คงต้องใช้เวลาทำใจอีกสักพัก จูบแรกของตรูดันกลายเป็น 'หัวโขกปาก' ฮือๆๆ
ห้องดนตรีอยู่ชั้น 3 ของตึก 11 หลังเลิกเรียนแบบนี้ทั้งตึกเงียบวังเวง พอขึ้นบันไดมาก็ได้ยินเสียงกีตาร์กับเสียงร้องคุ้นๆ.....เสียงที่ทำให้ผมชะงัก

......สายตาเธอบ่งบอก เห็นใจกันอย่าหลอก
จะรักใคร ไม่ต้องห่วง อย่าลวงฉันเลย
ถึงต้องช้ำใจตาย ฉันก็พร้อมยอมตาย
รักเพียงเธอ อย่างไรทนได้เสมอ......

มันร้องเพลงเศร้าอีกแล้ว.....แต่เนื้อเพลงนี้มัน.....บ้าน่าอย่าคิดมาก
"มานั่งทำอะไรคนเดียวน่ะวิง?"
"เฮ้ย!! ต...ต้น มาได้ไง? วันนี้ไม่ซ้อมเหรอ?"
"ไม่อะ พี่โจ้ไม่ว่าง แล้วทำไมนายต้องทำหน้ายังกะเห็นผี?"
"....ก็เรานั่งอยู่คนเดียวนี่หว่า ห้องฟากโน้นก็ห้องดนตรีไทย เงียบๆ น่ากลัวจะตาย"

ผมหยิบเก้าอี้อีกตัวมานั่งลงข้างๆ "มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ทำไมนายเล่นเพลงเศร้าๆ ล่ะ อย่าบอกนะจะเอาไปจีบสาว"
"บ้าดิ ขืนเล่นเพลงนี้ก็มีหวังอกหักพอดี ฮะๆๆ" วิงพูดพลางยื่นหนังสือเพลงให้ผม
"พอดีเจอหนังสือนี่ในห้องเลยเอามาเล่นส่งท้ายเจ้ากีตาร์ตัวนี้ซะหน่อย"
"ส่งท้าย?"
"เราเอากีตาร์มาฝากอาจารย์น่ะ อาทิตย์หน้าเราจะย้ายไปบ้านแม่แล้ว อยู่ถึงประชาชื่นคงหอบไปกลับไม่ไหวแน่"
"อ้าวแล้วทำไมวิงไม่เอาไว้เล่นที่บ้านล่ะ?"
"ไว้ที่นี่ดีกว่า มีเพื่อนๆ ช่วยเล่นช่วยร้อง เล่นคนเดียวที่บ้านคงไม่สนุกขนาดนี้"
"แต่เล่นเพลงเก่าเก๋ากึ๊กยังกะวิญญาณน้าแจ้เข้าสิงแบบนี้คงไม่มีใครช่วยร้องให้นายแน่"
"ฮะๆๆ แจ้ยังไม่ตายว้อย!"
ผมเอากระดาษรายชื่อของไปไว้ในห้องพักอาจารย์เสร็จก็มานั่งเลือกเพลงที่เคยฟังตอนเด็กๆ มาเล่นเพลินจนลืมเวลาไปเลย

"วิง นายคงลำบากแย่เลยนะต้องอยู่บ้านไกลโรงเรียนขนาดนั้น"
"......อืม" แล้ววิงก็เงียบไปนานเลย
"ต้น .....เราดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนนาย"
"อืม เราก็เหมือนกัน"
ก่อนจะหมดแสงอาทิตย์ผมมองผ่านหน้าต่างห้องดนตรีออกไปที่สนามบอล มุมนี้มองเห็นบ่อปลาที่อยู่ไกลๆ ด้วย
ใครบางคนบอกว่าเรื่องเศร้าในวันนี้จะเป็นเรื่องตลกในวันรุ่งขึ้น.....แค่เพียงอดทนรอให้ข้ามไปอีกวัน
บางที 'วันรุ่งขึ้น' คงมาถึงแล้ว กับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ นี้

.....Everytime I see you falling.....
เสียงมือถือดังขึ้น เจ้าวิงรีบกดรับทันที "สวัสดีครับแม่"
"ครับๆ จะรีบไปครับ"

"ต้น วันนี้เรากลับบ้านพร้อมนายไม่ได้แล้วล่ะ แม่จะให้เรารีบไปช่วยจัดของที่บ้านน่ะ"
"อืม งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ .....เออวิง! เพลงตะกี๊เพราะดีนะเราขอโหลดได้มั๊ย?"
"เราส่งเพลงไม่เป็นน่ะต้น ไม่รู้ทำไงเหมือนกัน"


ผมฮัมเพลงที่ได้ยินจากมือถือเจ้าวิงระหว่างทางกลับบ้านพยายามจำให้ขึ้นใจ ท่าทางมันตะกี๊มีพิรุธมาก มือถือตัวเองมีรึจะส่งเพลงไม่เป็น
หวงขนาดนี้......แหงแซะ! คงเป็นเพลงที่มันจะใช้จีบสาวแหงๆ!
เอาไปถามพี่ต้อมเดี๋ยวก็รู้ว่าเพลงอะไร ถ้าเป็นเพลงหวานๆ เลี่ยนๆ ล่ะตรูจะล้อให้มันหน้าแดงแปร๊ดเลย เหอๆๆๆ เลวไหมล่ะตรู

"พี่ต้อมครับ พี่รู้จักเพลงที่ร้องว่า everytime I see you falling อะไรประมาณนี้มั๊ยครับ?"
พี่ต้อมนั่งคิดสักพักก็ร้องอ๋อ "นึกออกละ เพลงเก่าของวงนิวออเดอร์ส ชื่อเพลงก็ท่อนเดียวกับที่มรึงร้องนั่นแหละ จะถามไปทำไมเหรอ?"
"จะเอาไปล้อเพื่อนน่ะพี่ จำเจ้าวิงที่เคยมาบ้านเราได้มั๊ยพี่? สงสัยมันจะเอาเพลงนี้ไปจีบสาว"
"ฮะๆๆ คงไม่ได้หรอกมั้ง"
"อ้าว ทำไมล่ะครับ?" พี่ต้อมเหมือนจะพูดแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์
"เพลงนี้มันมีอีกชื่อนึงว่า Bizarre Love Triangle อยากรู้ความหมายก็ไปเปิดดิคฯ เอาเองนะ ฮ่าๆๆๆ"

โหย! พี่นะพี่ ก็รู้อยู่ว่าตรูไม่เก่งอังกฤษ Love....รัก  Triangle.....สามเหลี่ยม
แล้ว Bizarre นี่คือไอติมแดรี่ควีนรึเปล่า? .......ไอติมรักสามเหลี่ยมเหรอ?.....ช่างเถอะ แค่เรื่องกริชเรื่องเดียวก็ปวดหัวพอแล้ว.....
โง่ๆ แบบตรูจะเอ็นท์ฯ ติดปีนี้จริงๆ เหรอว้า? กริชจะกังวลแบบผมมั๊ย? เขาคงเครียดยิ่งกว่าผมหลายเท่า
ในเวลาสำคัญแบบนี้ผมน่าจะได้อยู่ใกล้เขา ได้อยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้เขา แต่ที่ผมทำอยู่นี่มันอะไรกัน....
ตัวเลขบนนาฬิกาเดินไปอย่างเชื่องช้า ....รอเวลาสี่ทุ่ม เวลาที่ผมจะได้อยู่ข้างกริชแม้ตัวจะอยู่ไกลกัน

"สวัสดีครับต้น โทรมาตรงเวลาตามเคยนะ"
"ก็คิดถึงนี่ครับ กริชก็รับไวตามเคยนะ"
กริชเล่าเรื่องเพื่อนที่ติวด้วยกัน เรื่องเนื้อหาแปลกๆ ของวิชาชีวะ ถึงจะไม่ค่อยรู้เรื่องผมก็ยังอยากฟัง อยากได้ยินเสียงที่สดใสของกริช
"เพื่อนผมเขารู้จักงานพาร์ทไทม์เงินดีหลายที่นะ เดี๋ยวผมหารายละเอียดไปให้ต้นวันเสาร์นี้นะ เผื่อต้นจะงานสบายขึ้น"
"ก....กริช...."
"หืม?"
"เรา.....เราเริ่มง่วงๆ แล้วล่ะครับ" ....ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดมากไปกว่านี้เลย....
"....จะรีบนอนแล้วเหรอต้น?"
"ยังหรอกครับ นอนคุยก็ได้ครับ"
"นี่ผมก็นอนอยู่บนเตียงเหมือนกันนะ ผมเอาหมอนข้างมาวางแทนตัวต้นด้วยนะ"
"แทนยังไงครับ?"
"ไม่ได้คิดลามกแบบนายก็แล้วกัน เจ้าน้องจอมหื่น" .....ยังไม่ทันได้คิดอะไรใต้สะดือเลย แต่ก็หยิบหมอนมาวางข้างหัวแทนกริชเหมือนกัน
"อากาศเริ่มหนาวแล้วนะต้น"
"ครับ"
"อยากให้ต้นมาอยู่ตรงนี้จัง คงนุ่มคงอุ่นน่ากอดกว่าหมอนข้างแน่เลย" ......ชักไม่แน่ใจแล้ววว่าใครลามกกันแน่?
"ผมจำเส้นผมแข็งๆ ของต้นได้นะ เวลาที่นายนอนดิ้นน่ะชอบกอดผมด้วย"

ในความคิดของกริช ผมเป็นเด็กที่เคยขายบริการ......เด็กที่อาจจะหลอกลวงเขา....คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า.....อาจมีโรคอะไรร้ายๆ มามากมาย......
แต่เขาก็ไม่เคยรังเกียจผม มีแต่ความห่วงใยให้ตลอด คิดแล้วมันเจ็บแปลบในอกจริงๆ ทั้งๆ ที่เขาทำเพื่อผมถึงขนาดนี้แต่ผมกลับ......
"เป็นอะไรไปเหรอต้น ทำไมเงียบไป?"
"ไม่มีอะไรหรอกครับ" .....ถึงจะโกหกแต่น้ำเสียงของผมคงหลอกเขาไม่ได้
"ผมอยากให้ต้นมาอยู่ตรงนี้จริงๆ นะ อยากเห็นว่าต้นยังสบายดี บางทีผมก็กลัวนะ กลัวต้นจะ...."
"เราแข็งแรงดีครับ ก็สัญญากับกริชแล้วนี่นาว่าจะอยู่กับนายตลอดไป อย่าคิดมากเลยนะใกล้สอบแล้ว"
"อืม......ต้น งั้นผมขออะไรอีกอย่างได้มั๊ย?"

ตอนที่ 57

เช้าวันเสาร์ ผมนั่งรอในร้านแมคฯ สีลม รู้สึกเก้ๆ กังๆ เพราะไม่คุ้นกับย่านนี้ในตอนเช้าแบบนี้เลย
หวังว่าคงจะไม่เจอคนรู้จักหรอกนะ อุตส่าห์เลือกที่ไกลจากจุฬาขนาดนี้แล้ว คืนนั้นไม่น่ารับปากกริชเล้ย



"......ต้น งั้นผมขออะไรอีกอย่างได้มั๊ย?"
"อะไรเหรอครับ"
"ผมอยากเจอต้นก่อนเข้าห้องสอบน่ะ แต่ถ้าต้นลำบากก็ไม่เป็นไรนะ"
"ก็....ก็ได้ครับ กริชสอบที่จุฬาใช่มั๊ยครับ?"
"อืม ผมสอบตอน 9 โมงครึ่งน่ะ"
"แล้ว.....เพื่อนๆ กริชล่ะครับ? คือเรา...."
"นัดเจอกันที่อื่นใกล้ๆ นั้นก็ได้นะ นะต้นนะ ผมอยากเห็นหน้านายก่อนสอบจริงๆ ผมคิดถึงต้นมากเลยนะ"
"งั้นเจอกันที่ร้านแมคตอน 8 โมงละกันนะครับ"



ถึงจะเสี่ยงแต่ผมก็ดีใจที่กริชอยากให้ผมอยู่ข้างๆ เขาในเวลาที่สำคัญขนาดนี้ อยากให้กำลังใจเขา ถ้าเป็นไปได้ผมอยากอยู่ข้างกริชตลอดไป

ผมเลือกนั่งโต๊ะตัวเดิมริมหน้าต่างกับน้ำโค้กหนึ่งแก้วเหมือนคืนนั้น คืนที่ผมเจอกริชเป็นครั้งแรก....
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่โกหกเขา.....ไม่หรอก....เราแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว
ที่ทำได้ตอนนี้คือทำให้กริชสบายใจจนเขาเข้าห้องสอบ .....แล้วเย็นนี้ก็จะถึงเวลาที่ผมจะบอกเขาทุกอย่าง อีกไม่กี่ชม.ข้างหน้านี่แหละ

นาฬิกาสีฟ้าน้ำทะเลบนข้อมือบอกเวลา 8:04 ป่านนี้พวกพี่โจ้คงกำลังยุ่งกับงานกีฬาสีวันแรก เอาไว้สายๆ ค่อยเข้าไปช่วยงานละกัน
กริชเปิดประตูร้านเข้ามาในชุดนักเรียนพร้อมสมุดหนังสือ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเขาเต็มๆ ในชุดนี้ รู้สึกหวาดๆ ยังไงไม่รู้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย
"รอนานมั๊ยต้น?"
"ไม่หรอกครับ เราเพิ่งมาเหมือนกัน" เขานั่งลงตรงหน้า ไม่มีคำพูดอะไรอีกนอกจากสองมือที่เกาะกุมกันไว้
"ต้น ผมขอโทษนะที่ช่วงนี้ไม่มีเวลาให้ต้นเลย นี่ยังต้องให้ต้นมารอผมตั้งแต่เช้าอีก"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ มาเป็นผู้ปกครองส่งเด็กชายกริชเข้าห้องสอบไง ฮะๆๆ"
"โหย! อย่าล้อผมสิ เขินเหมือนกันนะ"
"เราเตรียมปากกาดินสอยางลบมาให้กริชด้วยนะ" ผมยื่นซองเครื่องเขียนที่เตรียมมาแต่เขาจ้องแขนอีกข้างของผม

"แขนต้นไปโดนอะไรมาน่ะ?"
"ห....หกล้มน่ะครับ" อุตส่าห์ปิดๆ แล้วกริชก็ยังเห็นจนได้ เมื่อเช้ากะจะใส่เสื้อแขนยาวแต่มันขูดโดนสะเก็ดแผล
"เจ็บมากมั๊ยเนี่ย? คงล้มแรงเลยสินะ?" กริชขอดูแผลผม หน้าเขาเศร้ายังกับเจ็บเอง
"เจ็บมากเลยล่ะ รอคุณหมอกริชมารักษาให้นะเนี่ย" พยายามพูดขำๆ แต่อีกฝ่ายท่าจะไม่ขำ

"ต้น....ถ้าผมสอบติด อีก 6-7 ปีผมจะเรียนจบ จะได้เป็นหมอแล้วผมจะหาเลี้ยงต้นเองนะ จะเปิดคลีนิคด้วย จะไม่ให้นายลำบากอีกแล้ว"
"โหย! คิดไปไกลขนาดนั้นเลยนะ เราไม่ปล่อยให้กริชเลี้ยงอยู่คนเดียวหรอกน่า รีบกินเถอะครับจะสายแล้ว"
"นั่นสินะ ต้นทำงานหาเงินเองได้แล้ว แต่ผมสิยังขอเงินพ่อแม่อยู่เลย" .....ผมก็ขอ ปลายเดือนมีขอตังค์รอบสองด้วย....

.....กริชคิดถึงอนาคตไปไกลขนาดนั้นแต่ผมมัวกลัวอยู่แค่เรื่องตรงหน้า.....แต่มันก็น่ากลัวจริงๆ นี่นา
ตรูจะเอาชีวิตรอดผ่านเย็นนี้ไปได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย หรือจะโดนกริชกระทืบคาตีนโทษฐานที่หลอกเขามานาน

เราสองคนรีบกินอาหารที่สั่งมาเพราะใกล้จะแปดโมงครึ่งแล้ว สักพักมือถือของกริชก็สั่น
"อยู่ไหนแล้วกริช?"
"แมคฯ ที่สีลม กินข้าวอยู่กับแฟน" .....พูดได้เสียงดังฟังชัดมาก โต๊ะข้างๆ ชำเลืองมาทันที ดีนะที่อยู่สีลมย่านโลกีย์เลยดูเป็นเรื่องปกติมั้ง
"โห!คนเรา ทิ้งเพื่อนไว้โรงอาหารแล้วหนีไปหวานกับแฟนเนี่ยนะ!"
"แล้วพวกนายกินข้าวเสร็จยัง?"
"ไม่บอกโว้ย งอนคนทิ้งเพื่อน!"
"ถามจริงๆ จะได้ไปเข้าห้องพร้อมกัน เราไม่อยากเข้าไปคนเดียว"
"อยากรู้เหรอ? ถามต้นคืนนี้สิ"

.....เฮือก!!! ถึงจะได้ยินเสียงฝ่ายโน้นจากมือถือกริชแค่เบาๆ แต่ก็ได้ยินชื่อผมชัดเจน เขาหันมาทางผมแบบงงๆ

"เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?" กริชพูดโทรศัพท์เสียงเครียดเชียว
"เราเล่นมุขน่ะ ตอนเด็กๆ ไม่เคยดูโฆษณานี้รึไง มุขนี้ออกจะดัง"
"อ...อ....อ๋อ โฆษณานมเปรี้ยวนั่นน่ะเหรอ? เล่นมุขเก่าสิบกว่าปีแบบนี้ใครจะรับมุขทันเนี่ย"
"ฮะๆ กริชรีบมาละกัน อีก 15 นาทีพวกเราจะเข้าห้องสอบแล้วนะ"

"ต้นไปส่งผมหน้าห้องสอบมั๊ย? นั่งรถไปใกล้แค่นี้เอง"
"เรา....เราขอส่งกริชแค่นี้ละกันนะต้องรีบไปทำธุระ" .....ขอเวลาหาหัวใจก่อน เจอมุขย้อนยุคตะกี้เข้าไปใจมันหล่นทะลุตาตุ่มไปไหนแล้วก็ไม่รู้
"กริชสอบเสร็จกี่โมงครับ?"
"ห้าโมงเย็นน่ะ"
"งั้นเจอกันหน้าโรงเรียนตอนหนึ่งทุ่มนะครับ"

พอแยกกับกริชก็นั่งรถไฟฟ้ากลับบ้าน ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะไปช่วยงานกีฬาสีที่โรงเรียนแต่เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ผมใจไม่ดีเลย
เสียงเครียดๆ ของกริชทำให้นึกถึงฝันคืนนั้น .....ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกน่า ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่นา
เก็บตัวอยู่ในบ้านซะ อีกไม่กี่ชั่วโมงปัญหาทุกอย่างก็จะจบแล้ว

......ทุกอย่างมันมาไกลเกินจะทำอะไรได้แล้ว ตอนนี้ผมได้หวังว่าเขาจะยกโทษให้.....

"เม้งฝากบอกพี่โจ้ทีนะว่ากรูไม่ว่างไปช่วยงานไม่ได้"
"เออ เดี๋ยวบอกให้ กรูก็โดดงานไปดูเชียร์ลีดเดอร์เหมือนกัน ลีดสีเขียวไม่ค่อยสวยว่ะแต่เต้นเอ็กซ์มากๆ เลย" ....บอกตรูทำไม....
"เออ เชิญมรึงบ้ากามตามสบายเถอะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่สนามตอน 10 โมงนะเม้ง"

หลังจากสั่งเสียเสร็จก็ได้แต่นอนดูนาฬิกา ตัวเลขบนหน้าปัดเดินไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน
.....ทรมานชิบเป๋งเลย....แต่กริชคงรู้สึกยิ่งกว่าผม....เขาคงรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว
16:55
16:56
16:57
16:58
16:59
17:00 .....หมดเวลาสอบแล้ว
17:01 .....ความทุกข์ของกริชคงจบลงแล้ว คราวนี้ก็คงถึงเวลาของผมซะที

ผมหยิบถุงเสื้อสูทที่เก็บชุดนักเรียนของกริชออกมาแต่งตัวอย่างช้าๆ ตามด้วยเข็มกลัดสีทองที่เก็บไว้ใต้หมอน .....ได้เวลาแล้ว
"ต้น มรึงแต่งชุดนักเรียนทำไมวะ เย็นป่านนี้แล้ว?"
"ไปงานกีฬาสีน่ะพี่" ....ถ้าพรุ่งนี้ไม่เจอตรูก็ช่วยไปเก็บศพที่โรงเรียนด้วยนะท่านพี่ที่รัก

มาถึงหน้าโรงเรียนเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ตอนนี้งานกีฬาสีวันแรกจบไปแล้วเหลือแต่สต๊าฟที่เดินไปมากับพวกนักเรียนไม่กี่คน
ผมหลบเข้าหลังตึกแถวของร้านค้าหน้าโรงเรียนเพื่อดูลาดเลา...มีแต่พี่ม.5 ม.6 แบบนี้คงจะปลอดภัยล่ะน่า....

โทรหากริชแปบเดียวก็เห็นเขาเดินออกมา ถึงตอนนี้จะมืดแล้วเพราะเป็นหน้าหนาวแต่ผมก็จำได้แม่นยำ
ร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนที่ผมต้องวิ่งหนีทุกครั้งที่เจอ....แต่วันนี้ผมจะไม่หนีอีกแล้ว
"นึกว่าต้นจะมาไม่ถูกซะแล้วนะเนี่ย" ....มาไม่ถูกก็บ้าละ
"กริชอุตส่าห์เขียนแผนทีให้นี่ครับ"
"งั้นเข้าโรงเรียนเลยนะ"

เขาเริ่มชี้ศาลพระภูมิประจำโรงเรียนผมก็ยกมือไหว้ประหลกๆ .....ช่วยลูกช้างให้พ้นเงื้อมตีนกริชด้วยเถิ้ด.....
จากนั้นก็เดินดูสนามเทนนิส ตึกคอม สระว่ายน้ำที่เพิ่งสร้างเสร็จ ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ เดินตามไปเรื่อยๆ
ทั้งที่กำลังเดินผ่านใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ฝันมานานแต่บรรยากาศตอนนี้มันไม่เป็นใจซะเลยสำหรับผม
....รีบๆ บอกเขาไปสิวะ! ยิ่งหลอกเขานานเขาจะยิ่งโกรธนะว้อย!....
....ก็มันหาจังหวะไม่ได้นี่หว่า!....

"ต้นไม่ต้องกลัวนะ วันนี้มีกีฬาสี มืดขนาดนี้แล้วด้วยไม่มีใครสังเกตเห็นต้นหรอก"
"ครับ....แต่ยังไงก็อย่าเดินไปตรงคนเยอะๆ เลยนะครับ" คำอ้อนวอนขอชีวิตคงได้ผล กริชเลยเดินนำไปทางหลังโรงอาหารแทน
"รู้มั๊ย...ผมฝันถึงวันนี้มานาน วันที่ต้นจะได้มาเดินกับผมที่นี่"
"....ครับ"
"ผมอยากให้ต้นได้เห็นทุกที่ที่ผมอยู่ ....อยากพาต้นไปทุกที่ที่ผมไป...." เขาพูดพลางกุมมือผมไว้

".....ผมอยากมีต้นอยู่ข้างๆ ผมตลอดไป....." เสียงกริชเหมือนจะร้องไห้ ผมบีบมือเขาแน่นขึ้น
"เราอยู่ข้างๆ กริชเสมอนะครับ"....จะไม่ให้ความหลังมาทำร้ายเขาได้อีกแล้ว.....พูดดีไป ที่ผมกำลังหลอกเขานี่มันร้ายแรงกว่าหลายเท่า.....
"ขอโทษทีนะที่ผมพูดเห็นแก่ตัวไปหน่อย ต้นก็ต้องทำงานนี่นาจะมามัวอยู่กับผมได้ยังไง"
"เอ่อ....กริช....."
"บางครั้งผมก็เห็นคนคล้ายๆ ต้นในโรงเรียนก็เลยอดคิดแบบนี้ไม่ได้ ถ้าต้นได้มาตรงนี้ก็คงดี และวันนี้นายก็อยู่ที่นี่จริงๆ"
"เอ่อ....กริช เราอยากไปดูคูน้ำที่กริชเคยเล่าให้ฟังน่ะครับ อยากดูที่โดดเรียนของเด็กขยัน ฮะๆ"
ตรงนั้นเงียบดี อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดละนะ อยากเตะผมตกคูน้ำก็เชิญ
"ได้สิ ต้นจำได้ด้วยเหรอ? เดินไปทางโน้นอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว" กริชกุมมือผมไปตลอดทางยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด

"กริชปล่อยมือเถอะครับ เดี๋ยวใครเห็นเข้า"
"ใครจะเห็นก็เห็นไปเถอะ ผมเคยทำผิดที่หลอกตัวเองมาครั้งนึง ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว"
ระยะทางก็ไม่ไกลแต่อึดอัดเหลือเกินที่ได้แต่เดินเงียบๆ .....กริชกล้าเปิดเผยถึงขนาดนี้....แล้วผมล่ะ....
"เบื่อเหรอต้น?"
"เปล่านี่ครับ สนุกดีออก"
"ไม่เห็นนายพูดอะไรเลยน่ะ แถมทำหน้าเครียดๆ อีก"
"ไม่มีอะไรหรอกครับ เอ่อ....กริชรู้จักเพลง Bizarre Love Triangle ไหมครับ?" พยายามหาเรื่องคุย กริชอายุพอๆ กับพี่ต้อมก็น่าจะรู้นะ
"รู้จักสิ ตอนผมเด็กๆ ก็เคยฟังนะ"
"แล้วชื่อเพลงนี่แปลว่าอะไรเหรอครับ?"
"Bizarre Love Triangle แปลว่ารักสามเส้าพิลึกพิลั่นไง"

......รักสามเส้า.....หมายความว่ายังไง? ทำไมเจ้าวิงถึงใส่เพลงนี้ในมือถือ?......แล้วที่มันไม่ยอมให้ผมโหลดเพลงนั่น....บ้าน่า!
แล้วยังอีกหลายๆ อย่างที่มันทำ ทุกเพลงที่มันร้อง....เพลงของน้าแจ้นั่น.....นี่ตรูคิดอะไรอยู่เนี่ย?

"ต้นอยากเรียนภาษาอังกฤษไหมล่ะ? ผมสอนให้ได้นะ"
"จะ...จะสอนยังไงเหรอครับ?"
"ก็....เริ่มจากสอนคำว่า Love ดีมั๊ย?" นั่นไงตรูว่าละ แล้วหาว่าตรูหื่น ตรูลามก ......กริชไม่พูดเฉยๆ แต่โอบไหล่ผมไว้แน่น
"กริช! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้านะ!"
"ผมไม่สนหรอก ผมรักต้นนี่นา"

"กริช.....เรา....." กริชเปิดเผยถึงขนาดนี้ผมทนหลอกเขาไม่ได้อีกแล้ว

ยังไม่ทันเอ่ยปากก็มีเสียงคนเดินมาจากมุมโรงอาหาร แต่กริชก็ยังไม่ยอมปล่อยแขน.....เจ้าพระคู๊ณ! ขออย่าให้เป็นคนรู้จักเล๊ย!!!!
แต่ดูเหมือนคำอ้อนวอนจะไม่เป็นผลเมื่อคนที่เดินเลี้ยวมา....วิง!!

ผมหลับตาปี๋ อีกเสี้ยววินาทีวิงมันต้องทักผมแน่ๆ ความลับต้องแตกแล้วกริชก็ต้องกระทืบตรูตายหลังโรงอาหารนี่
......มันต้องเกิด อะไรที่มันต้องเกิด เช่นใจฉันหยุดเธอไม่อยู่ ห้ามไว้ฉันห้ามไม่ได้...... (จะตายอยู่แล้วยังร้องเพลงโคตรโบราณของน้าแจ้อีก)
แต่ทุกอย่างยังเงียบ พอลืมตาเห็นวิงเดินผ่านไปแล้ว.....แต่สีหน้ามันเศร้า....เศร้ามาก
"ไม่ต้องกลัวนะต้น รุ่นน้องคนนั้นเขารู้จักผม เขาไม่บอกใครหรอก"
"ร...รู้....รู้จักกันเหรอครับ?!!"
"อืม เคยคุยกันน่ะ เขาคงเคยเห็นผมกับต้นด้วยมั้ง"
"หา?!!! ก...กริชแน่ใจเหรอ?"
"น้องเขาไม่เคยบอกหรอกนะ แต่ตอนที่ผมบอกว่าผมมีแฟน เขาก็รู้เลยว่าแฟนผมเป็นผู้ชายน่ะ"

นั่นมัน....นั่นมันตอนที่อยู่ในห้องพยาบาลไม่ใช่เหรอ? ถ้ายังงั้นคนที่ผมนึกว่าเป็นผีก็....!!! แล้วที่พูดว่า 'ปั๊ดโธ่เว้ย' นั่น......
กริชเดินจูงมือผมต่อแต่ผมหน้ามืดเหมือนจะล้มซะให้ได้....วิงรู้.....แล้วทำไมไม่เคยบอกผม.....
"น้องเขาน่าสงสารนะ ตอนนั้นเขามาปรึกษาผมด้วย"
"เรื่องอะไรเหรอครับ?" .....วิงพูดเรื่องอะไรกับกริช? เรื่องของผมเหรอ? คุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วทำไมกริชยังเฉยๆ ทุกครั้งที่เจอกัน?
"น้องเขาก็เป็นเหมือนผม......เขาชอบเพื่อนผู้ชายคนนึงแต่คนนั้นมีแฟนอยู่แล้ว เขามาถามผมว่าควรจะบอกความรู้สึกออกไปหรือจะเงียบไว้คนเดียวน่ะ"
"แล้วกริช....ตอบว่ายังไงเหรอครับ?"
"ผมตอบไม่ได้หรอก....มันคล้ายเรื่องของผมกับ...." กริชบีบมือแรงขึ้น
"ขอโทษนะต้น ผมพยายามจะไม่พูดเรื่องสิงห์แล้วแท้ๆ"
"เราไม่ว่าอะไรหรอกครับ เรื่องนั้นไม่มีใครผิด กริชพูดเถอะอย่าลำบากใจเวลาอยู่กับเราเลยนะครับ" อยากจะปลอบกริชแต่ตอนนี้หัวมันคิดอีกเรื่องวุ่นวายไปหมด
.....วิงถามแบบนั้นกับกริชทำไม....วิงชอบเพื่อนคนไหน?

มรึงจะโง่อีกนานมั๊ยไอ้ต้น!.....คำตอบมันชัดอยู่แล้ว.....คำตอบที่ผมไม่เคยกล้าคิด......
ทั้งหมดที่วิงทำ....ทุกคำที่พูด.....ทุกเพลงที่ร้อง.....ทุกอย่างมันชัดอยู่แล้ว....แต่ทำไมวิงถึงไม่เคยบอกผมตรงๆ?

คำพูดประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว คำพูดที่ครั้งนั้นผมไม่เข้าใจความหมาย
"....เราไม่อยากเห็นใครต้องแยกจากคนรักอีกแล้ว...."
.....นี่ไงล่ะคำตอบ....ที่วิงไม่เคยพูดก็เพราะแบบนี้นี่เอง.....เพราะไม่อยากเห็นใครต้องแยกกันแบบพ่อแม่เขา.....ทำไมผมโง่แบบนี้!!!!
ป่านนี้มันเดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หน้าเศร้าๆ นั่น.....ตอนวิงเล่าเรื่องพ่อแม่ หน้ามันยังไม่เศร้าขนาดนี้....

"กริช...เรา...." ตอนนี้ผมเป็นห่วงวิงจริงๆ แต่กริชล่ะ? ผมควรรีบบอกความจริงกับเขาตอนนี้ซะ!

เรื่องต่างๆ ตีกันในหัววุ่นวายไปหมด เพลงสุดท้ายที่เจ้าวิงร้องเมื่อวานก่อนก็ดันแว่วขึ้นมาซะอีก
......ถึงต้องช้ำใจตาย ฉันก็พร้อมยอมตาย......
นี่ตรูคิดอะไรเนี่ย? แค่ช้ำใจวิงมันคงไม่.....เรื่องแบบนั้นมีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละ

แต่หัวผมก็ไม่ยอมหยุดคิด มิวสิควิดีโอเก่าเก๋ากึ๋กอมตะนิรันดร์กาลฝันสีทองของน้าแจ้โผล่ขึ้นมาอีก
.....นั่นคือวันสุดท้าย พรุ่งนี้ไปใครจะเห็นหน้า หากเจ้าฆ่าตัวตายไปเมื่อคืน......
ตรูคิดมากเกินไปแล้ว แค่อกหักนะโว้ย! แค่อกหัก!

ช่องมิวสิควิดีโอในหัวยังทำงานไม่หยุดด้วยการปล่อยเพลงของน้าแจ้มาหลอนอีกระลอก
......ต่างคาดไม่ถึง ตามข่าว เธอฆ่าตัวตาย ลาจากคนรัก
มือจับจดหมาย กอดจดหมาย เอาไว้กับอก
บอกให้เขารู้ ลาก่อน ชาตินี้จำอำลา อย่าห่วง ห่วงคนมีกรรม
พี่จงลืมน้องได้ อยู่กับเธอคนดีคนใหม่ อย่าห่วงเลย......

โว้ย!!!!!!! ทำไมน้าแจ้มีเพลงฆ่าตัวตายเยอะแยะแบบนี้ฟระ!!!!
ถึงจะรู้ตัวว่าเป็นคนคิดมากแต่คิ้วซ้ายมันกระตุกไม่หยุด.....เรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นแน่ๆ....ถ้าช้าไปวินาทีเดียว....
ถ้าสารภาพความจริงกับกริชตอนนี้คงต้องใช้เวลานานโข ถึงจะรู้สึกผิดแต่วินาทีนี้ผมมีอีกคนที่น่าเป็นห่วงมากกว่า  ผมขอโทษจริงๆ นะกริช!
"กริช ขอโทษนะเราเพิ่งนึกได้ว่ามีงานด่วน! ขอตัวก่อนนะครับ!"
"อ้าว! เหรอ....ต้องรีบไปตอนนี้เลยเหรอ?"
"ครับ เราขอโทษจริงๆ นะ"
"อืม ไม่เป็นไรหรอก ต้นจำทางออกได้มั๊ย? ประตูอยู่ทางโน้นนะ"
"กริช....." ผมบีบมือเขาแน่น สิ่งที่ผมกำลังจะทำนี้มันโง่มากๆ แต่ผมเป็นห่วงเพื่อน ถ้าวิงเป็นอะไรไปผมจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเด็ดขาด!
"กริชรอเราที่บ้านนะครับ แล้วเราจะรีบตามไป ไม่นานหรอกครับ"
"อืม ผมจะรอต้นนะ"

ว่าแล้วก็วิ่งเลี้ยวผ่านโรงอาหารตรงไปที่ประตูโรงเรียนทันที จะช้าไม่ได้แล้ว! สังหรณ์ใจไม่ดีเลย....วิงอย่าทำอะไรบ้าๆ นะโว้ย!
"น้ายามครับ น้าจำเพื่อนผมคนที่สะพายกีตาร์มาบ่อยๆ มั๊ยครับ? น้าเห็นเขาผ่านมาแถวนี้มั๊ยครับ?"
"ก็พอจำได้นะหนู แต่น้าว่าน้ายังไม่เห็นเขาเลยนะ"
"ขอบคุณครับคุณน้า"
ถ้ายังไม่ออกจากโรงเรียนแล้วมันจะไปที่ไหน? บ่อปลาเหรอ? แต่ตอนที่วิงเดินเลี้ยวไปมันคนละทางนี่นา
แล้วมันจะไปที่ไหนล่ะในเวลาแบบนี้......ห้องประจำของมัน.....ที่ชั้น 4.....ที่ความสูงระดับนั้น.....

.....นั่นคือวันสุดท้าย พรุ่งนี้ไปใครจะเห็นหน้า หากเจ้าฆ่าตัวตายไปเมื่อคืน......
เสียงเพลงของน้าแจ้ยังมาหลอกหลอนไม่หยุดเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง .....โว้ย! หยุดคิดซะทีสิฟระ!!!!....ยังไงก็รีบขึ้นไปดูก่อนเถอะ!

.....เดี๋ยวก่อน....เมื่อกี้ผมบอกกริชว่าอะไรนะ? ผมพูดคำว่า 'งานด่วน' เหรอ?
แล้วไอ้ห้องเรียนที่ชั้น 4 ในยามค่ำมันก็คล้ายกับภาพที่ผมเห็นในความฝันเลย .....จะขึ้นไปเหรอ? ถ้ามันจะเหมือนกับในฝันนั่นล่ะ?

กลัวอะไรแค่ความฝัน! ชีวิตเพื่อนทั้งคนนะโว้ย!  
ผมวิ่งตรงไปขึ้นบันไดตึก ในหัวเห็นแต่หน้ามัน เจ้าวิงที่เคยยิ้มเสมอ คนที่ผมเคยกอดตอนมันร้องไห้ คนที่สอนกีตาร์ให้ผม นายต้องไม่เป็นอะไรนะโว้ย!
ถึงชั้น 4 แล้ว ประตูห้องมันเปิดแง้มอยู่จริงๆ ด้วย ผมผลักเข้าไปเต็มแรง! เจ้าวิงกำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่าง!

"วิง! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะว้อย!"
"อ้าว! ต้น....."
"วิง...ทำไมนายไม่บอกเรา?!"
"บอกเรื่องอะไรเหรอต้น?" มันยังแกล้งยิ้มได้อีกนะ ตรูวิ่งขึ้นมาเหนื่อยจนลิ้นห้อย
เรื่องอะไรงั้นเหรอ จะให้ผมเป็นฝ่ายพูดได้ยังไง
นั่นสินะ.....เจ้าวิงเองก็คงไม่กล้าพูด....แบบเดียวกับที่ผมรู้สึกตอนนี้เหมือนกัน ไม่สิ วิงมันคงลำบากกว่าผมหลายเท่า
ทั้งห้องมีแต่ความเงียบกับเสียงซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ที่แว่วมาไกลๆ .....ความเงียบที่อึดอัดเหลือเกิน.....
"......กริชบอกเราหมดแล้ว"
".............."
"ทำไมนายถึงไม่บอกเราล่ะวิง? รู้มั๊ยเมื่อกี้เราเป็นห่วงนายมาก กลัวว่านายจะ....จะทำอะไรบ้าๆ"

"......อยากให้เราบอกจริงๆ เหรอต้น?.....อยากให้บอกว่าเราชอบนายงั้นเหรอ!....อยากให้เราบอกแบบนั้นตอนที่รู้ว่านายมีพี่กริชแล้วงั้นเหรอ?!!"

ใช่จริงๆ...........
ผมมันโง่เหลือเกิน โง่ที่เข้าใจตอนนั้นว่าวิงเป็นน้องม.2 โง่ที่จำวิงไม่ได้เพียงเพราะเขาตัวสูงขึ้นและไม่ได้ใส่แว่น
โง่ที่ไม่เข้าใจคำที่เขาพูดและทุกอย่างที่เขาทำ วิงบอกผมมาตลอดแต่ผมกลับไม่เข้าใจ
"ไม่น่าเลย.....เราไม่น่าพูดออกไปเลย......ขอโทษนะต้น ทั้งๆ ที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้นายเจ็บ....แต่เรา....."
เสียงที่สั่นเครือ ภาพเจ้าน้องตัวจ้อยยืนกลั้นน้ำตาอยู่ตรงหน้าเหมือนเย็นวันนั้น
สิ่งที่ต่างไปนอกจากความสูง ทรงผมและแว่นตา คือผมไม่สามารถหยุดน้ำตาเขาไว้ได้อีกแล้ว

"วิง.....เป็นเพื่อนกันเถอะนะ"
ผมเคยเห็นคำนี้ในนิยายมาหลายครั้ง แต่เพิ่งรู้วันนี้แหละว่ามันเป็นประโยคที่พูดยากเหลือเกิน
ประโยคที่ทำร้ายจิตใจทั้งสองฝ่ายแต่ก็จำเป็นต้องพูดก่อนที่วิงจะเจ็บมากไปกว่านี้

"ต้นยังให้เราเป็นเพื่อนนายได้เหรอ?"
"อืม ทำไมล่ะ แค่ความรู้สึกเปลี่ยนไปครั้งนึงนี่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอ?"
"ขอบใจนะต้น.....ขอโทษนะที่เราทำให้นายรำคาญมาตลอด ตอนที่เห็นต้นกับพี่กริชเที่ยวด้วยกันเราก็รู้แล้วว่าต้องทำใจ....แต่....แต่เราเห็นนายวิ่งหนีพี่เขาในโรงเรียนเราเลยนึกว่าพี่กริชสั่งให้ต้นต้องคอยหลบหน้า เรานึกว่าพี่เขาไม่ได้ชอบนายจริง เราก็เลย---"
"วิง กริชไม่ได้สั่งเราให้ทำแบบนั้นนะ!"
"เราเข้าใจ ต้นไม่อยากให้คนในโรงเรียนรู้ว่าต้นคบกับพี่เขา ต้นไม่อยากให้พี่เขาเดือดร้อนสินะ?"

ตรูอยากจะบ้าตาย! นี่เจ้าวิงมันเข้าใจผิดแบบนี้มาตลอดเลยเหรอเนี่ย?
จะเข้าใจตัวผมผิดก็ไม่เป็นไรหรอกแต่กริชเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ผมไม่อยากให้วิงเข้าใจเขาไปอย่างนั้น
"วิง.... กริชไม่ได้สั่งเราแบบนั้นหรอก จริงๆ แล้วน่ะ....คือ....กริชเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ในโรงเรียนนี้"
"หมายความว่ายังไงนะต้น?"
"กริชไม่รู้หรอกว่าเราเรียนที่นี่"
"แต่เมื่อกี้ต้นก็เดินกับพี่เขานี่นา"
จะบอกความจริงดีมั๊ย? แต่มันคงทำร้ายใจของวิงถ้ารู้ว่าผมกับกริชมีอะไรเลยเถิดตกร่องปล่องชิ้นไปถึงขั้นไหน....
"ต้น....เรื่องเป็นยังไงกันแน่?"
"เราบอกไม่ได้หรอกวิง"
"เราก็ทนเห็นนายลำบากแบบนี้ไม่ได้เหมือนกันนะ บอกมาเหอะ ตะกี๊นายบอกเองนะว่าเราเป็นเพื่อนนายน่ะ"

ไหนๆ วิงก็รู้เกือบทั้งหมดแล้วผมก็ควรจะเล่าดีกว่าปล่อยให้เขาเข้าใจผิดนานกว่านี้ .....เรื่องทั้งหมดนี่ก็เพราะความเข้าใจผิดที่ผมสร้างขึ้นทั้งนั้น
"วิง ตอนแรกเรากับกริชไม่รู้จักกันหรอกนะ พี่เขาเจอเราที่สีลมเมื่อสามเดือนก่อน ตอนนั้นกริชเขานึกว่าเราเป็น.....เอ่อ....เป็นเด็กขายบริการ"
"หา?! ต้นทำงานแบบนั้นด้วยเหรอ?!!"
"ไม่ได้ทำ!! กริชเขาเข้าใจผิด ตอนแรกเราก็จะบอกเขาแหละแต่เราอยากกินเหล้าฟรีก็เลยแกล้งเออออให้กริชเลี้ยงเหล้า กะว่าพอเขาเมาปุ๊บเราก็จะหนีแค่นั้นแหละ"
"แล้วไงต่อล่ะต้น?"
.....มาถึงส่วนที่ไม่กล้าเล่าที่สุดแล้ว.....
"แต่.....เอ่อ....คืนนั้น....อะไรๆ มันก็เลยเถิดไป.....ไปจนถึง....ถึงบ้านของกริช....แล้วข้าวสาร....ก็....ก็กลายเป็นข้าวสุกเป็นข้าวนึ่งข้าวแปรรูป"
เอามือม้วนชายเสื้อแก้เขิน ท่าทางติงต๊องมากเลยตรู วิงมันใสซื่อแบบนี้จะเข้าใจมั๊ยเนี่ย? เลือกคำที่ถนอมจิตใจมันมากที่สุดเลยนะ

"พอตอนเช้าเราถึงได้รู้ว่ากริชเป็นรุ่นพี่ม.6 ตอนนั้นเรากลัวเขาจะไปฟ้องห้องปกครอง เรากลัวถูกไล่ออกเลยไม่ได้บอกความจริงไปน่ะ"
"แล้วตอนนี้ล่ะ?"
"ตอนนี้.....กริชก็ยังไม่รู้"
"หา!!! หมายความว่าที่ต้นหลบหน้าพี่เขาอยู่ทุกวันนี่ .....พี่กริชก็ยังนึกว่าต้นเป็นคนทำงานอย่างว่านั่นอยู่เหรอ?"
ผมพยักหน้า รู้สึกตัวหดลงด้วยความผิด
"แต่เมื่อกี้ต้นแต่งชุดนักเรียนเดินกับพี่กริชนั่นล่ะ?"
"เรื่องมันอธิบายยากน่ะ คือกริชเขาขอให้เราใส่ชุดนี้มาเดินในโรงเรียนเป็นเพื่อนเขา"

วิงยังทำหน้างง ใครเจอเรื่องนี้เข้าก็คงงงทั้งนั้นแหละ บางทีผมยังทำตัวไม่ค่อยถูกเลย
"ต้นรีบบอกให้พี่เขารู้ดีกว่านะ ปล่อยไว้นานแบบนี้มีหวังเป็นเรื่องแน่"
"ก็ตั้งใจจะบอกนานแล้วล่ะ แต่เราดันทำผิดบางอย่างจนพี่เขาต้องลาออกจากตำแหน่งรองประธานกีฬาสีน่ะ เราก็เลยคิดว่าจะแข่งบาสเอาเหรียญทองมาขอโทษกริชซะก่อนแล้วจะบอกความจริงกับเขา" ผมข้ามเรื่องของพี่สิงห์ไปเพราะกริชคงไม่อยากให้ใครรู้

"ต้น เราว่าพี่เขาไม่ต้องการของอะไรมาขอโทษหรอกนะ ต้นน่าจะรีบบอกความจริงไปเถอะ"
"เมื่อกี้ก็ตั้งใจจะบอก แต่พอรู้เรื่องของนายจากปากกริชแล้วนายก็ทำหน้าเศร้าแบบนั้นด้วย เราเลยเป็นห่วงรีบมาดูนายก่อน"
"ต้นกลัวเราจะทำอะไรเหรอ? เห็นตะโกนว่าอย่าทำอะไรบ้าๆ"
"เออสิ! วันนั้นนายเล่นเพลงแบบนั้นเราก็คิดมากน่ะสิฟระ!!"
"ฮะๆ ต้นนี่ไม่เปลี่ยนไปเลย ห่วงแต่คนอื่น....." มันทำหน้าเศร้าอีกแล้ว ผมรู้ว่ายากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกในทันที

"วิง บางทีนายอาจจะอยากได้พี่ชายนะ ลองคิดให้ดีว่านายรู้สึกยังไง"
ผมค่อยๆ กอดวิงช้าๆ ไม่รู้จะช่วยให้คิดได้หรือจะทำให้แย่ลงแต่ถ้าปล่อยแบบนี้วิงคงทุกข์ใจไปอีกนาน
".....ขอบใจนะต้น เรารู้สึกยังไงตัวเรารู้ดี .....ที่แน่ๆ น่ะเรารู้ว่าต้นน่ะไม่คิดกับเราแบบนั้น"
คนในอ้อมแขนตอนนี้เหมือนเป็นทั้งเพื่อนทั้งน้องชาย รู้สึกดีเวลาที่อยู่ใกล้แต่ไม่รู้สึกหวงครอบครองไว้คนเดียว
ผมอยากเห็นเขามีความสุขด้วยตัวเองได้ อยากให้มีรอยยิ้มแบบนี้ไปนานๆ

"ต่อไปเราเป็นเพื่อนกันนะต้น"
"อืม แล้วเราจะสอนบาสนาย นายก็สอนกีตาร์เราละกัน"
"โหย! เราเขียนคอร์ดในหนังสือเพลงให้ตั้งเยอะแล้วน่ะฝึกเองบ้างดิ"
เราหัวเราะพร้อมกันเหมือนวันแรกๆ ที่ได้เจอกัน แต่ครั้งนี้เป็นเสียงหัวเราะจริงๆ ไม่มีความหมายอื่นเจือปน เสียงหัวเราะที่เพื่อนจะมีให้เพื่อน
"แล้วคืนนี้ต้นจะบอกพี่กริชมั๊ย?"
"อืม ถึงเวลาต้องบอกทุกอย่างซะที ตอนนี้กริชคงรออยู่ที่บ้านเขาแล้ว"
"เราฝากขอโทษพี่กริชด้วยนะ วันนั้นเรารู้สึกแย่มากๆ เลยที่ไปพูดกับพี่เขาแบบนั้น"
"ไม่เป็นไรหรอก เราจัดการเอง นี่ดึกแล้วล่ะวิงกลับบ้านเถอะ"

วิงเดินออกจากห้องไปแล้ว
ขอโทษนะวิง.....ความโง่กับความกลัวของผมมันทำร้ายทั้งนายและกริชมานาน
ผมมันขี้ขลาดปล่อยให้เรื่องคลุมเครือจนกลายเป็นแบบนี้ แต่คืนนี้แหละเรื่องทุกอย่างจะต้องจบ ถึงเวลาที่ผมต้องเผชิญหน้าความจริงซะที
โทรหากริชก่อนดีกว่าว่าอยู่บ้านรึเปล่า.....

"........."
"สวัสดีครับ กริช....กริชได้ยินรึเปล่าครับ?"
"ได้ยิน"
"นึกว่าสัญญาณไม่ดี เห็นนายเงียบๆ กริชอยู่ที่บ้านรึเปล่าครับ?"
"อืม ผมอยู่ที่บ้านแล้ว" ....น้ำเสียงเย็นชานั่น.....ตอนแยกกันก็ยังดีๆ อยู่นี่นา....อย่าคิดมากน่ามันคงไม่เหมือนในฝันหรอก.....

"เดี๋ยวเราเข้าไปหากริชตอนนี้ได้ไหมครับ? เรามีเรื่องอยากจะพูดด้วยน่ะครับ"
"แล้วไม่ต้องไปทำงานด่วนแล้วเหรอ?"
"ไม่มีแล้วครับ กริช...เราไม่มีงานอะไรนั่นแล้ว....ขอโทษนะ เรามีเรื่องที่ต้องคุยกับกริชตอนนี้จริงๆ นะครับ"
ผมหลับตาปี๋ กลัวกริชจะตวาดแบบในฝันคืนนั้น แต่เขากลับเงียบ.....มีแค่เสียงเบาๆ แว่วเข้ามาในมือถือ .....เสียงนี่....บ้าน่า! เป็นไปไม่ได้!

"กริชครับ กริชอยู่ไหนครับ?"
"ไม่มีงานแล้วงั้นเหรอ....ก็สับรางรถไฟเสร็จแล้วนี่" พูดจบเขาก็วางสายไปเลย อะไรหว่าสับรางรถไฟ....ว่าแต่ไอ้เสียงที่แว่วตะกี๊.....
ผมหันมองรอบๆ ไม่ผิดแน่! เสียงที่ได้ยินเบาๆ ในมือถือเมื่อกี้......เสียงซ้อมเชียร์ลีดเดอร์!!!

"แบบนี้ใช่มั๊ยงานด่วนของนายน่ะ"

ร่างสูงโปร่งยืนอยู่หน้าประตู ถึงจะมืดแต่ก็จำได้แม่นยำว่าเป็นใคร
"กริช!!"
"....งานด่วนเหรอ? ....ทำงานในโรงหนังเหรอ? .....แล้วยังร้านทไวไลท์อีก สนุกมากมั๊ยต้น?"
"กริช เราขอโทษที่หลอกนาย แต่ทั้งหมดมันเรื่องเข้าใจผิดนะครับ!"
"นานแค่ไหนแล้วเนี่ย? สามเดือน.....สนุกมากมั๊ยที่หลอกผมมาตั้งนาน? ทุกวันที่มาโรงเรียนคงหัวเราะเยาะผมลับหลังสิท่า?"
"เราขอโทษจริงๆ กริชแต่เราไม่ได้คิดแบบนั้นนะ"
"ขำมากมั๊ย?!!! พวกนายสองคนรวมหัวกันหลอกผมเนี่ย? เด็กโข่งซ้ำชั้นแบบผมนี่มันตลกมากใช่มั๊ย?!!!"

.....สองคน.....หมายถึงผมกับวิงน่ะเหรอ.....

"กริชเข้าใจผิดนะครับ วิงเขาไม่ได้เกี่ย---"
"คนนึงแกล้งเป็นเด็กขายบริการ อีกคนหลอกปรึกษาปัญหาความรัก ....พี่ครับ ผมแอบชอบเพื่อนคนนึงแต่เขามีแฟนแล้วแต่ท่าทางไม่ค่อยรักกันเท่าไหร่ พี่ครับผมควรจะเลือกทางไหนดี.... แนบเนียนมากนะ!!!! ถ้าคิดดูดีๆ ก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าเพื่อนนายเอาเรื่องของผมกับสิงห์ย้อนมาล้อเลียนผม .....แต่ผมมันโง่เองแหละ! น่าจะรู้ตั้งแต่สังเกตเห็นต้นไว้ผมลองทรงตลอดแล้ว ใช่สิผมมันโคตรโง่! ตอนนี้ก็รู้แล้วสิว่าทำไมผมถึงซ้ำชั้น!! เอาไปล้อลับหลังกันขำมากเลยสิท่า!!!"

"กริช......ฟังเราก่อน...เราอธิบายได้....ตอนนั้นเราแค่อยากกินเหล้าฟรีเราเลยหลอกนายไปแบบนั้น"
"หึ! ลงทุนมากเลยนะ! ตอนนี้ก็สนุกสมใจแล้วนี่! ไปกินเหล้าฟรี ได้เที่ยวฟรี! ได้นอนกับคนโง่อย่างผม! พวกนายสองคนคงเห็นเป็นแค่เรื่องสนุกล่ะสิ?!"
"มันไม่ใช่แบบนั้นนะ! กริชจะทำอะไรเราก็ได้ จะเตะจะต่อยยอมเรายอมหมดแต่ช่วยฟังให้---"
"ผมไม่ทำอะไรนายหรอกเดี๋ยววิงแฟนนายจะเสียใจ"
"วิงกับผมไม่ได้เป็นอะไรกันนะ! เราเป็นแค่เพื่อนกัน!"

"กอดกันกลมแบบนั้นน่ะเหรอเพื่อน!!"

"กริชฟังเราก่อน เราขอโทษจริงๆ! เราขอโทษ!!"

"ไม่ฟังแล้วโว้ย! ....ฮึกๆ....ต่อไปเราไม่รู้จักกัน! นาฬิกานั่น...ฮึกๆ...ผมยกให้เป็นค่าตัวของต้นก็แล้วกัน!!!"

มือถือของกริชถูกขว้างลงพื้นห้องแตกกระจายไปทั่วแล้วเดินจากไป.....กริชไปแล้ว.....


เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
42004
พลังน้ำใจ
213346
Zenny
84085
ออนไลน์
15281 ชั่วโมง

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
27846
พลังน้ำใจ
153528
Zenny
157249
ออนไลน์
26487 ชั่วโมง
ขอบคุณ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2366
พลังน้ำใจ
17581
Zenny
3624
ออนไลน์
1334 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2580
พลังน้ำใจ
20970
Zenny
1081
ออนไลน์
685 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
772
พลังน้ำใจ
11774
Zenny
902
ออนไลน์
884 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
772
พลังน้ำใจ
11774
Zenny
902
ออนไลน์
884 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3981
พลังน้ำใจ
35223
Zenny
18649
ออนไลน์
3848 ชั่วโมง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-4-29 08:08 , Processed in 0.105684 second(s), 24 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้