จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 734|ตอบกลับ: 13
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

ผมไม่ใช่เด็กขายน้ำโว้ย!!! EP42-48

[คัดลอกลิงก์]

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
717
พลังน้ำใจ
24363
Zenny
6788
ออนไลน์
3408 ชั่วโมง
ตอนที่  42

"พี่ต้อม ยืมกีตาร์หน่อยสิคร้าบ"
กลับมาบ้านก็รีบทบทวนการบ้านก่อนจะลืม จับสายนี้ๆๆๆ แล้วก็ดีด ติ๊งๆๆๆๆ .....ทำได้แล้วว้อย!!! แล้วจะเล่นให้เป็นเพลงยังไงล่ะเนี่ย?
............. ติง ติ่ง ติ้ง ติ๊ง ติ๋ง ติ่ง ติง ติ๋ง ติ้ง ติ๊ง ..........ไม่ได้
.......ติ่ง ติ่ง ติ้ง ติ้ง ติ๊ง ติ๊ง ติง ติ๋งงงงงงงงงง .............เพลงไรฟระเนี่ย (ก็จับได้คอร์ดเดียวจะเล่นให้เป็นเพลงได้ไง)
อย่ามั่วต่อเลยเสียดายหูตัวเอง ลองเอาหนังสือเพลงมาดูดีกว่า
"พี่ต้อมยืมหนังสือเพลงหน่อยคร้าบ"

20 นาทีผ่านไป .....ดูไม่รู้เรื่อง ช่างมันไว้ให้เจ้าวิงสอนวันหลังดีกว่า
"จะไปเล่นให้แฟนฟังเหรอต้น?" เสียงพี่มาจากหน้าประตูห้อง
"เปล่านะคร้าบ! ไหงพี่คิดงั้นล่ะ?" พี่ต้อมนั่งลงข้างๆ
"ผู้ชายจะอยากฝึกกีตาร์มันก็มีจุดประสงค์นี้นั่นแหละ แล้วนี่ไปเรียนจับคอร์ดซีมือขวามาจากใครล่ะเนี่ย? ทีกรูจะสอนมรึงดันไม่ยอมให้สอน"
"วิงเพื่อนผมที่มาบ้านเราคราวก่อนน่ะครับ"
"อ๋อ! ถึงว่าได้ยินเสียงจากห้องมรึงวันนั้น เก่งนะ จับมรึงฝึกได้คอร์ดนึงแล้วเนี่ย"

ใช่...ผมว่าเวลามันเล่นกีตาร์นี่ดูเก่งดูเท่ดีนะ ที่เคยมองมันเหมือนน้องชายนี่คงต้องเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะ

"แล้วเรื่องแฟนเราล่ะไปถึงไหนแล้ว?"
"ช่วงนี้อ่านหนังสือสอบอย่างเดียวครับไม่ได้เจอกั------- ว้อย!! พี่อะ!!"
"ฮะๆๆ น้องชายกรูนี่หลอกถามง่ายจริงๆ วุ้ย" .....รู้ละผมติดนิสัยจอมวางแผนมาจากใคร.....
"ยังไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงอย่าลืมตั้งใจเรียนล่ะ จะสอบเอ็นท์ปีนี้เลยไม่ใช่รึ?"
"ครับผม ไม่ลืมหรอกครับ แล้วพี่จะเอากีตาร์คืนเลยไหมครับ?"
พี่ต้อมไม่ตอบแต่ขยี้หัวผมแทน "เอาไว้กับมรึงก่อนละกัน อยากฝึกตอนไหนก็ตามสบายนะ".....พี่ชายที่แสนดี.....
"อย่างมรึงอะ เล่นแปบๆ เดี๋ยวก็เลิก กรูรู้ ฮ่าฮ่าฮ่า" ....พี่ชายที่แสนดีจริงๆ รู้ใจตรูจ๊างงง.....

นั่งดีดติ๊งๆต่องๆ ได้แปบเดียวก็เบื่อจริงๆ เหมือนที่พี่ต้อมพูดเลยแฮะ กว่าจะฝึกให้เก่งอย่างเจ้าวิงคงยากน่าดู แล้วเจ้าวิงมันหัดเล่นเพื่ออะไรนะ?
.....จะไปเล่นให้แฟนฟังเหรอ......
......ผู้ชายจะอยากฝึกกีตาร์มันก็มีจุดประสงค์นี้นั่นแหละ......
สาวคนไหนน้อที่ไอ้วิงมันตั้งใจซะขนาดนั้น? พรุ่งนี้แกล้งถามมันดีกว่า นึกถึงเวลามันหน้าแดงนี่สนุกดีแฮะ


พออาบน้ำเรียบร้อยก็เริ่มอ่านหนังสือต่อ ป่านนี้กริชจะเป็นยังไงบ้างนะ? พอเปลี่ยนซิมเท่านั้นแหละเห็นเขาโทรเข้ามาตั้งหลายครั้งแล้ว
มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? เมื่อตอนเย็นก็เพิ่งคุยกัน ผมกดโทรกลับทันที
"สวัสดีต้น โอย...ไม่รู้จะไม่ทันมั๊ยเนี่ย?" เสียงกระหืดกระหอบเหมือนวิ่งมาจากไหนแต่ไกล
"สวัสดีครับกริช.....อะไรเหรอที่ว่าจะไม่ทันน่ะ?"
"ฟังคลื่น 93 ละกัน โทษทีนะผมต้องไปช่วยในครัวต่อแล้วล่ะ ต้องฟังให้ได้นะต้น!" พูดจบก็วางหูไปเลย ยุ่งขนาดนั้นเชียว

ผมเปิดวิทยุเบาๆ คลื่น 93 ที่ดีเจแสนเชยที่พูดเนิบๆ เป็นเอกลักษณ์ ถ้าใครเคยฟังจะรู้เลยว่าเป็นรายการเดียวแล้วมั้งที่ยังมีคนส่งข้อความว่าใครฝากเพลงถึงใคร แต่ก็จัดมาได้เป็นสิบปีแล้วนะเนี่ย ส่วนใหญ่เปิดแต่เพลงของ RS ผมหรี่เสียงวิทยุลงให้พออ่านหนังสือรู้เรื่อง....กริชอยากให้ผมฟังอะไรนะ?
คงไม่ใช่ว่าขอเพลงให้ผมนะ เหอเหอ.... ฟังไปอ่านหนังสือไปจนเริ่มง่วงนั่นแหละ.....

"สำหรับเพลงต่อไป หนุ่มเพชรบุรีขอมอบให้แก่เด็ก EGV"

.......?........

เสียงผู้จัดรายการยังอ่านข้อความแบบเนิบๆ ต่อไป "....ทำงานเหนื่อยไหมครับ? ลูกผู้ชายบ้านสวนคนนี้ก็ตั้งใจเรียนเต็มที่นะครับ
ขอโทษนะที่ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันแต่จะเก็บตะวันเมืองเพชรไปฝากนะครับ .....จากหนุ่มเพชรบุรี.....ขอเชิญรับฟังเพลง....."

.....เก็บตะวันที่เคยส่องฟ้า เก็บเอามาใส่ไว้ในใจ
เก็บพลังเก็บแรงแห่งแสงยิ่งใหญ่
รวมกันไว้ให้เป็นหนึ่งเดียว
เก็บเอากาลเวลาผ่านเลย สิ่งที่เคยผิดหวังช่างมัน
หนึ่งตัวตนหนึ่งคนชีวิตแสนสั้น เจ็บแค่นั้นก็คงไม่ตาย
ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้มเมฆหม่น พายุฝนอยู่บนฟากฟ้า
คงไม่นานตะวันสาดแสงแรงกล้า ส่งให้ฟ้างดงาม.....

ผมไม่ได้ยินเพลงส่วนที่เหลือแล้ว หูมันอื้อคอก็ตีบตัน น้ำตามันเอ่อขึ้นมา ไม่รู้ว่ากำลังยิ้มหรือว่าร้องไห้
ฮะๆๆ ไอ้บ้ากริช.....นายอยู่ตั้งไกลยังอุตส่าห์.....


ผมหยิบโทรศัพท์อยากโทรหากริช.....แต่เขินว้อย! กด....วาง กด....วาง....ไม่รู้จะพูดอะไรได้ก็คนมันเขินนี่หว่า....กลั้นใจกดโทรเลยละกัน
"สวัสดีคร้าบต้น" เสียงสดใสเชียวนะ ตรูบ่อน้ำตาแตกอยู่เนี่ย
".......ส สวัสดีครับกริช....ขอโทษนะที่โทรมาดึกๆ" โอยกว่าจะพูดออกแต่ละคำได้

"......ต้น.....ด...ได้ฟังแล้วใช่มั๊ย?" ฝ่ายโน้นก็คงเขินเหมือนกัน พอนึกหน้ากริชที่อยู่ห่างออกไปในตอนนี้ก็อดอมยิ้มไม่ได้
"ครับ"

แล้วก็นิ่งอึ้งไปทั้งคู่

".....กริชครับ"
"ครับ"
"เรารักกริชครับ!" พูดจบรีบวางสายเลย ทั้งๆที่เคยพูดประโยคนี้หลายครั้งแล้วแต่ครั้งนี้เขินที่สุดในโลกเลยว้อย!
ไม่ไหวแล้ว! นอนดีกว่า......แต่มือยังถือโทรศัพท์ไว้ โทรมาสิๆๆๆ .....กริชไม่โทรมาแต่ส่งข้อความมาแทน

เมื่อกี้ว่าอะไรนะไม่ได้ยิน เจอกันจันทร์นี้ขอช้าๆ ชัดๆ นะครับ ^_^

ตอนที่  43

ทันทีที่เสียงกริ่งหมดเวลาการสอบวิชาเคมีที่เป็นวิชาสุดท้ายดังขึ้นก็เป็นสัญญาณจบการสอบกลางเทอมซะที
"ทำได้มั๊ยต้น?"
"ได้ๆ คงถึง 80 คะแนนล่ะมั้ง"
"ไปดูหนังฉลองสอบเสร็จกันมั๊ยเม้ง? กรูว่าจะชวนวิงไปด้วยน่ะ"
"ก็อยากไปนะแต่ฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว ต้องรีบกลับบ้านที่ฝั่งธนไม่งั้นรถติดยาวแน่"
"เออๆ งั้นไปเถอะ เดี๋ยววันจันทร์กรูเอากระเป๋าเสื้อมรึงมาให้นะ"

นักเรียนส่วนใหญ่รีบกลับบ้านกันหมดเหมือนโดนทรมานมาตลอดสัปดาห์แต่ผมยังไม่มีอารมณ์จะกลับบ้านตอนนี้....ตอนนั้นลืมถามกริชว่าจะไปเพชรบุรียังไง
แต่ป่านนี้ขาคงขึ้นรถทัวร์ไปแล้วมั้ง วิ่งไม่กี่ชม. ป่านนี้อาจถึงเพชรบุรีแล้วก็ได้ เมื่อไม่มีกริชในสุดสัปดาห์นี้ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว
สี่โมงเย็นฝนเริ่มตกตรงเวลาตามเคย ผมไม่ชอบหน้าฝนเมื่อไหร่จะหมดฝนนี้เสียที....แต่หมดหน้าฝนเมื่อไหร่ก็คืองานกีฬาสี
เหลือเวลาอีกเดือนกว่าๆ เท่านั้น วันตัดสินชะตาใกล้เข้ามาแล้ว วันที่ผมรอจะได้เปิดเผยความจริงแต่ยิ่งใกล้เท่าไหร่ผมก็ยิ่งกลัว

"ต้นยังไม่กลับบ้านเหรอ?" วิงสะพายกีตาร์ถือกระเป๋านร.ยืนหน้าประตูห้อง
"อ้าว! วิง..." ผมเอ่ยทักแต่สะดุดตรงกีตาร์ที่สะพายหลังมันนั่นแหละ "มีเรื่องอะไรเหรอถึงได้...."
เจ้าหน้าใสยืนงงแปบนึงก่อนฉีกยิ้มแฉ่ง "เปล่า วันนี้อยากเป็นคิไคเดอร์"
"เหอเหอ แต่เราไม่มีทรัมเป็ตนะ ไม่ต้องมาหาคนต๊องร่วมขบวนการเลย" ผมจัดเก้าอี้ให้วิงนั่งข้างๆ ตรงทางเดินระหว่างโต๊ะ
"ขอบใจนะต้นที่ห่วงเรา วันนี้เราเอากีตาร์มาเล่นฉลองสอบเสร็จน่ะ"
"บ้า! ใครห่วงนาย เอาหนังสือเพลงมาเลย" วันนี้ก็เล่มใหม่อีกละ ช่วงนี้ไม่ได้ฟังวิทยุเลยไม่ค่อยรู้จักแฮะ
"ไม่มีเพลงรู้จักเลยวิง"
"เออ เราก็เหมือนกัน"
"แล้วซื้อมาทำไมล่ะ? หรือจะส่งคูปองไปแลกรูปดารา"
"บ้าดิ! ซื้อเล่มใหม่เผื่อเพื่อนๆ เขาจะร้อง แต่พวกมันดันไปดูหนังกันหมดซะนี่ เราขี้เกียจแบกกีตาร์เข้าโรงหนัง"
วิงทำหน้าไม่ยี่หระพลางดึงกีตาร์มานั่งเกาติ๊งต่องๆ ไปเรื่อยๆ
.....คนเล่นกีตาร์ประจำห้องนี่มีกรรมจริงๆนะ แบกกีตาร์มาจากบ้าน หนังสือเพลงก็ซื้อเอง เล่นเองเจ็บนิ้วด้วย

"งั้นทำไมไม่กลับบ้านล่ะ?"
"กลัวไอ้นี่โดนฝนน่ะต้น กีตาร์โปร่งมันไม่ถูกกับความชื้น" ตามด้วยศัพท์เทคนิคอีกยุบยั่บที่ผมไม่เข้าใจ สรุปคือกลับบ้านไม่ได้ละกัน
"ลำบากนะเนี่ย แล้วถ้าฝนตกไม่หยุดนายจะทำไงล่ะ?" มันทำหน้าเบ้แทนคำตอบ
"ฝนมันตกตลอดไปไม่ได้หรอก เหมือนกลางคืนจะนานแค่ไหนแต่ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ต้องขึ้น"

.....ฟิ้ว......นิ่งเงียบไว้อาลัย 10 วินาที.............ตรูว่ามุขตรูเน่าแล้วไอ้นี่เน่ากว่าตรูอีก.............
"เงียบทำไม ไม่ขำก็บอกเด๊ะ!"
มรึงอายบ้างมั๊ยเวลาปล่อยมุขแป๊กเนี่ย? มันอายครับ หน้าแดงไปถึงหู
"งั้นเราอยู่เป็นเพื่อนวิงละกัน"
"จริงอะ? ดีเลยเราเบื่อๆ อยู่เนี่ย"
"แล้วจะทำอะไรล่ะ? หนังสือเพลงก็ไม่มี?"
"งั้นฟังเพลงนี้ละกันเราเล่นจนจำได้ละ เพลงของชีพชนก ศรียามาตย์ " ....ใครหว่าชีพชนก....
"คนเนี้ยเขาเล่นได้พริ้วมากเลยล่ะ เก่งมากๆ เลย"

......เจ้าเรือใบลำน้อย ลอยอยู่กลางท้องทะเลกว้างใหญ่
ในความอ้างว้างและเดียวดาย ฝากชีวิตไว้กับสายลมแรงคลื่น...พัดพาเจ้าไป
บางครั้งอยากฝ่าลมแรง สวนแทรงเกลียวคลื่นใหญ่
ตามจุดยืน....ลึกในหัวใจ เฝ้าแต่รอใครสักคนเข้าใจ....นำพาเจ้าไป
แค่เรือใบเล็กๆ ลำนึง คิดฝันไกลเกินขอบฟ้า
หากมีแขนขาเหมือนใครๆ หากมีปีกบินเหมือนนกบนฟ้าไกล
โลกในฟ้าครามจะสวยงามเพียงใด....หากเจ้าได้ไปตามใจปรารถนา.......

ตอนวิงร้องเพลงไปเล่นกีตาร์ไป เพลงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนแต่เหมือนได้กลิ่นไอทะเลและแสงแดดเลย ตามันใสเป็นประกายเลยทีเดียว
"มองอะไร?"
"เปล่า ถ้าวิงขึ้นเวทีงานโรงเรียนคงมีสาวๆ มองไม่วางตาแหงๆ"
"แล้วต้นล่ะ?"
"ไม่ไหวอะ เราเล่นกีตาร์ไม่เป็นหรอก"

เจ้าวิงนิ่งเงียบไปแวบหนึ่ง ".......งั้นเราสอนต้นเล่นกีตาร์ละกัน"
วิงยื่นมาให้แต่ผมสะดุ้งหนี "ไม่เอาโว้ย! แค่พี่ต้อมสอนเราก็เข็ดแล้ว ยาก! ไม่เอา!"
"พี่นายเคยสอนแล้วก็ยิ่งง่ายใหญ่ เดี๋ยวเราสอนให้อีกรับรองฉลุย เดี๋ยวสอนคอร์ดง่ายๆ ให้ละกัน"
"จะดีเหรอ? เรากลัวทำกีตาร์นายเสีย"
"เล่นเถอะ เราดีใจนะถ้าช่วยให้ต้นเล่นกีตาร์เป็นน่ะ"
เอาวะ! ทนการคะยั้นคะยอไม่ไหวรับกีตาร์มาถือวางบนตักทำท่าแบบที่เคยเห็น......มือขวาจับคอกีตาร์ มือซ้ายเกาสาย ....เจ้าวิงจ้องผมตาไม่กะพริบเชียว มีอะไรฟระ?
"อ๋อๆ ผิดด้าน ลืมไป"
"เดี๋ยวสิต้น!" ไอ้วิงเอามือจับมือซ้ายผมไว้ "ทำไมใช้มือนี้ล่ะ?"
"รู้แล้วว่าผิดด้าน กำลังจะเปลี่ยนนี่ไง" เคยโดนพี่ต้อมดุเรื่องนี้แล้วยังมาโดนเจ้าวิงอบรมเรื่องเดียวกันอีกเหรอเนี่ย?
"เราไม่ได้หมายความแบบนั้น....ต้นถนัดซ้ายเหรอ?"
"ก็....ประมาณนั้น ทำไมล่ะ?"
"งั้นต้นจับแบบเมื่อกี้แหละดีแล้ว ฝืนตัวเองน่ะเล่นได้ไม่ดีหรอก มิน่าต้นถึงไม่อยากฝึกกีตาร์ใช่มะ?"

"เดี๋ยวนะ...สำหรับคนถนัดซ้ายก็ต้องสลับนิ้วบน-ล่าง แบบนี้ก็...แล้วนิ้วนี้ตรงนี้....." วิงมันพึมพำพลางขยับนิ้วมือขวาผมให้กดสายต่างๆ
ผมไม่รู้เรื่องหรอกแต่รู้สึกเพลินดีที่สองมือมันกุมมือผมจัดแจงให้จับคอร์ดอะไรสักอย่าง แต่สักพักเจ้าวิงเริ่มหน้านิ่วแบบเดียวกับที่พี่ต้อมเคยพยายามสอนผมมาก่อน
"เอ่อ...ถ้าลำบากก็ไม่เป็นไรหรอกวิง"
"ไม่ได้เว้ย เสียชื่ออาจารย์" ผมเพิ่งเคยเห็นหน้าเคร่งเครียดของวิงเป็นครั้งแรก ดูมันตั้งใจมากเลย
"สอนแบบนี้ไม่ได้เรื่องแหง เปลี่ยนวิธีละกัน ต้นนั่งเฉยๆ นะ" วิงลุกเดินอ้อมมาข้างหลัง ผมก็มองตามว่ามันจะทำอะไร

วิงเข้าประชิดด้านหลัง มือซ้ายมันทาบลงมือซ้ายผม มือขวามันทาบบนมือขวาผมที่กำคอกีตาร์อยู่นิ้วแนบนิ้ว ตัวก็นาบกับแผ่นหลังผม
"แบบนี้แหละค่อยดูรู้เรื่องหน่อย คอร์ดซีถ้าสลับด้านต้องนิ้วนี้อยู่ตรงนี้ๆๆๆ"
หน้าเจ้าวิงตอนนี้มาอยู่ตรงซอกคอผมพอดี พยายามเบี่ยงหลบแต่ด้วยท่านี้มันหลบไม่ได้ หลบไม่ได้ก็ไม่ต้องหลบ มันเพลินๆ อุ่นๆ ดี
เหมือนเวลาช่างตัดผมใช้ปัตตาเลี่ยนไถต้นคอ เวลาเจ้าวิงทำหน้าจริงจังนี่ดูดีกว่าปกติซะอีกเห็นแล้วอดแกล้งไม่ได้
"เอ้า! กดไว้แรงๆ นะ แล้วลองดีดดู"
"ให้ดีดสายไหนอะ สาย 11 ได้มะ?"
"กวนนะๆ" วิงมันเอาหัวโขกหลังหัวผม "ดีดทุกสายแหละ จะฟังว่าบอดหรือเปล่า?"

ติ๊งๆๆๆๆ
"อืม ใช้ได้ อาจารย์เก่ง" .....ดูมันหลงตัวเอง....ยอมมันวันนึงก็ได้ ดีกว่าให้พี่ต้อมสอนเยอะเลย ขานั้นน่ะสอนไปด่าไป
"ต่อไปก็คอร์ด..."
"เฮ้ย! ไม่เอาเดี๋ยวลืม! ขอวันละนิดก็พอ"
"งั้นก็ได้ ฝนหยุดตกแล้วล่ะต้น กลับบ้านกันเถอะ"

ผมมองตามไปนอกหน้าต่าง วิงพูดถูก....ฝนมันตกตลอดไปไม่ได้หรอก ฟ้าหลังฝนตอนนี้อากาศเย็นชื่นใจ
แดดยามเย็นสีเหลืองส้มส่องมาจากหลังอาคารเรียนตัดกับเมฆฝนสีเทาที่ยังลอยค้างเติ่งบนฟ้า ห้องเรียนบางห้องบนตึกยังเปิดประตูหน้าต่างไว้ให้แสงที่สะท้อนแอ่งน้ำบนพื้นปูนลอดมาเป็นกระกายระยิบระยับ
ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ยืนต้นใหญ่รอบโรงเรียนยังเขียวครึ้ม กว่าจะออกดอกเต็มต้นคงต้องหน้าหนาวโน่น .....หน้าหนาวหลังกีฬาสี .....เวลานั้นผมกับกริชจะ......
"วิงไปรอเราตรงศาลาหน้าโรงเรียนก่อนนะ เราขอเก็บของแปบนึง"

พอวิงเดินลงบันไดไปผมก็ปีนม้านั่งหินตรงทางเดินไปนั่งที่ขอบระเบียงนอกตึกชั้นสอง เวลาปกติถ้าทำแบบนี้มีหวังโดนอาจารย์ด่าแน่ๆ
แต่หลบมุมซะหน่อยคงไม่มีใครมาเจอมั้ง ตรงนี้เห็นภาพพระอาทิตย์ยามเย็นชัดที่สุด ถึงกริชจะไม่ได้เห็นผมก็จะดูแทนให้

ตรื้ดๆๆๆๆๆ
"สวัสดีครับต้น"
"สวัสดีกริช....ถึงไหนแล้วครับ?"
"เกือบถึงบ้านแล้วครับ ต้นมีอะไรเหรอครับ? คิดถึงผมล่ะสิ?"
"......................."
"เป็นอะไรรึเปล่าต้นทำไมเงียบไป?" ขอเวลาเขินแปบนึงดิ จู่ๆดันโพล่งถามว่าคิดถึงมั๊ยแบบเนี้ย
"จะโทรมาบอกว่า......ว่า.....เอ่อ.....ท้องฟ้าสวยดีน่ะครับ ขอโทษนะที่โทรมากวน"
"ไม่กวนหรอก.............ขอบใจนะต้นที่คิดถึงผม" อ๊า! อย่าพูดหวานมากนะเดี๋ยวตรูเขินม้วนตกตึกล่ะฮาไม่ออก
"แล้วต้นมองไปทิศไหนล่ะผมจะได้หันไปดูทางเดียวกัน"
"เราดูพระอาทิตย์ตกดินอยู่น่ะ แต่ไม่เห็นตอนตกดินจริงๆ หรอกนะ หลังคาตึก 1 มันบังอยู่น่ะ ฮะฮะ"
".....เมื่อกี้ต้นว่าอะไรนะครับ? สัญญาณไม่ค่อยดี"
"ร....เราว่ามีหลังคาตึกอยู่ตึกนึงมันบังพระอาทิตย์อยู่น่ะครับ" เกือบไปแล้วตรู .....ดันเรียกชื่อตึก 1 ซะเต็มปากด้วยความเคยชิน
"อือ ผมเห็นชัดเลยนะ.....ต้นชอบดูพระอาทิตย์ตกดินสินะ"
"ครับ" ....แต่ตอนนี้เหมือนตรูจะตกตึกแทนละ มองลงไปเห็นอาจารย์เดินอยู่ข้างล่างแวบๆ รีบเผ่นดีกว่า
"กริช โทษนะเราต้องไปละครับ"
"อือ โชคดีนะต้น"
ไม่น่าสะเพร่าเลยแต่อยากให้กริชได้เห็นวิวสวยๆ ของโรงเรียนแบบนี้นี่นา ผมเอาโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
...ถ้าผ่านกีฬาสีไปแล้วผมกับกริชจะได้นั่งดูภาพนี้ในโรงเรียนด้วยกันไหมนะ...


ผมรีบเก็บกระเป๋าวิ่งลงตึกไปหาวิงที่ศาลาไม้หน้าประตูโรงเรียน "ขอโทษนะ นานไปหน่อย"
"งอนแล้วว้อย รอนาน" ปากบอกงอนแต่หน้ามันยิ้มแล้วสะพายกระเป๋ากีตาร์ขึ้นบ่าเดินออกประตูโรงเรียนมาพร้อมกับผม
"เราเลี้ยงข้าวเย็นละกันนะ ถือว่าตอบแทนที่วิงสอนกีตาร์เราด้วยน่ะ"
"ไม่ต้องหรอกเกรงใจ เรื่องนิดหน่อยเอง เปลี่ยนเป็นเลี้ยงหนังละกันนะ"
"หึหึ แบบเนี้ยนะบอกว่าเกรงใจ" เพิ่งสอบเสร็จยังไม่มีอารมณ์จะอ่านหนังสือหรอก กริชก็ไม่อยู่ ไปดูหนังก็ดีเหมือนกัน
"เมื่อกี้พูดเล่นนะต้น"
"อ้าว! เราว่าจะเลี้ยงหนังนายจริงๆ นะ งั้นอด!"
วิงมันทำหน้าเหวอเชียว "ต้นจะไปดูหนังกับเราจริงเหรอ!! จริงๆนะ?!"
"ก็จริงน่ะสิ ไปสยามดีไหมจะได้โทรชวนเม้งด้วย บ้านมันอยู่ฝั่งธน"
"ที่ไหนก็ได้ตามใจต้น" ดูมันดีใจมากเลย เว่อร์ไปเปล่าวะ? แต่เห็นวิงยิ้มแย้มแจ่มใสผมก็ดีใจแล้วล่ะ
โดยเฉพาะเวลามันเล่นกีตาร์นี่เท่จริงๆ
.......
.......
"วิง นายมีแฟนรึยังเนี่ย?"
"ยัง"
"ตอบว่า 'ยัง' แต่หน้าระรื่นแบบนี้จะเชื่อได้มั๊ยเนี่ย?"
"ก็......กับบางคนที่เราชอบเนี่ยไม่ต้องคบแบบแฟนแต่เป็นเพื่อนกันมันสบายใจกว่านี่นา"
"งงกับนายวุ้ย มีด้วยเหรอที่ไม่อยากคบแบบแฟนน่ะ"
"คือจริงๆ แล้ว....คนที่เราชอบน่ะ...ไม่รู้เขาจะชอบเรามั๊ยน่ะสิ?" โถ...ที่แท้ก็รอแห้วแล้วดันทำพูดดี หน้ามันเริ่มแดงละต้องแกล้งอีก
"แล้วไม่บอกไปล่ะ? เราว่าเขาคงไม่ปฎิเสธนายหรอก" ความแดงแล่นไปทั่วแก้มจนถึงหูแล้ว หน้าใสๆ ของมันมีปฎิกิริยาง่ายจัง ตรูนี่เลว ฮ่าฮ่าฮ่า
"อืม สักวันเราจะบอก" มันยิ้มก้มหน้าเดินงุดๆ ไม่แกล้งต่อละเดี๋ยวหนักกว่านี้มันจะหน้าคะมำ
.....
.....
.....เดินไปเรื่อยๆ เกือบถึงปากซอยโรงเรียนละ....
.....
.....

เงียบ
.....
.....
....ทำไมมันไม่ถามกลับ? ปกติเพื่อนผู้ชายพอถามคำถามนี้แล้วมันต้องถามกลับนี่หว่าว่าผมมีแฟนรึยัง.....
แต่ไม่ถามก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้บัญชีหนังหมาของผมคงมีข้อหามุสาวาทายาวเป็นหางว่าวแล้ว

"ต้น รถเมล์นายมาแล้วไม่ขึ้นเหรอ?"
"เราจะกลับทางเดียวกับนายไง ไม่งั้นจะบอกวิงรอเราเหรอ?"
"ม...ไม่ต้องลำบากแบบนั้นก็ได้ เย็นแล้วนายรีบกลับบ้านเถอะ"
"แวะไปส่งน้องชายคนนี้จะลำบากอะไรล่ะ เดี๋ยวถึงตลาดสดเราก็นั่งสองแถวเข้าหมู่บ้านได้"
"อย่าเรียกน้องชายดิ อายคนอื่นเขา" แล้วมันก็นั่งยิ้มต่อไปไม่ยอมเถียงอะไรอีก

ผมอยากไปส่งวิงให้ถึงบ้านให้แน่ใจว่าฝนจะไม่ตกมาโดนกีตาร์ที่เจ้าวิงหวงนักหนา ทั้งที่ไม่รู้จะช่วยยังไงถ้าฝนตกจริงๆ
พอส่งวิงถึงหน้าบ้านผมก็เดินข้ามถนนมานั่งรถสองแถวเข้าหมู่บ้าน รถแล่นช้าๆ ไปเรื่อยๆ ผมเปิดดูรูปในมือถืออีกครั้ง
.....สักวันผมจะนั่งข้างกริชดูพระอาทิตย์ตกดินที่โรงเรียน......

ตอนที่ 44

SMS ถาดเข้า....กด.....

เมื่อกี้ว่าอะไรนะไม่ได้ยิน เจอกันจันทร์นี้ขอช้าๆ ชัดๆ นะครับ ^_^

ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ โตจนควายเลียก้นไม่ถึงแล้วยังใช้รูปหน้ายิ้มแบบนี้อีก กดดูอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ตลอดทางที่นั่งรถสองแถวออกจากหมู่บ้านจนมาถึงตลาดสด กริชบอกคืนวันจันทร์นี้เจอกัน....สงสัยต้องขอพี่ต้อมไปค้างบ้านเพื่อนอีกละ
ใจหนึ่งก็มีความสุข แต่อีกใจก็แวบหนึ่งก็คิดนึกเนื้อเพลงนั้น .....เก็บเอากาลเวลาผ่านเลย สิ่งที่เคยผิดหวังช่างมัน......

....เป็นแค่เนื้อเพลงหรือกริชตั้งใจจะบอกอะไร....ผมไม่เคยคิดจะเบียดที่ในใจของกริชจากพี่สิงห์ ผมนับถือพี่เขา ผมรักกริชที่เป็นกริช
แล้วผมจะรักกริชได้เท่ากับความรู้สึกของพี่สิงห์ไหมนะ? ยิ่งได้ความรักจากกริชมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งกลัวการสูญเสียมากเท่านั้น หวังว่าเรื่องโกหกของผมคงไม่ทำร้ายใจของกริชมากไปกว่านี้นะ
โรคคิดมากของผมคงรักษาไม่หายจริงๆ....แต่อีกไม่นานผมจะได้โอกาสพิสูจน์ให้กริชเห็นว่ารักของผมไม่น้อยไปกว่าใคร
ถ้ากริชจะยอมให้ผมได้มีโอกาสนั้น ...ตัวผมที่เป็นผมจริงๆ.... ผมจะช่วยกริชแบกรับความทุกข์ทุกอย่าง.....อะ ว่าแล้วก็กดดูอีกซักที

มาถึงหน้าบ้านเจ้าวิงยังไม่ทันกดออดมันก็เปิดประตูออกมา
เจ้าวิงในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีขาวแบบมีฮู้ดกับกางเกงยีนส์ดูแตกต่างไปจากวันปกติ คงเพราะเจอในชุดนร.จนชินตาล่ะมั้ง
"สวัสดีต้น"
"สวัสดีวิง UHT"
"โหย พูดแบบนี้หมดความมั่นใจเลย ไปเปลี่ยนก็ได้ว้า" มันหันกลับเข้าบ้านจริงๆ จนผมต้องดึงแขนไว้
"ล้อเล่นว้อยล้อเล่น แต่ชุดนี้ดูดีกว่าตอนเจอนายที่ร้านเหล้าคืนโน้นนะ" ก็นั่นเป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้าวิงในชุดเที่ยว (เหตุการณ์ชวนจดจำมากเลย เหอเหอ)
เจ้าวิงหน้าเสียทันที เจ้านี่แกล้งง่ายครับพูดอะไรก็มีปฏิกิริยาไปหมด แต่จริงๆ ที่พูดขึ้นมาก็เพราะเป็นห่วงมันด้วยแหละ
"ถามหน่อยสิทำไมคืนนั้นถึงกินจนเมาแบบนั้นล่ะ? ไปคนเดียวไม่น่ากินเยอะขนาดนั้นนะรู้มั๊ยมันอันตราย ถ้าคืนนั้นเราไม่อยู่ที่นั่นก็ไม่รู้พนักงานจะหิ้วนายไปไหนต่อไหน เป็นห่วงนะว้อย"

"......................" วิงทำหน้าเหมือนจะพูดแต่กลับไม่พูด เอาแต่เดินไปสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชจนผมต้องเร่งฝีเท้าตาม
"ถ้าคืนนั้นเราไม่เจอนายจะเป็นไงก็ไม่รู้"
"ขอโทษด้วยนะที่ทำให้นายลำบากคราวนั้น" ....สำนึกตัวก็ดีแล้ว....แล้วตรูจะไปห่วงมันทำไมมากมาย....
"เรารู้ละว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ กินเหล้ากินเบียร์เยอะๆ จะตับแข็ง" ....อุ๊ก! กระทบตรูเข้าเล็กน้อย.....
"เสียการเรียนด้วย" .....อ้าว แสรด หลอกด่าใช่ไหมเนี่ย?.....
"เปลืองเงินอีก" ....อันนี้ก็โดน.....
มันเดินนำหน้าผมไปหลายก้าวแล้วหันกลับมาเดินถอยหลังพลางมองที่ผม
"เราสัญญากับนายว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว เพราะต้นห่วงเรา"

เคยไหมครับเวลาที่จะดุใครสักคนแต่เขาดันแย่งพูดรับผิดทุกกระทงจนไม่เหลืออะไรให้ดุ ผมเองกลายเป็นฝ่ายพูดอะไรไม่ออก
"ใครห่วง?"
"ก็นายเพิ่งบอกตะกี้น่ะ"
"ห่วงเพราะเห็นเป็นน้องสามเดือนหรอก แล้วตกลงเนี่ยไปเพราะอะไรล่ะ?" เบี่ยงประเด็นซะเลย
"อืม.....ก็เรื่องความรัก เรื่องที่บ้าน" ปากพูดยิ้มๆ เหมือนให้ฟังเป็นเรื่องขำๆ มากกว่า เจ้าวิงคงไม่อยากให้ผมคิดมาก
ผมจับมันหันกลับไปเดินอย่างมนุษย์มนา ไม่อยากให้มันหงายหลังกลางตลาด

"แล้วต้นไปที่ร้านนั้นทำไมเหรอ?" พอขึ้นรถไฟฟ้าวิงก็ถามผมกลับบ้าง
".......เอ่อ....ก็......" ว่าแล้วไม่น่าเปิดประเด็นนี้เลยวกเข้าตัวจนได้ แต่พูดเพราะห่วงเจ้าหน้าใสคนนี้จริงๆ นี่นา
"ก็?" ได้ทีขี่แพะไล่เลยนะ ผมเขยิบหนีเข้ามุมรถ เจ้าวิงก็เขยิบตาม
"ก็อะไร? ทีเรายังบอกนายเลยนะ อย่าเอาเปรียบดิ"
"ไม่บอกโว้ย! เดาเอาเอง" อย่าไล่บี้ตรูนะยิ่งไม่ค่อยอยากโกหกอยู่ สุวรรณกับสุวานถือดินสอรอจดบาปตรูอยู่เลยเนี่ย
เจ้าวิงเขยิบเข้ามาอีก มันยักคิ้วหนึ่งที "แฟน?"
"............" ไม่ต้องใช้ตัวช่วยเลยวุ้ย เกลียดจริงๆ คนรู้ทัน
"แล้วเจอเค้ามั๊ย?"
"จะถามทำไมเล่า?"
"ก็เรานั่งในร้านนั้นตลอด เผื่อจะรู้ว่าคนไหนไง" ......รู้แล้วนายจะพูดไม่ออก....
"ไม่เจอหรอก ก็นายเล่นอ้วกรดเราจนต้องพานายเข้าโรงแรมน่ะสิ"

เสียงใครอุทานเบาๆ อยู่ด้านหลัง
พอหันไปดู ผู้หญิง 4-5 คนยืนฟังผมกับวิงคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่! สายตางี้จ้องมาแบบ....แบบ....
ประตูรถไฟฟ้าเปิดพอดี จะสถานีไหนไม่รู้ละรีบวิ่งออกเลย! เจ้าวิงก็วิ่งตามออกมาเหมือนกัน มันยังมีหน้าหัวเราะอีก


กว่าจะมาถึงโรงหนังชั้น 7 ก็เจอเม้งยืนกินโยเก้นฟรุตของโปรดมันอยู่หน้าที่ขายตั๋วแล้ว (รวยจริงๆ ไอติมถ้วยละ 70 กว่าบาทกินเข้าไปได้)
"ดีวิง ดีต้น"
"ดีเม้ง แล้วจะดูเรื่องอะไรกันดีล่ะ?" ผมถามเม้งเพราะมันมายืนดูก่อนแล้วคงเลือกได้สักเรื่องแล้วล่ะ
"เรื่องนี้มั๊ย?"
"สนุกป่าว? เดี๋ยวหลับคาโรงเหมือนอินวิซิเบิ้ลเวฟหรอก ไม่จำๆ"
"อย่างน้อยกรูก็หลับหลังมรึงละกันไอ้ต้น นี่ๆ เราถ่ายหน้ามันตอนมันหลับน้ำลายยืดด้วยวิงอยากดูปะ?"
"เฮ้ย! ไหนว่ามรึงลบแล้วไง" ผมรีบไล่ตะครุบมือถือจากไอ้เม้งมาทันที
ช่างเป็นความทรงจำที่น่าอับอาย หนังอะไรไม่รู้น่าเอามาใช้เป็นนิทานกล่อมเด็ก แต่ที่แน่ๆ ผมกับเม้งแข่งกันหลับตั้งแต่กลางเรื่อง (หรือต้นเรื่อง?)
จนพนักงานมาปลุกตอนหนังเลิก อายมากเสียดายเงินจริงๆ

กว่าจะเลือกหนังได้ก็ใกล้เที่ยง กินเชสเตอร์กริลล์เสร็จยังพอเหลือเวลาให้เดินเล่นไปเรื่อยๆ ได้อีกเกือบชั่วโมงก่อนหนังฉาย
"ต้นกับเม้งสนิทกันจังเลยนะ"
"อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่ม.2 น่ะ แต่เพิ่งจะ 'สนิท' กับไอ้ต้นจริงๆ ก็ม.4 นี่แหละ" เม้งเน้นคำได้ซึ้งกินใจจริงๆ มันโอบไหล่ผมไว้แน่น
กรูรู้ว่ามรึงไม่รังเกียจ....แต่มรึงแสดงมิตรภาพได้ไม่เลือกเวลาเลย.... ความลับไม่แตกวันนี้จะรออีกกี่ปีแสง

"ต้น! เม้ง!" เสียงใครเรียกดังมาจากด้านหลัง หันไปเจอพี่ปัดม.5 นักบาสทีมสีเหลืองเดินตรงเข้ามาทัก
ซวยจริงๆ เจอใครไม่เจอดันเจอนักบาสกีฬาสีเหมือนกัน อันที่จริงพี่เขาก็นิสัยดีครับ เอื้อเฟื้อรุ่นน้องดี บางวันก็เล่นด้วยกันเหนื่อยมากๆ มีซื้อเป๊ปซี่ใส่เกลือแจกรุ่นน้องด้วย(เกลือเป็นส่วนผสมยอดฮิตในน้ำอัดลมของโรงเรียนนี้ซึ่งไม่รู้จะใส่กันทำไมให้ฟองมันฟอด ใส่มากๆ กินไม่ลง มันเค็มเกิน)
แต่ส่วนที่ไม่ดีคือพี่เขาชอบกระแทกคนอื่นแรงๆ แล้วก็ตะโกน "ไม่ฟาล์วโว้ยๆ!" ประมาณภูมิใจมาก

"สวัสดีครับพี่ปัด"
"มาเป็นคู่เหมือนเดิมนะ มาดูหนังเหรอ? แล้วนี่...."
"วิงเพื่อนผมครับ อยู่คนละห้อง" พี่ปัดมองเจ้าวิงที่ยืนเฉยๆ คงเพราะรู้ตัวว่าไม่สามารถเข้าวงสนทนาได้ ผมเลยต้องเขยิบเข้าไปใกล้วิงอีกนิด
ไม่อยากให้รู้สึกโดดเดี่ยว แต่พี่ปัดก็ยังชวนคุยไปเรื่อยๆ แล้วก็.....

"ตกลงคู่หูคู่นี้ลงบาสสีแดงสินะ?" .....นั่นไง เปิดประเด็นมาแล้ว....
"ได้ยินว่าสต๊าฟสีแดงมีปัญหากันนี่หว่า" .....ฉึก!....แทงใจดำ
"ครับ รองประธานฯ ลาออก คนที่ทะเลาะกับพี่โจ้หน้าห้องเราใช่มั๊ยต้น?" .....ฉึก! ฉึก! สองแผลนี้มาจากไอ้เพื่อนรักของผมเอง
"พี่คมเดชคนนั้นใช่มั๊ย? พี่ม.6 เขาเรียกกริชน่ะ เห็นว่าตอนแรกขยันมากนะ" ....ฉึก! ฉึก! ฉึก!
"ลาออกกระทันหันจนงานป่วนไปหมด ตอนนี้เลยไม่กินเส้นกันซะงั้น ได้ยินว่าพี่เขาไม่ยอมเดินเฉียดใกล้สนามกีฬาเลยล่ะ" ....ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
คุยกันแปบเดียวโดนเข้ากี่แผลแล้วเนี่ย?
"เออ เม้งหนังใกล้จะฉายรึยัง?".....เปลี่ยนเรื่องคุยทีเถอะกรูขอร้อง
ภาพถังโจรสลัดของแถมจากรองเท้านันยางผุดขึ้นมาในหัว เล่นรุมแทงใจดำกันไม่ยั้ง อีกเดี๋ยวโจรมันต้องเด้งลงนรกแหงๆ
"อีกตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะต้น จะรีบไปไหนวะ?"
"....ก็...." สงสัยจะเลือดตกในเยอะ หัวมันเริ่มตื้อคิดข้ออ้างไม่ออกละ ร้านแมงป่องก็ดันเปิดเพลงดังขึ้นมา

.....อย่าร้อนตัวถ้าไม่ได้ทำ ถ้าเธอไม่ได้มีใคร
เสียงดังโวยวายทำไม
งงที่เธออารมณ์ร้ายใส่ฉัน
หรือทำอะไรออกไปแทงใจของเธอ.....

นั่นๆ ภาพคนในมิวสิควิดีโอกำลังเดินถือมีดจะมาช่วยแทงอีกแผลแล้ว ทุกทีร้านนี้เปิดแต่ลอร์ดออฟเดอะริงก์กับต้มยำกุ้งวนไปวนมาทั้งวัน
แล้วไหงวันนี้เปิดมิวสิคฯได้โดนใจเยี่ยงนี้ (ตรูจะไม่ซื้อเทปร้านนี้อีกเลยตลอดชีวิต) จะเอาตัวรอดจากตรงนี้ได้ยังไงล่ะเนี่ย?

"ต้น เม้ง เราอยากไปเดินดูของแปบนึงน่ะ" เจ้าหน้าใสพูดขึ้นมาเป็นระฆังหมดยก
"อืม ก็ดีเหมือนกัน งั้นพวกผมไปก่อนนะครับพี่ปัด"
วิงผู้ช่วยชีวิตกระตุกแขนผมเบาๆ ผมก็ตามน้ำออกเดินช้าๆ กึ่งบังคับให้เม้งต้องจบเกมแทงโจรสลัดแล้วเดินตามมาแต่โดยดี หนีจากพี่ปัดมาได้แต่ความเครียดไม่ได้ลดลงเลย....นี่ผมจะหนีได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงวันแข่งจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย? นึกว่าไม่เจอกริชแล้วจะปลอดภัยตลอดรอดฝั่งซะอีก เมื่อไหร่เรื่องโกหกงี่เง่านี่มันจะจบซะที!

"ต้น"
"หืม? ดูของเสร็จแล้วเหรอวิง?" ผมไม่รู้เดินมาชั้นไหนตรงไหน ขามันเดินตามเจ้าวิงมาเรื่อยๆ เท่านั้นเอง
"เสร็จแล้ว เม้งไปเข้าห้องน้ำอยู่ .....แล้วก็นี่...เราให้นาย" วิงยื่นซองกระดาษให้ผม ข้างในมีปิ๊กกีตาร์กับท่อเหล็กสีเงินมันปลาบ
"ต้นเพิ่งเริ่มเล่นคงเจ็บนิ้ว ใช้ปิ๊กดีดกีตาร์ละกัน"
"แล้วท่อนี่ไว้ทำอะไรเหรอวิง?" ผมนึกไม่ออกจริงๆ มันจะยัดเข้าส่วนไหนของกีตาร์
วิงจับมือขวาผมแผ่ออกเบาๆ แล้วสวมไอ้ท่อแปลกๆ นั่นเข้าที่นิ้ว
"อันนี้เรียกสไลด์น่ะ มันใช้ได้หลายอย่าง สำหรับต้นตอนนี้ใช้ฝึกกดสายเวลาจับคอร์ดที่ต้องกดครบทุกเส้น เสียงจะไม่บอด นิ้วก็ไม่เจ็บ"
ผมมองท่อเหล็กที่สวมนิ้ว มีของแปลกๆ แบบนี้ด้วยแฮะ มองดูเพลินจนเพิ่งรู้ตัวว่าวิงยังไม่ปล่อยมือผมเลย
....
....
"ต้น เราสัญญา...จะไม่ทำให้นายต้องเจ็บ"

ฮึก! ผมเงยหน้าจากมือมามองมันแบบงงๆ วิงยังคงมองตรงมาที่ผม หน้าตามันนิ่งมาก
....
....
มือมันเย็นเฉียบหรือไม่ก็มือผมเองที่เย็นกระทันหัน ที่แน่ๆ มือมันกุมมือผมไว้แบบนั้นไม่ยอมปล่อย
.....
.....
"เฮ้ย! ต้นใกล้เวลาหนังฉายแล้วนะ" เม้งตะโกนมาแต่ไกล ผมผละไปขึ้นบันไดเลื่อนทันที เม้งกับวิงเดินตามมาติดๆ
....ประโยคเมื้อกี้.....อย่านะไอ้ต้นมรึงอย่าเริ่ม....ทำให้ใจมรึงหยุดคิดเดี๋ยวนี้นะ....

"วิง....ขอบใจนะ" ผมพูดข้ามไหล่เม้งที่คั่นระหว่างกลางพลางโบกมือขวาที่ยังสวมท่อเหล็กไว้ที่นิ้วชี้
เจ้าวิงหันมายิ้มตอบ "ตั้งใจฝึกล่ะต้น"

"อะไรวะต้น? ได้ของแปลกๆ จากไหนน่ะ?" เจ้าเม้งก็มองของที่สวมนิ้วผมอยู่เหมือนกัน
"อาจารย์วิงเขาให้กรูมาฝึกกีตาร์น่ะ"
"เป็นศิษย์อาจารย์กันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?"
ผมตอบเออออไปเรื่อยๆ จนเข้าโรงหนัง ผมนั่งในสุด ถัดไปเป็นเม้งแล้วก็วิง รู้สึกโล่งใจหน่อย.....โล่งใจ.....
.....รู้สึกแบบนั้นจริงๆ เหรอ...ทำไมความรู้สึกนั้น........

ตอนที่   45

หลังจากยืนส่งเม้งขึ้นรถเมล์กลับบ้านแล้วผมกับวิงก็ตรงไปขึ้นรถไฟฟ้า คนบนรถเที่ยวนี้ไม่ค่อยแน่นมากยืนคุยกันได้สบาย
"หนังสนุกดีเนอะ"
"อืม แต่อ่านซับฯไม่ค่อยทันแฮะ" เวลาไปดูหนังฝรั่งต้องเลือกที่เป็น soundtrack ไว้ก่อน ขืนดูพากษ์ไทยมีหวังโดนเพื่อนโห่แย่ เรื่องไหนสนุกค่อยไปเช่าพากษ์ไทยมาดูอีกรอบ เพราะแบบนี้แหละผมถึงไม่ไปดูโรง Imax เพราะซับไตเติ้ลมันเล็กจิ๋วเดียว (ใครช่วยไปบอกเจ้าของโรงหนังให้ปรับปรุงทีสิ)

"วิง นายหัดเล่นกีตาร์เพราะอะไรเหรอ?"
"ก็มันเท่ดีน่ะ" แน่ะ! ตอบแต่หันหน้าไปทางอื่นแบบนี้มีพิรุธ ผมเดินอ้อมไปมองหน้ามัน
"ตอบจริงๆ เด๊ะ?" ผมมองเจ้าวิง เส้นเลือดฝอยใต้ใบหน้ามันตอบคำถามแทนทุกอย่าง เจ้านี่ดูออกง่ายจริงๆ
"....ถ้าเราบอกต้นแล้วต้นอย่าบอกใครนะ"
"เออ ไม่บอกหรอก"
วิงก้มหน้าเขยิบเข้ามาอีกนิด ตามันมองพื้นรถอย่างเดียวเลย "เราชอบคนอยู่คนนึง เลยอยากทำอะไรให้เขาประทับใจบ้างน่ะ"
"ฝึกนานไหมเนี่ยกว่าจะเล่นได้เก่งขนาดนี้?"
"เฮ้ย! เราไม่เก่งหรอก ฝึกมาปีเดียวเอง"
"แสดงว่านายเริ่มชอบคนๆ นั้นตั้งแต่ปีที่แล้วเหรอ?" เจ้าวิงพยักหน้า


สถานีต่อไป.....
"ความพยายามสูงนะวิง เราว่าถ้าคนๆ นั้นรู้เข้าต้องชอบนายแน่ๆ"
"เรายังไม่แน่ใจเลย"
"ไม่เชื่อเราเหรอ?"
"ก็.....โหย! เราไม่กล้าบอกเขาน่ะ มันยากนะต้น"


สถานีต่อไป.....
"เอางี้ ตอนที่นายสารภาพรักเราจะคอยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ถ้าเขาไม่รับ เราจะได้ปลอบใจนายได้ไง"
"จะมาแอบดูเหรอ? อ้ายโรคจิต"
"ไม่ได้โรคจิตโว้ย! เป็นหน่วยปฐมพยาบาลต่างหาก"


สถานีปลายทาง......
"ต้น..."
"หืม?"
"ถ้าเรา...จะสารภาพรักกับคนๆ นั้นจริงๆ นายว่าเขาจะรับรักเรามั๊ย?"
"จะรู้ได้ไง? แต่เราคิดว่าเขาคงชอบนายแหละ" ผมมั่นใจและเชื่อที่สุดว่าอย่างเจ้าวิงต้องพิชิตใจสาวได้แน่
พูดแค่นี้แหละเจ้าวิงหน้าแดงแจ๋เลย เห็นแล้วมันน่าแกล้งที่สุด
"มัวแต่เขินอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวใครคาบไปก่อนหรอก!" ผมเอื้อมมือไปดึงฮู้ดมาครอบหัวมันมิด

"ว้อย! เล่นไร? ผมยุ่งหมด!" ท่าทางเวลามันเขินนี่น่ารักน่าเตะจริงๆ คิดแล้วก็ใจโหวงๆ .....เจ้าเพื่อนคนนี้กำลังจะมีแฟนไปแล้ว
"ต้นจะรีบกลับบ้านไหม? แวะกินอะไรที่ตลาดก่อนรึเปล่า?"
"ขอบใจนะแต่เราจะรีบกลับบ้านน่ะ" พอแยกกันผมกระโดดขึ้นรถสองแถวเข้าหมู่บ้านทันที

.....ต้น เราสัญญาจะไม่ทำให้นายต้องเจ็บ.....

ประโยคที่เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน....ไม่หรอก....
ตอนนายพูดประโยคนั้นนายคิดอะไรอยู่? จะบอกว่าของพวกนี้ใช้ป้องกันไม่ให้เราเจ็บนิ้วเหรอ...ท่อเหล็กสีเงินถูกพลิกไปมาอย่างเลื่อนลอย
เจ้าวิงเอ๊ย...ถ้านายพูดประโยคนั้นกับคนที่นายแอบชอบ...ผมว่ามันต้องสมหวังแน่ๆ
ความรู้สึกบางอย่างมันเกิดขึ้นในใจโดยที่ผมก็บอกไม่ถูก ....ดีใจกับเขา....เป็นห่วงกลัวเจ้าวิงจะผิดหวัง....บ้าน่าอย่างเจ้านี่คงไม่ผิดหวังแน่
....หรือว่าเหงา....แค่มีแฟนมันไม่ได้จากไปไหนซะหน่อย ....อิจฉา.... ผมท่องคำต่างๆ ในหัวพยายามเทียบว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่.....
"โว้ย!!! แค่เพื่อนจะมีแฟนทำไมตรูต้องคิดมากด้วยฟระ!!!" ว่าแล้วก็โทรหากริชดีกว่า นี่เปลี่ยนซิมแล้วโทรหาเลย.....

ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก

ให้ได้ยังงี้สิ เฮ้อ! เขาอยู่ต่างจังหวัดนี่นาสัญญาณคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ....ผมล้มตัวลงบนฟูกจ้องดูเพดานไปเรื่อยๆ
.....ตอนนี้กริชอยู่ไหนครับ เป็นอะไรหรือเปล่า ผมอยากได้ยินเสียงกริชนะครับ.....

..
..
..
..
ตัวผมดิ่งวูบลง ตามด้วยสัมผัสที่เย็นเฉียบจากรอบด้านแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมห่วง คนบนนั้นต่างหาก
"ข...ขอโทษนะครับ! ผมขอโทษ! .....เป็นอะไรรึเปล่า....ผมขอโทษ ...ฮึกๆ ....ผมขอโทษ ....ผมขอโทษ....."
"นายอย่ายื่นตัวออกมา!"
"ผมขอโทษ...ตรื้ดๆๆ ....ครับ....ผ...ผมขอโทษ...ตรื้ดๆๆ..."

ผมไม่ได้ห่วงตัวเอง ห่วงแต่คนๆนั้น ใบหน้าตื่นตระหนกที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา

"นายอย่าร้องไห้ดิ พี่ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย ฮะๆๆ" ผมก้าวขึ้นมาสวมกอดเขาไว้ คนบนนั้นเสียอีกกลับร้องไห้ไม่หยุด
"...ผมสัญญา.....จะไม่.....ตรื๊ดๆๆ....อีก...." ตรื๊ดๆๆ .....เสียงอะไรวะน่ารำคาญจัง.....เสียง...... ตรื้ดๆๆ
..
..
..
..
เสียงมือถือตรูนี่หว่า!! ผมสะดุ้งขึ้นจากฟูกควานหาต้นเสียงในความมืดจ้าละหวั่น กริชโทรมาแล้ว!
"กริชๆ ได้ยินมั๊ยครับ?"
"ครับ ต้นเป็นอะไรเหรอทำไมเสียงรีบร้อนจัง?"
"ผ.....เผลอหลับน่ะครับ....." ผมเริ่มมองรอบตัวว่าที่นี่ที่ไหน งงมึนตึ้บไปหมด.....ห้องนอนผมเอง....เมื่อกี้ฝันเหรอเนี่ย....
"ต้นนอนในที่ทำงานเหรอ? ฮะฮะ"
"ก็....ประมาณนั้นมังครับ" แก้ตัวตามน้ำไปก่อน

ขอคิดก่อนนี่กี่โมงแล้ว ฟ้ารำไรนิดๆ หรือว่ารุ่งสางแล้วหว่า นี่ผมหลับข้ามคืนเลยเหรอ? จำได้ว่าโทรหากริชราวๆ สี่โมงเย็นแล้วก็นอนเล่น
กริชพูดว่า 'ที่ทำงาน' แสดงว่าตอนนี้กำลังจะค่ำต่างหาก ไม่น่าผลอยหลับเวลาผีตากผ้าอ้อมเลย คุยโทรศัพท์อยู่นี่ก็ยังมึนๆ ไม่หาย แต่ยังไงก็ต้องตั้งสติไว้ก่อน
"ต้น ผมขอโทษนะพอดีออกมาไกลมากมือถือไม่มีสัญญาณ กลัวต้นจะเป็นห่วงน่ะครับ"

......ผมขอโทษนะครับ.....ผมขอโทษ.......เสียงในความฝันยังดังก้องในหัว

"ต้นเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ทำไมเงียบไป?"
"ตื่นมาแล้วมึนๆ น่ะครับ แต่สบายมากครับกริชไม่ต้องห่วง กริชไปธุระที่ไหนเหรอครับ?"
"มาเก็บตะวันไปฝากต้นไงครับ"
"หืม?"
"เดี๋ยวเจอกันก็รู้เองครับต้น เย็นวันจันทร์นี้ต้นสะดวกมั๊ยครับ?"
"ส...สะดวกครับแต่ต้องดึกนิดนึงนะครับ....เอ่อ คงค้างไม่ได้นะครับ"
"ได้คร้าบ เดี๋ยวผมโทรนัดอีกทีคืนวันอาทิตย์นะครับ สัญญาณไม่ค่อยดีแล้ว รักษาสุขภาพนะต้น"
กริชวางหูไว้แล้ว ตามปกติผมจะรู้สึกเสียดายอยากคุยนานๆ แต่ตอนนี้หัวผมมึนตึ๊บขอนอนเรียกสติสตังก่อน....

นาฬิกาสีฟ้าน้ำทะเลบอกเวลา 17:45
....ภาพในฝันนั่น....เพราะคำพูดแปลกๆ ของเจ้าวิงแท้ๆ เรื่องที่เคยลืมไปแล้วกลับผุดขึ้นมาอีก....
....ภาพรุ่นน้องที่ร้องไห้ไม่หยุดและผมพยายามยิ้มปลอบใจ.....ทำไมผมถึงคิดเรื่องนั้นอีกนะ.....
น่าอายจังโว้ย!! ทั้งที่ผมมีกริชแล้วแท้ๆ....


ตลอดวันอาทิตย์กริชไม่ได้โทรมาอีกเลยคงยังงานยุ่งที่บ้านหรือไม่ก็ไปขึ้นรถทัวร์มั้ง แค่รู้ว่าเขาสบายดีก็สบายใจแล้ววันนี้เลยอารมณ์ดี
ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเตรียมเอ็นท์ฯ เต็มที่ ผมเปลี่ยนซิมเป็นระยะๆ เวลาเมื่อยตาเผื่อเม้งจะโทรมาแต่ทุกอย่างเงียบสงบ ว่าแล้วก็ใส่ซิมรอกริชโทรมา
.....ทำอะไรอยู่นะ? รถทัวร์จากเพชรฯ เข้ากรุงเทพก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนี่นา

ตรื้ดๆ
"สวัสดีครับกริช ถึงกรุงเทพฯ แล้วเหรอครับ?"
"ยังอยู่เพชรฯ อยู่เลย"
"นี่จะสองทุ่มแล้วนะ มีอะไรหรือเปล่าครับ? เราเป็นห่วงนะครับ"
"ก็....ตระเวณไปรอบเมืองหาของฝากต้นนิดหน่อยน่ะ แต่เดี๋ยวจะขึ้นรถทัวร์แล้วล่ะ"
"กริชไม่น่าลำบากเพื่อเราเลยครับ มืดแล้วเราเป็นห่วงกริชนะ"
ห่วงไปหมดแหละทั้งที่ในชีวิตนี้ไม่เคยไปเพชรบุรีมาก่อนเลย เพชรบุรีนี่อยู่ติดกับเพชรบูรณ์ใช่ไหมเนี่ย?
"ไม่ต้องห่วงหรอกนะต้น ผมสบายมาก คืนวันจันทร์นี้เจอกันที่สวนดีมั๊ยต้น?"
"ก็ได้ครับ" ตอนนี้เริ่มได้ยินเสียงคนจอแจกับเสียงเครื่องยนต์ดังหึ่มๆ
"รถออกแล้วต้น ผมต้องวางหูแล้วครับ ถึงกรุงเทพฯ แล้วจะโทรหานะ"
"เดี๋ยวๆ กริช!"
"หืม?"
ขอเอาคืนหน่อยเถอะทำตัวให้คนอื่นเป็นห่วงทั้งวันแบบเนี้ย! มองซ้ายขวาไม่มีใครอยู่หน้าห้องผมแน่ๆ สูดหายใจเข้าลึกๆๆๆ

"ต้น รัก กริช ครับ"

ครั้งที่แล้วพลาดไปหน่อยแต่คราวนี้เนื้อๆ เน้นๆ และดูเหมือนกริชจะเขินอย่างแรงไม่ยอมพูดต่อเลย นึกภาพกริชที่หน้าแดงบนรถทัวร์แล้วสะใจพิลึก
ได้ยินแต่เสียงขำๆ เขินๆ แล้วสัญญาณก็ขาดหายไป ผมเองก็เขินเหมือนกันวุ้ย! ไม่กล้าไปแปรงฟันแล้วเดี๋ยวพี่เห็นผมหน้าแดง นอนเลยดีกว่า


เช้าวันจันทร์วันนี้ผมตื่นเร็วเป็นพิเศษเพราะใจมันเตลิดไปถึงตอนค่ำเรียบร้อยแล้ว อยากเจอกริชมากๆ พอใส่รองเท้าเรียบร้อยแล้วก็รีบวิ่งไปขึ้นรถสองแถวทันที วันนี้ผมใช้เข็มสีทองของกริชแทนของตัวเอง รู้สึกอบอุ่นใจเหมือนเขามาอยู่ข้างๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว (แต่ตัวจริงน่ะอย่าเพิ่งมาอยู่ข้างๆ ตอนนี้นะอาจหัวใจล้มเหลวได้)

ตลอดวันนี้ผมเรียนสนุกขึ้น คงเพราะอ่านมาล่วงหน้าเตลิดไปจนถึงม.5 เทอมหนึ่งแล้ว กริชครับ...ผมใกล้กริชเข้าไปทุกทีแล้วนะครับ
ภาพผมและกริชในชุดนิสิตสีขาวขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายกันนั้นไม่ไกลเกินฝันแล้ว....เอ่อ อาจจะไกลก็ได้ คะแนนจุฬานี่สูงปรี๊ดเลยนี่หว่าไม่ได้เจียมตัวเลย
ใจเแป้วลงเล็กน้อยแต่ยังไงผมต้องเอ็นท์ฯให้ติดสักที่แล้วกลายเป็นเด็กมหาลัยให้ได้แม้จะอยู่ต่างสถาบันก็ตาม แต่ตอนนี้เอาเรื่องตรงหน้าให้รอดก่อนเถอะ

"ต้นๆ กินข้าวเที่ยงเสร็จยัง?" เสียงพี่โจ้มาทักแต่ไกลทำเอาหัวใจผมหล่นไปตาตุ่ม
"เสร็จแล้วครับพี่"
"ดีเลย นี่พี่นพนะ เขาคุมเรื่องอุปกรณ์เชียร์ของสีเราน่ะ" พี่นพตัวสูงกว่าผมนิดหน่อย ใส่แว่นกลมหน้าตาเด็กเรียนมาก จะเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่กริชก็พอ
"สวัสดีครับพี่นพ" "สวัสดีครับน้องต้น"
"พอดีพี่เขาจะไปย้ายของนิดหน่อยน่ะแต่พี่ไม่ว่างเลยอยากให้ต้นไปช่วยพี่นพเขาหน่อยนะ"
"ด...ได้ครับ"
"ลำบากหน่อยนะน้องต้น"

.....ไม่หน่อยล่ะครับ ผมเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ ตอนนี้คิ้วซ้ายเริ่มกระตุกแล้ว

แล้วพี่โจ้ก็วิ่งเข้าไปในโรงอาหาร ผมเดินตามพี่นพเงียบๆ พี่เขาชวนคุยอะไรมาผมก็พยายามตอบสั้นๆ แต่ทางที่เราสองคนกำลังเดินไปนี่มัน.....
"ไกลหน่อยนะ ของอยู่ตึกโน้นน่ะ" มองตามนิ้วพี่ท่านไปแล้วขาผมพาลจะหมดแรงเอาดื้อๆ ก็แถวนั้นมัน....!!!
"พี่นพครับ ผมรู้สึกไม่สบายน่ะครับ"
"ช่วยพี่แปบนึงนะ ไม่ค่อยมีใครยอมมาช่วยซะด้วย ถือว่าช่วยสีแดงของเราละกันนะน้อง"
"ก็....ก็ได้ครับ" .....ตรูล่ะเกลียดคำนี้จริงๆ
แผนปลีกตัว A ไม่สำเร็จทำไงดีฟระ? เครียดแล้วนะเนี่ย ยิ่งเดินก็ยิ่งใกล้เขตอันตรายที่ผมพยายามเลี่ยงมาตลอด ขึ้นมาชั้น2 แล้ว ขึ้นชั้น 3
.....ตายห่าแล้วๆๆๆๆ.....คงไม่ใช่ห้องนั้นนะ....

"ห้องสุดระเบียงด้านโน้นน่ะครับน้อง อีกนิดเดียวคงยังไม่เหนื่อยนะ"
ห้องสุดระเบียง....ห้อง 6/1....ห้องคิง.....ห้องประจำชั้นของกริช

ตอนที่ 46

มิน่าไอ้พี่โจ้ถึงพยายามโยนขี้ให้ผมเหลือเกิน ที่แท้ก็ไม่อยากเจอหน้ากริชนั่นเอง หารู้ไม่ว่าผมนี่สิที่ไม่อยากเจอเขามากกว่าอีก เวรล่ะตรูจะทำไงดีเนี่ย?
แผน B แกล้งตกบันได.....เอ่อ สูงว่ะ....ถ้าแกล้งก็กลัวจะตกจริงๆน่ะสิ เจ็บตัวแหงๆ ดีไม่ดีพี่ม.6 แห่กันมาดูอีก
แผน C ....ไม่ทันแล้ว ขึ้นมาถึงระเบียงชั้นม.6 แล้ว
ใครเคยเดินผ่านห้องประจำชั้นของรุ่นพี่ในโรงเรียนคงรับรู้ได้ถึงความกดดันบางอย่างเหมือนพลังของความเป็นรุ่นพี่อะไรแบบนั้น
ตอนนี้ผมรู้สึกได้เต็มๆ แถมรุนแรงกว่าหลายเท่า เห็นพี่ม.6 เดินออกมาจากห้องทีนึงผมก็สะดุ้งแล้ว ขวัญเอ๊ยขวัญมา ตอนนี้จะขวัญหรือเรียมใครก็ได้มาช่วยตรูที

"ห้องนั้นเป็นห้องคิงน่ะ มีคนเอ็นท์ฯ ติดตอน ม.4 ม.5 เกือบ 20 คนแน่ะเลยกลายเป็นห้องที่โล่งที่สุด อุปกรณ์ทั้งหมดของสีแดงเลยเก็บที่ห้องนี้"
คำพูดของพี่นพทำให้หัวใจผมเจ็บยังกะถูกบีบรัด
....ต้องเรียนซ้ำชั้นคนเดียวในโรงเรียน อยู่ในห้องโหรงเหรงที่มีคนสอบเทียบเอ็นท์ฯ ติดไปก่อนจบม.6 เกือบยี่สิบคน.....
....นั่งเรียนกับรุ่นน้องทุกวัน กับอุปกรณ์กีฬาสีกองเต็มห้อง กีฬาสีที่ตนเองไม่มีโอกาสได้ร่วมอีกแล้ว...
....ความฝันของพี่สิงห์...ความฝันของกริช....ความฝันที่ผมทำลายเองกับมือ...ผมที่บอกว่าจะเป็นโลกให้เขา แต่กลับไม่เคยรู้เลยว่ากริชต้องเจ็บปวดทุกวันขนาดนี้.....
"น้องเป็นอะไรเหรอครับทำไมตาแดงๆ?"
"....ฝุ่นเข้าตาครับพี่"
"งั้นหลับตาสักพักนึงนะ รอตรงบันไดนี่แหละพี่จะเอาของออกมาให้ แล้วต้นช่วยยกลงไปข้างล่างละกัน"
"ขอบคุณครับ"

.....กริชทนอยู่ในห้องนั้นได้ยังไง ทนกับความบีบคั้นจิตใจแบบนี้ทุกวัน แค่คิดน้ำตาผมก็เอ่อขึ้นมาแล้ว....
ไม่ใช่! นี่ไม่ใช่เวลาสำออย น้ำตามันแก้ไขความผิดพลาดไม่ได้หรอก ความพยายามจะสร้างอนาคตของผมกับกริชต่างหากที่ผมต้องการในตอนนี้
แล้วสักวันผมจะได้เรียกชื่อเขาในโรงเรียนได้เต็มเสียง

"กริช!" ...เอ่อ...ตรูไม่ได้เรียกนะ....แล้วใครเรียกล่ะ?
"กริชไปไหนมา? ออกไปนอกโรงเรียนมาเหรอ?"
"อืม ไปเอาของนิดหน่อยครับ"
แว๊ก! นั่นๆๆ กริชกำลังเดินขึ้นบันไดมา ตายห่าแล้วๆๆๆๆ ผมรีบเดินเลี้ยวไปอีกทาง เวรล่ะ! ระเบียงด้านนี้โล่งยาวเลยขืนเดินต่อไปกริชเห็นด้านหลังผมแน่
โชคดีมีห้องนึงโล่งๆ รีบหลบเข้าไปเลย หยิบๆ จับๆ ไม้กวาดมุมห้องตบตาไปก่อน
"ไม่รอไปตอนเย็นล่ะ?"
"อยากดูเร็วๆ น่ะว่าจะออกมาดีหรือเปล่า"
"อะไรเนี่ย? ฝนขอดูได้มั๊ย?"
"ไม่ได้หรอกครับ ผมมีคนแรกที่จะให้ดูของนี่แล้วครับ"
"อิจฉาคนมีแฟนจริงๆ ไม่ต้องย้ำบ่อยก็ได้ย่ะ เดี๋ยวคนอื่นนึกว่าฝนจีบกริชอยู่ละแย่เลย"

คนแรก...หมายถึงผมหรือเปล่า (ไม่ได้เข้าข้างตัวเองเล๊ยตรู) อยากจะชะเง้อไปดูแต่ก็กลัว ไม่เป็นไรคืนนี้ก็ได้ดูแน่ แต่ที่อยากดูจริงๆ คือกริชในชุดนร.ต่างหาก
ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินไปไกลแล้วแต่กริชไม่ได้เดินกลับห้อง เขาเดินเลี้ยวไปอีกทาง.....เหมือนกริชไม่อยากอยู่ในห้องนั้นสักเท่าไหร่
คิดแค่นั้นแหละเหมือนหัวใจมันฟีบตัวลงจนเจ็บเลย

หันไปทางห้อง 6/1 พี่นพกำลังถือถุงเต็มสองมือเดินออกมาจากห้องพอดี ตายห่าละเกิดพี่แกตะโกนเรียกชื่อผมคงจบเห่!
ผมรีบเดินกลับมาตรงโถงบันได อย่างน้อยพี่นพคงไม่แหกปากเรียกผมทั้งที่ยังไม่เห็นตัวแน่
"นี่ครับน้อง ช่วยถือลงไปที่ห้องพักอาจารย์หมวดศิลปะหน่อยนะ พวกพี่กำลังจะย้ายของกีฬาสีไปห้องนั้นแทนน่ะ คุยกับอาจารย์ไว้แล้ว"
"ได้ครับ!"

ย้ายของออกแบบนี้กริชก็ไม่ต้องเห็นของแสลงใจพวกนี้ในห้องเรียนของเขาอีกแล้วสิ แบบนี้ผมสู้ขาดใจเลย
จะให้วิ่งขึ้นลงชั้นหนึ่งชั้นสามกี่รอบ ของหนักแค่ไหนก็ไม่ยั่น ถึงจะเสียวนิดๆ ก็เถอะแต่เพื่อเขาผมสู้สุดตัวอยู่แล้ว
"ยังมีอีกมั๊ยครับพี่?"
"อืม ของที่จะใช้ด่วนก็เอามาหมดแล้ว ส่วนที่เหลือต้องรอถามทีมงานเขาก่อนว่าอันไหนจะย้ายได้อีก"
"รีบย้ายมารวมกันที่ห้องศิลป์เลยดีกว่านะครับจะได้ไม่สับสนว่าอันไหนเก็บห้องไหน"
"ความคิดดีนะ พี่เพิ่งรับแบ่งงานมายังงงๆ อยู่เลย ขอบใจนะน้องต้น เหงื่อซ่กเต็มตัวเลย"
"ไม่เป็นไรครับ"

ชักรู้สึกออกหน้าออกตาไปแล้วตรู อยู่เงียบๆ ไว้ดีกว่า พอออดคาบห้าดังบวกกับพี่นพไล่นั่นแหละถึงจะยอมกลับห้อง
ถึงจะย้ายออกมาไม่หมดแต่คงทำให้กริชรู้สึกดีขึ้นไม่เหมือนที่ผ่านมาได้บ้างละน่า ขอโทษนะครับตอนนี้ผมทำได้แค่นี้เท่านั้น
"ไปไหนมาวะต้น?"
"ช่วยพี่สีแดงย้ายของนิดหน่อยน่ะ"
"ไม่หน่อยแล้วมั้งเหงื่อเต็มตัวเลย น่าจะเรียกกรูไปช่วยนะ"
เม้งเป็นห่วงผมอีกละ เพื่อกริชแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำแต่เริ่มง่วงแล้วล่ะ คาบห้ายังพอฝืนลืมตาได้แต่คาบหกก็จบเห่
หัวพาดโต๊ะแล้วก็ค่อยๆ เคลิ้มไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อย

"ขอโทษนะครับ ผมขอโทษ .....พี่เป็นอะไรรึเปล่า....ผมขอโทษ ...ฮึกๆ ....ผมขอโทษ ...."
"นายอย่ายื่นตัวออกมา!"
"ผมขอโทษครับ....ผ...ผมขอโทษ...."
"นายอย่าร้องไห้ดิ พี่ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย ฮะฮะฮะ"

ตรูแค่ตกน้ำทำไมต้องร้องไห้ขนาดนี้ฟระ? อย่าร้องดิตรูแพ้น้ำตา!
ผมดึงตัวเขามากอดไว้ทั้งที่ตัวผมเองยังเปียกโชก ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรแค่อยากปลอบให้หยุดร้องแต่สัมผัสอุ่นๆ จากตัวเขาทำให้ใจผมเต้นแรง
"ผมขอโทษนะครับ ...ฮึกๆ ผมสัญญาจะไม่..." ใบหน้ามอมแมมเปื้อนน้ำตาที่อยู่ระดับบ่าของผมนั่นน่ารักจริงๆ เส้นผมนุ่มไม่เหมือนเด็กม.2 เลยแฮะ
.....ตึกๆๆๆๆๆ ....น้องนะโว้ยน้อง....ศีลธรรมอันน้อยนิดบอกอย่างนั้นแต่แขนดันกอดน้องเขาแน่นขึ้นอีก
"พี่ไม่เป็นอะไรจริงๆ นะครับ อย่าร้องไห้นะ"
ผมหลับตาซุกหน้าลงที่หัวเขาเพื่อปลอบใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาจังหวะเดียวกัน ปากของผมแตะลงที่หน้าผาก.....

"ไอ้ต้นๆ หมดคาบแล้ว ตื่นได้แล้ว"
"เอ๋อ....ก...กรูหลับไปเหรอเม้ง?"
"เออดิ มรึงคงเพลียมั้งนอนละเมออะไรงึมงำๆ ไม่สบายป่าววะหน้าแดงๆ"
"เปล่าๆ งั้นกรูไปล้างหน้าก่อนนะ"
ผมรีบลุกออกจากห้องเพราะไม่อยากให้เม้งสังเกต ที่หน้าแดงน่ะเพราะความฝันนั่นตะหาก แต่คงเล่าให้เม้งฟังไม่ได้หรอกเดี๋ยวมันแซวว่าผมหื่น
อะไรกันว้า....ตอนเที่ยงยังเห็นกริชอยู่เลยแล้วทำไมดันฝันกลางวันถึงเรื่องนั้นซะได้ หรือตรูมันคนหลายใจจริงๆ ฝันติดกันสองครั้งแล้วนะ
"ต้น เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไป"
"มีอะไรเหรอ?"
เม้งไม่ตอบแต่ชี้มือแทน "มรึงตื่นน่ะดีแล้ว แต่ทำให้ไอ้นั่นของมรึงหลับก่อนดีกว่ามั้ง"

เจ้ดเข้! มิน่าเดินลำบาก! ค้ำออกมาเป็นลำเชียว! ผมรีบนั่งกลับเข้าที่เอามือกดเป้าไว้ก่อน ความฝันนั่นไม่ใช่แค่ทำให้จิตใจไหวหวั่นแต่สมองส่วนล่างก็บี้ป่วน
"หึหึ ต้นมรึงนี่กามจริงๆ ฝันเปียกในห้องเรียนก็ได้วุ้ย ฝันถึงใครวะ?"
"ไม่รู้ว้อย!"

ผมก็ไม่รู้ว่าน้องคนนั้นคือใคร ที่แน่ๆ นั่นคือจูบแรกของผมเมื่อนานมาแล้ว อุ๊ก! พอเริ่มคิดเรื่องนั้นบางสิ่งที่ใกล้จะสงบกลับมีปฏิกิริยารุนแรงขึ้นไปอีก
ผมขยับตัวเข้าชิดโต๊ะเอามือกดมันไว้แน่น ล้างนงล้างหน้าอะไรไม่ต้องแล้วตอนนี้
ไอ้เม้งทำหน้าขำ ขำเจรี้ยไรมึงน่ะ "ไอ้หื่น ไอ้บ้ากาม!"
"มรึงอย่าเป็นบ้างก็แล้วกัน" ยิ่งกดเจ้าหมูยอก็ยิ่งคึกใหญ่
"ถามจริงเหอะ กี่นิ้ววะต้น? ตุงค้ำกางเกงซะขนาดนั้น"
"แสรด! อย่าดิวะ!!! เดี๋ยวกรูต้องลุกไปส่งการบ้านหน้าห้องคาบเจ็ดนะมรึง"
"ก็ดีดิ มรึงจะได้เกิด"

ตอนที่ 47

กำลังจะผ่านไปอีกวันแล้ว
ผมดูปฏิทินใบจิ๋วในมือใต้แสงไฟในสวนข้างห้างเอ็มโพเรี่ยม วันนี้วันเดียวก็เหนื่อยขนาดนี้แล้วจะรอดตัวไปจนถึงกีฬาสีเหรอ?
ตอนนี้มีพี่ม.6 รู้จักผมเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วความเสี่ยงก็ยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ผมมองนาฬิกาสีฟ้าน้ำทะเลที่กริชซื้อให้ .....ผมจะโกหกคนที่ผมรักไปอีกนานแค่ไหน...
แต่แค่คิดว่ากริชอาจจะโกรธ ใจผมก็เจ็บยิ่งกว่าอะไรดี.....ถ้าผลลัพธ์เป็นอย่างที่ผมกลัว....
"ต้น มานานยัง?" กริชวิ่งกระหืดกระหอบเข้าประตูรั้วมาแล้ว
แวบหนึ่งผมเห็นภาพกริชในชุดนักเรียนเพราะถือถุงแบบเดียวกับเมื่อตอนกลางวันเล่นเอาหวิวๆ นึกว่าแผ่นดินกรุงเทพฯ ทรุดอีก
"เราเพิ่งมาได้แปบเดียวน่ะครับ"
"ผมมีของฝากต้นด้วยนะ แต่เดินเล่นกันก่อนละกันนะ"

เราสองคนเดินไปตามทางในสวนผ่านรูปปั้นสีทองกับหินแกะสลัก ตรงลานทรายมีชิงช้าด้วย เห็นแล้วอดไกวเล่นไม่ได้แต่ผมต้องหยุดมือเพราะกริชยืนขำ ขำอะไรเล่า?
บรรยากาศเย็นๆสบายดี ตอนนี้สองทุ่มฟ้ามืดแล้วแทบไม่มีคนอื่นในสวนเลย กริชเดินช้าๆ ไปเรื่อยเหมือนจะหาที่นั่งเหมาะๆ จนถึงลานโค้งข้างสระน้ำ
"ทานขนมมั๊ยต้น? อันนี้ของขึ้นชื่อเมืองเพชรเลยนะ"
เขาแกะขนมพลางนั่งลงริมน้ำ ผมนั่งลงข้างๆ ชิดกับกริช เขาหันมาอมยิ้ม "ต้นเป็นอะไรหรือเปล่า?"
"ทำไมเหรอครับ?"
"วันนี้ดูอ้อนเป็นพิเศษนะ"
"ฮะฮะ ก็เราคิดถึงกริชนี่ครับ" ผมอยากจะแบ่งเบาความทุกข์ของเขาแต่ตัวผมกลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
"ผมก็คิดถึงต้น อยากอยู่กับต้นทุกวัน ครั้งที่เรานั่งดูท้องฟ้าด้วยกันคราวนั้นผมมีความสุขมากนะ"
กริชหยิบซองกระดาษใบใหญ่ออกมา "ต้นหลับตาแปบนึงนะ.....แล้วเราสองคนจะไปบ้านเกิดของผมด้วยกัน"

ผมหลับตา ปล่อยให้อ้อมแขนเขาโอบไหล่ผมไว้ "ลืมตาได้ละ"
ภาพถ่ายใบใหญ่ชูอยู่ตรงหน้า เป็นภาพพระอาทิตย์ลับทิวเขาเหนือแอ่งน้ำใหญ่
"สวยมั๊ยต้น? พระอาทิตย์ตกดินที่แก่งกระจาน ผมถ่ายเองกับมือเลยนะของจริงสวยกว่านี้อีก"
ผมเงยหน้ามองกริชสลับกับรูปตรงหน้า ตาเขาใสเป็นประกายเวลาบรรยายถึงบ้านเกิด
....ภูเขา ผืนน้ำ ป่าทึบ....กริชไม่ลืมสิ่งที่ผมเคยพูดตอนอยู่ที่ท้องฟ้าจำลอง

"เอาล่ะ ย้ายไปหาดเจ้าสำราญกันบ้าง ที่นี่ขึ้นชื่อนะต้นเคยไปมั๊ย?" ผมส่ายหน้า ไม่เคยไปเลยทั้งสองที่ เพิ่งรู้วันนี้นี่แหละว่าอยู่เพชรบุรี
"กริชถ่ายเองเหรอครับ?"
"อืม ยืมกล้องของพ่อมาน่ะ ผมอยากถ่ายเองจะได้เหมือนนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมๆ กับต้นไง"
"แล้วสองที่นี่อยู่ใกล้กันเหรอครับ?"
"ไกลพอสมควรเลยล่ะ"
"งั้นที่กริชขึ้นรถทัวร์ช้า...."
"แหะๆ โดนจับได้ซะแล้ว ผมมัวแต่รอถ่ายพระอาทิตย์ตกดินที่หาดเลยขึ้นรถทัวร์ซะค่ำเลย"
"ข...ขอโทษนะครับเพราะเรา ทำให้กริชต้องลำบาก" ผมจับมือเขาที่กุมไหล่ผมไว้ อยากขอโทษกริชที่ต้องลำบากเพื่อผมขนาดนี้
"ไม่ลำบากหรอก ถ้าต้นชอบนะผมทำให้ได้เสมอ บอกแล้วไงว่าจะเก็บตะวันเมืองเพชรมาฝาก"
กริชเก็บยื่นรูปถ่ายทั้งสองใบลงซองให้ผมรับมาถือไว้ ภายในนี้นี่คือส่วนหนึ่งจากบ้านเกิดของเขาที่ต้องการมอบให้ผม
"ขอบคุณครับ" เสียงที่แผ่วเบาที่สุดของผมแต่กริชคงได้ยิน เขาบีบมือผมแน่นขึ้น

"ลมเริ่มแรงแล้วล่ะหนาวด้วย ต้นอยากไปเที่ยวที่ไหน หรืออยากดูหนัง?"
"ไม่เอาหรอกครับ เราไม่ค่อยมีตังค์"
"ผมเลี้ยงเอง เจ้าหัวเม่นตัวกระเปี๊ยกเดียวแค่เนี้ยเลี้ยงไหวอยู่แล้ว" แน่ะ! ขยี้หัวอีกละ
"สูงตั้ง 170 แล้วนะ ไม่ได้ตัวกระเปี๊ยกนะครับ" กริชนั่งขำที่เห็นผมพยายามปัดผมให้เข้าที่

"ต้น....ต้นไม่ต้องสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้นะ"
"หมายความว่ายังไงครับ?"
"ก็คำว่า ครับ นั่นไง"
"ฮะฮะ ก็กริชอายุมากกว่าผมนี่ครับ" ผมพยายามขำแต่เขาไม่ขำด้วยแฮะ
"ตอนนี้ต้นไม่ได้ทำงาน....อย่างนั้นแล้วนะ ต้นไม่จำเป็นต้องสุภาพกับผมก็ได้"
"เราไม่ได้ลำบากใจนะกริช เราชอบกริชจริงๆ อยากอยู่ใกล้ๆ กริชตลอดเวลาเลยนะครับ"
"จริงๆ นะ!?" กริชยิ้มกว้าง ผมชอบหน้าเขาเวลานี้ที่สุด
"ผมดีใจนะที่คืนนี้เราได้คุยกันได้เข้าใจมากขึ้น จริงๆ แล้วผมก็ชอบนะเวลาต้นพูดแบบนั้น รู้สึกเหมือนเราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเลย"

....ประโยคสุดท้ายทำเอาผมใจเต้นแรง....อาจจะแรงจนกริชรู้สึกได้

อะไรบางอย่างกำลังกระตุ้นให้ผมเอ่ยปาก ...เพราะสิ่งต่างๆ ที่เขาทำเพื่อผม ....เพราะลมหนาวที่พัดมาให้รู้สึกว่าอ้อมแขนเขาอุ่นขึ้น...
หรือเพราะความเจ็บปวดที่กริชได้รับทุกวัน ความเศร้าที่ผมได้สัมผัสยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ผมปล่อยให้เขารอมาตลอด
ก่อนที่ผมจะหลอกเขามากไปกว่านี้เขาควรจะรู้จากปากผมเอง....
"กริชครับ"
"หืม?"
".....ถ้าเรา...." ผมบีบมือเขาแน่น ขอความกล้าให้ผมสักนิดเถอะนะกริช ให้ผมกล้าเอ่ยปากพูดสิ่งนี้
ผมมันโง่คิดแต่เรื่องจะขอโทษด้วยเหรียญทอง...สิ่งที่กริชต้องการอาจไม่ใช่คำขอโทษแต่เขาควรได้รับรู้ว่าผมคนนี้พร้อมแล้วที่จะร่วมแบ่งปันความทุกข์ของเขา
....จะไม่ปล่อยให้เขาว้าเหว่อีกแล้ว แม้ว่าเขาจะโกรธหลังจากได้รู้ความจริงในวินาทีต่อจากนี้ก็ตาม
"ต้นมือเย็นจัง เป็นอะไรรึเปล่า?"

กริชจะโกรธผมก็ได้ จะเกลียดผมก็ได้ จะต่อว่าผมก็ยอม....ขอแค่อย่าให้ความคิดโง่ๆ ของผมต้องทำร้ายกริชอีกเลย...
ไม่ไหวแล้วคอมันตีบตันไปหมด ....พูดออกไปสิโว้ย! บอกให้เขารู้ไปเลย! ขอความกล้าอีกนิดเดียวให้ผม....

"เรา...เป็นรุ่นน้อง....."

รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อยถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง

เสียงเรียกเข้าของกริชทำเราสองคนผงะ กริชมองหน้าจอเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะรับสายก่อนหรือจะฟังผมพูดก่อน
"ก...กริชรับโทรศัพท์ก่อนก็ได้ครับ" ผมพยายามปั้นหน้ายิ้มให้เป็นปกติทั้งที่ในใจเครียดจะแย่แล้ว ไม่รู้ว่าโมโหหรือโล่งใจที่โทรศัพท์นั้นดังขึ้น
แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้ กริชยังใช้เพลงที่ผมร้องให้เขา
....คงเป็นธุระส่วนตัว....ผมลุกออกให้กริชคุยได้สะดวกแต่เขายิ้มและดึงมือผมไว้
"ไม่ต้องลุกไปไหนหรอก ต้นเป็นคนพิเศษของผมนะ"

"ฮัลโหล กริชได้ยินรึเปล่า?"
"เออๆ ฟังอยู่ มีอะไรเหรอ?"
"นายไม่อยู่บ้านเหรอ? ปิดไฟมืดเชียว"
"เราออกมาเที่ยวกับแฟน" พูดแล้วหันมายักคิ้วให้ผมอีก พูดซะเต็มปากเต็มคำแบบนี้อายนะว้อย!
"เฮ้ย! วันๆ เห็นแต่นายอ่านหนังสือ ไปมีแฟนตอนไหนว้า?"
"บุพเพสันนิวาสเฟร้ย! ว่าแต่อยู่หน้าบ้านเราเหรอ? มีเรื่องอะไรล่ะ?"
"หาอาจารย์ติวได้แล้ว นายรีบกลับมาได้มั๊ยจะได้ตกลงกันคืนนี้เลยเดี๋ยวใครแย่งตัวไป"
"เหรอ? เออๆ เดี๋ยวเรารีบไป อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกัน" กริชวางสายแล้วถอนหายใจ อาจารย์ติวอะไร?

"ขอโทษนะต้น กะว่าจะบอกต้นแล้วแต่เพื่อนผมดันโทรมาก่อน นี่ต้องรีบกลับบ้านอีก"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่มีเรื่องอะไรเหรอฟังดูเร่งรีบจัง?"
"ผมกับเพื่อนรวมกันจ้างอาจารย์ติวน่ะ เตรียมสอบโควต้าจุฬาปลายเดือนหน้า อาจารย์ดีๆที่รับติวตามบ้านหายากมาก
ผมต้องรีบกลับไปคุยกับเพื่อนแล้วนัดวันคืนนี้เลยไม่งั้นโดนคนอื่นแย่งแน่"
"ก็ดีน่ะสิครับ ถ้าได้โควต้าก็ไม่ต้องเครียดเรื่องสอบเอ็นท์ฯ" แต่หน้าตาเขากลับดูกลุ้มใจ
"ดีน่ะมันก็ดีอยู่หรอกแต่....."
กริชเอนหลังลงบนพื้นปูน "กลุ่มผมสี่คนตกลงกันว่าจะค้างติวที่บ้านผมตลอดจนกว่าจะสอบเลยน่ะสิ"
"โห! ตั้งใจขนาดนั้นเลย"
"อืม สำหรับม.6 การเอ็นท์ฯมันเครียดมากนะ เหมือนฟางเส้นสุดท้าย ผมไม่รู้จะทำยังไงตอนเอ็นท์ฯ ครั้งนี้ ....ยิ่งผ่านเรื่องนั้นมา...."

ผมกุมมือเขาไว้ ในแววตาเขายังมีความเจ็บปวดจากหนึ่งปีก่อนซ่อนอยู่ ความเจ็บกับเวลาหนึ่งปีที่เสียไปมันไม่มีวันลบลืมได้
"ผมเอ็นท์ฯไม่ได้จุฬามาสองครั้งแล้ว ผมทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ถ้าโควต้าครั้งนี้ไม่ติดผมไม่รู้ว่าจะ---"
"เราเข้าใจครับ การสอบครั้งนี้คงสำคัญมาก"
"ตลอดช่วงนี้ผมคงไม่ได้เจอต้นแบบนี้อีก ต้นจะเหงามั๊ย?"
"ฮะฮะ แค่เดือนกว่าๆ เองเราไม่เหงาหรอก ว่าแต่กริชเหอะ..."
.........
.........
"ต้น..."
.........
.........
เขาลุกขึ้นมานั่งซบหน้ากับหัวเข่า "....ผมเหงา ไม่มีใครที่ผมจะคุยด้วยได้เลย"
ก่อนจะทันตั้งตัวกริชก็กอดผมไว้แน่น "ไม่มีใคร....ไม่มีใครเข้าใจผมสักคน! ผมเป็นเด็กซ้ำชั้นคนเดียวในโรงเรียน มีแต่คนถามว่าทำไมๆ......"
กริชยิ่งกอดแน่นขึ้น "กับพ่อแม่ผมยังพูดเรื่องนี้ไม่ได้เลย...ไม่มีใครที่เข้าใจผมจริงๆ ผมบอกใครไม่ได้เลย....นอกจากต้น...กับ...."
".....กับพี่สิงห์ใช่มั๊ยครับ?"

ในโลกนี้มีแค่ผมกับพี่สิงห์ที่เข้าใจความรู้สึกของกริช แต่กริชไม่สามารถพบเขาได้อย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว....ช่างเป็นโลกที่ว้าเหว่เหลือเกิน

"ข...ขอโทษนะต้นที่ผมพูดถึง..."
"ผมไม่หึงหรอกครับที่กริชคิดถึงพี่สิงห์ เราเองยังอยากเจอพี่เขาเลย"
ผมยิ้มให้กริช ถ้าสิ่งที่เขามอบให้พี่สิงห์คือน้ำตา สิ่งที่ผมจะให้กริชคือรอยยิ้มแม้มันจะสมานแผลใจนั้นไม่ได้
ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเจอพี่สิงห์ อยากเล่นบาสด้วยสักครั้ง ผมไม่รู้หากเจอพี่เขาจริงๆ ผมจะรู้สึกยังไงแต่ผมก็นับถือจิตใจของพี่เขาและไม่หวงกริชเลย
"ไม่หึงเหรอ? หึงผมหน่อยสิ?" ....เวลาจะอ้อนใครน่ะเช็ดน้ำตาออกก่อนดิ มองหน้าแล้วปรับอารมณ์ตามไม่ทัน....
"ไม่หึงหรอกครับ จริงๆ นะ"
"เพื่อนผมที่จะติวด้วยกันนี่ก็ผู้ชายหมดเลยน้า ต้นไม่หวงไม่ห่วงผมเลยเหรอ?"
"หวงกริชครับ แต่ห่วงเพื่อนกริช"
"หมายความว่าไงเจ้าเด็กทะเล้น! มาให้เตะก้นซะดีๆ!"

ผมก็วิ่งหนีสิครับ จนกริชไล่กอดหลังผมได้ตรงเกือบถึงประตูทางออกนั่นแหละ ตัวอุ่นๆ ของเขาที่กอดรัด เสียงหัวเราะเสียงหอบและเสียงหัวใจที่เต้นแรง
"ผมต้องคิดถึงต้นมากแน่ๆ ต้น....อย่าทิ้งผมไปไหนนะ"
"พูดยังกับจะไปต่างประเทศ ยังไงเราก็ยังใกล้ๆ กริชนี่แหละครับ" ....ใกล้กว่าที่คิดซะอีก ใกล้มากๆ เลยด้วย
"เพื่อนผมอยู่เต็มบ้านตลอด เสาร์อาทิตย์ก็ค้างที่บ้านด้วย จ้างอาจารย์ตั้งสามคนแน่ะ เราคงไม่ได้เจอกันแบบนี้อีกจนกว่าจะสอบเสร็จ"
"โทรคุยกันก็ได้ครับ ตอนนี้เป็นเวลาสำคัญของกริช เราเป็นกำลังใจให้กริชนะครับ"
"อืม ขอบใจนะต้น"
"กริชรีบกลับบ้านเถอะครับเดี๋ยวเพื่อนจะรอ"

ลมหนาวเริ่มพัดแรงเหมือนจะพรากใครสักคนไปจากมือของอีกฝ่ายที่เกาะกุมไว้....แต่ผมจะอยู่กับกริชเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น....อะไรก็ตาม...
เราสองคนเดินออกจากสวน สถานการณ์ไม่เป็นใจให้ผมสารภาพซะแล้ว ผมไม่แน่ใจว่ากริชจะมีปฎิกิริยายังไง ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับกริชซะด้วย
ถ้าได้โควต้ากริชจะได้ลืมความทุกข์เสียที อีกเดือนกว่าๆ เท่านั้นผมรอได้ ตอนนี้ถึงคราวที่ผมจะต้องอดทนบ้าง
"กริช แล้วสอบวันไหนรู้หรือยังครับ?"
"ผมสอบวันเสาร์ที่ 28 เดือนหน้าน่ะ"

ฟิ้วๆๆ...วันเสาร์ที่ 28....เหอๆ....ล้อเล่นใช่มั๊ย....วันนั้นมัน.....

"ต้น....เมื่อกี้ที่คุยค้างอยู่น่ะ ต้นบอกว่าเป็นรุ่นน้องอะไรนะผมฟังไม่ถนัด?" กริชมองมาที่ผมกลางสายลมหนาวที่พัดกระหน่ำ ตายๆๆ ดันจำได้อีก....เมื่อกี้ไม่น่าพูดไปเลย
"เราหมายความว่า...เรา..."
ตอนนี้ผมอยากมีร่มสักคันจะได้ลอยไปตามลมเหมือนแมรี่ ป๊อปปิ้นส์
"....เรา...อยากเป็นรุ่นน้องกริชสักวันน่ะครับ" ....กลิ้งๆๆ กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้....
"ต้นหมายความว่า....จริงๆ เหรอ?!! ต้นตกลงแล้วใช่มั๊ย?!! จะไปเที่ยวโรงเรียนผมจริงๆ ใช่มั๊ย?!!" ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้
"ครับ....แต่กริชต้องสัญญาว่ากริชจะต้องตั้งใจสอบนะ แล้วเย็นวันเสาร์นั้นเราจะไปโรงเรียนกริชนะครับ"
"ดีเลย วันนั้นกีฬาสีวันแรกด้วยนะต้น ผมสอบเสร็จราวๆ บ่ายสามยังทันดูกีฬานะ คนนอกเยอะแยะต้นเดินในงานได้สบายเลย รับรองต้นต้องชอบโรงเรียนผมแน่ๆ!"

....ชอบเดะ เรียนมาถึงม.4 แล้วนี่ แต่ตอนบ่ายๆ น่ะผมคงกำลังแข่งบาสอยู่นะ.....

"ขอเป็นช่วงหัวค่ำละกันนะครับ ช่วงบ่ายผมไม่ว่าง" ผมยิ้มเจื่อนๆ พยายามต่อรองหาทางออกสุดท้ายให้ชีวิต
"ได้ๆ ตกลงแล้วนะ! ต้นอย่าเบี้ยวนะ! แบบนี้ผมสู้ขาดใจเลย!"

ตอนที่ 48

............
เฮ้อ......
.....
คิดแล้วก็.....เฮ้อ......
....
ดูปฎิทิน............เฮ้อ......
.....
เห็นเชียร์ลีดเดอร์แล้วก็.....เฮ้อ......
....
มองแป้นบาสแล้วยิ่ง......
"
เฮ้อ....."
"
เฮ้ย! ไอ้เม้งมรึงมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?" เจือกมานั่งเฮ้อๆ รดต้นคอตรูอีก
"
ก็ตั้งแต่มรึงถอนหายใจครั้งที่สามนั่นแหละ เป็นอะไรอีกล่ะวันนี้?"
"
กรูกลุ้มใจก็ถอนหายใจดิวะ หรือจะให้กรูถอนสายบัวเลย"
"
โหย! มุข N - O แล้วก็ O - K.....เก่าแสรดดดด อย่าไปเล่นมุขนี้กับใครนะเดี๋ยวเขานึกว่ามรึงอายุ 30"

จะไม่กลุ้มได้ไงตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว จากทีแรกตั้งใจจะเอาเหรียญทองเพื่อกริชแต่กลายเป็นว่าผมนัดเจอเขาในเย็นวันแรกของกีฬาสี
แน่นอนว่าตอนนั้นบาสชายม.ปลายยังแข่งไม่จบแหงๆ ....ยังไงก็เถอะผมตั้งใจแล้วว่าวันนั้นผมจะบอกความจริง.....แต่ไม่มีเหรียญนี่สิ......
"
เฮ้อ..."
"
ขอบใจเม้ง ช่วยกรูประหยัดแรงถอนหายใจได้เยอะเลย"

ผ่านมาได้เกือบสามสัปดาห์แล้ว มีแค่บางคืนที่ได้โทรคุยกับกริชแต่ก็แค่สั้นๆ อย่างน้อยผมก็ดีใจที่เขามีเพื่อนอยู่รอบตัวตลอดเวลา
ผมนึกถึงคำที่กริชเคยพูด "....อิจฉาเพื่อนต้นจัง ได้อยู่กับต้นตลอดเวลาเลย....." ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าเขารู้สึกยังไง อีกไม่นานความรู้สึกนี้ก็จะจบลง
แต่จบแบบไหนผมก็ไม่รู้ จะคิดมากไปก็เท่านั้น
บางทีชีวิตคนเรามันเหมือนเจ้าลูกบาสในมือนี้....ทำใจให้ว่าง มุ่งมั่นกับของตรงหน้า คิดว่าแป้นบาสมันกว้างมาก แล้วก็ชู๊ต.....
เมื่อทำให้สุดความสามารถ มองโลกในแง่ดีนิดหน่อยแล้วที่เหลือก็ปล่อยให้โชคชะตาทำงานของมันไป คนเราคาดหวังให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่หวังไม่ได้หรอก

"
อะแฮ่ม! เป็นสามคะแนนที่เจ๋งมาก ....แต่นี่วิชาตะกร้อนะ!"
".....
แหะๆ ขอโทษคร้าบอาจารย์"
ดูเหมือนเรื่องที่ต้องทำสุดความสามารถในตอนนี้คือซ้อมเดาะตะกร้อสามสิบทีก่อนไม่งั้นตกวิชาพละแน่
พอจบคาบพละก็ต้องรวบรวมลูกตะกร้อมาใส่รถเข็นไว้สำหรับคาบถัดไป ก็ห้องของเจ้าวิงนั่นแหละ
"
ต้น เห็นอาจารย์เดินมาแล้วนะจะไปยัง?"
"......
เออๆ ไปละ" ผมกวาดตามองรอบสนามอีกทีแต่ก็ไม่เจอ...

"
เออต้น! ยังไม่เห็นผลการแบ่งสายกีฬาเลย ไหนพี่โจ้บอกว่าจะติดกระดานวันนี้วะ?"
"
อ๋อ.....เออ....คงบ่ายๆ มั้ง ฝากดูด้วยละกันนะเม้ง" อยากไปดูเองแต่คนคงมุงกันเยอะแยะมันเสี่ยงเกินไป เม้งก็พยักหน้าเงียบๆ
.......
.......
"......
เม้ง"
"
หืม?"
"
ขอโทษนะ"
"
ขอโทษเรื่องอะไรวะ?"
"
กรูทำให้มรึงต้องย้ายสีตามกรูมาแต่...."
ปีที่แล้วผมกับเม้งยืนดูบอร์ดและคุยกันได้เป็นวันๆ ว่าเจอสีไหนจะวางแผนยังไง คุยกันได้เป็นวันๆ เลยแต่ตอนนี้ผมได้แต่หลบอยู่ในห้อง
"
ถ้ามรึงยังอยู่สีเขียว มรึงคงสนุกมีเพื่อนคุย----โอ๊ย!!!" ตบหัวตรูทำไมวะ! แต่มันหัวเราะชอบใจใหญ่
"
กรูตบให้นิสัยห่วงแต่คนอื่นกระเด็นออกจากหัวมรึงไง ต้นมรึงคิดว่ากรูอยู่กับมรึงเพื่อความสนุกเหรอวะ?"
"
แล้วเพื่ออะไรล่ะ?" ผมมองตามัน
"
เออ...ฮะฮะ! ไม่รู้ว่ะ"


ทานข้าวเที่ยงเสร็จเม้งก็ไปดูบอร์ดที่โรงยิมซึ่งคนมุงเยอะเหมือนทุกปี ผมซื้อขนมโมจิถุงนึงกลับมากินแก้เครียดที่ห้องระหว่างรอฟังผล
และสาหร่ายซองที่เม้งชอบกินอีกสองซองเป็นของง้อมัน พอเดินขึ้นบันไดมาก็เจอเจ้าวิงกระเป๋านักเรียนกำลังเดินขึ้นตึกพอดี
"
วิง เมื่อเช้าไปไหนมา? เพิ่งมาเหรอเนี่ย?"
"
หวัดดีต้น เราเป็นหวัดนิดหน่อยเลยไปหาหมอน่ะ แล้ววันนี้พละสอนอะไรบ้างเหรอ?"
"
วันนี้ซ้อมเดาะตะกร้ออย่างเดียว นายเป็นอะไรมากมั๊ย?" เอามืออังหน้าผากมันก็ไม่ร้อนนี่นา
"
เฮ้ย! ต้นอย่าใกล้เรามากเดี๋ยวนายไม่สบายไปด้วย"
"
ฮะฮะ คนบ้าน่ะไม่เป็นหวัดหรอก อย่าห่วงเลย"

"
มาทำอะไรประเจิดประเจ้อตรงบันไดวะ?" เม้งพาหมาในปากมาเดินเล่น
"
วิงมันไม่สบายว้อย เอาสาหร่ายไปกินแก้เหงาปากซะมรึง"
"
นายไม่สบายเหรอวิง?"
"
อืม แต่ดีขึ้นแล้วล่ะ เม้งจะไปเล่นบอลเหรอ?"
ในมือเม้งมีลูกบอลพลาสติกใหม่เอี่ยมสินค้า OTOP อีกอย่างประจำโรงเรียนนี้ ลูกบอลพลาสติกที่ไม่ชอบพุ่งเข้าโกล์แต่พุ่งขึ้นไปค้างบนหลังคาตึก
"
ซื้อมาเล่นกับไอ้ต้นน่ะ" .....เม้ง...เพื่อนที่แสนดี....
"
วันๆ มันเก็บตัวอยู่แต่ในห้องจนน้องชายหมกมุ่น" ....ขอถอนคำพูดได้ไหม....
"
ต้นเป็นน้องคนสุดท้องไม่ใช่เหรอ?" หัวเราะกลบเกลื่อนไปก่อน อย่าให้บอลเข้าเท้าตรูเชียว
"
งั้นเราไปเล่นบอลละนะใกล้จะหมดพักเที่ยงแล้ว เออ..ว่าแต่จะทำไงกับโมจิดีล่ะเนี่ย?"
"
เก็บไว้กินในห้องดิ กรูจะได้กินด้วย"
"
ไม่เอาเดี๋ยวมดขึ้น กินมดหนึ่งตัวโง่ไปเจ็ดวันนะมรึง"
"
วิงเอาไปกินต่อทีดิ เราเพิ่งกินชิ้นเดียวเอง" ผมไม่รอมันตัดสินใจ จับยัดใส่มือเลยจะได้ไม่ต้องถามเรื่องน้องชายอีก
"
ขอบใจนะต้น แล้วเย็นนี้เราไปหาที่สนามบาสนะ"
"
ได้ๆ แล้วตอนนี้นายหายดีแน่นะ?"
"
อืม" เจ้าวิงตอบสั้นๆ แล้วเดินขึ้นบันไดไป ผมก็ยังอดห่วงนิดๆ ไม่ได้เพราะเห็นมันคลำหน้าผากป้อยๆ สงสัยจะปวดหัวมั้ง

"
ตกลงทีมเราได้บายมั๊ยเม้ง?"
"
ตรงกันข้ามเลยว่ะ ต้องแข่งตั้งสามรอบแน่ะ"
เม้งเขี่ยบอลไปมา เล่นหลังตึกเรียนแบบนี้เสียงดังมากไม่ได้ไม่งั้นเจออาจารย์ด่าแน่ ดีที่ยังอยู่ในช่วงพักเที่ยง
"
แล้วนัดแรกเจอสีอะไรเหรอ?"
"
สีม่วง แข่งวันพฤหัสหน้านี่แหละ"
"
แล้วครั้งต่อไป?"
"
ต่อไปเจอสีเหลืองว่ะแข่งวันที่สองของกีฬาสี ส่วนรอบชิงแข่งวันที่สาม" ....เหอะ สงสัยกรูจะตายตั้งแต่รอบสอง....

ก็ยังดีที่ครั้งแรกไม่ได้เจอสีเขียวของเม้งหรือสีฟ้าของเจ้าวิง ผมล่ะไม่อยากเห็นใครทำหน้าเศร้าเลย
"
ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว เดี๋ยวเจอเบิร์ดกระโหลกอีกหรอก" เผียะ!
"
ไอ่แสรดดด คำว่าเดี๋ยวของมรึงมันแปลว่าเดี๋ยวนี้เรอะ!" บงบอลไม่ต้องเล่นแล้ว เล่นจี้เอวไอ้เม้งแทนละกัน
"
เหงื่อเต็มเลยเข้าห้องไม่ได้แน่ ไปนั่งพักก่อนเหอะต้น"
"
ก็ดีเหมือนกัน"

ผมเอนตัวลงนอนบนหญ้าใต้ร่มเงาต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ปกติคงโดนอาจารย์มาไล่แน่แต่ใกล้ช่วงกีฬาสีมีคนทำกิจกรรมกันเยอะแยะ ตรงไหนพอจับจองที่ได้
ก็จะมีคนอยู่ไปหมด ด้วยประสบการณ์ในโรงเรียนสามปีทำให้รู้จักมุมลับตาสุดๆ นอนเอกเขนกได้สบาย อย่าว่าแต่กริชเลย อาจารย์ก็ยังหาไม่เจอ
"
ไม่ได้ทำแบบนี้นานแล้วว่ะต้น"
"
อืม....จำได้มั๊ยตอนม.2 เจอรองผอ.เรียกไปสวดยับเลย"
"
มรึงน่ะเจือกชวนกรูโดด แถมเสล่อไปนั่งให้'จารย์เห็นอีก"
"
วันแรกมีแต่จดจุดประสงค์การเรียนรู้ จดไปก็ไม่ได้อ่านอยู่ดีแหละ"
เม้งนอนเอามือหนุนหัวอยู่ข้างๆ จ้องมองไปต้นไม้ข้างบน "บางกิ่งมันเริ่มออกดอกแล้วล่ะ"

อีกไม่กี่เดือนต้นนี้จะออกดอกสีชมพูเต็มต้นสมชื่อ เป็นสัญญาณของฤดูหนาวและเป็นช่วงเวลาที่โรงเรียนจะสวยที่สุด
ผมฝันจะเดินกับกริชผ่านต้นไม้ประจำโรงเรียนนี้คงบรรยากาศดีสุดๆ
"
คงจะได้เห็นพร้อมกับมรึงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วว่ะต้น"
ผมเด้งตัวขึ้นทันที "แสรด พูดอะไรไม่มงคลเลยมรึง"
"
กรูหมายถึงปีหน้าไม่มรึงก็กรูคงได้เข้ามหาลัยตะหาก มรึงคิดมากเกินไปรึเปล่า? นอนลงมาดิเดี๋ยวอาจารย์เห็น" ...เออวุ้ย! ลืมตัว....
"
ไม่รู้ล่ะ ห้ามพูดแบบนั้นอีก"
แต่ไอ้เม้งก็ยังขำได้ "เพราะแบบนี้แหละกรูถึงได้เป็นเพื่อนมรึงไง"
เสียงออดดังแล้ว นักเรียนส่วนใหญ่ทยอยเข้าห้องแต่พวกสต๊าฟกีฬาสียังทำกิจกรรมซ้อมเชียร์ต่อไป
".....
ขึ้นคาบห้าแล้วนะเม้ง มรึงจะโดดเหรอไอ้เลว?"
"
ว่าแต่กรู มรึงยังไม่ยอมลุกเลย"
.......
.......
"
ต้น โดดกันเหอะ"
"
ไม่ต้องบอกกรูก็โดดอยู่แล้วนี่ไง โดดครั้งสุดท้ายแล้วต่อไปต้องตั้งใจเรียนนะไอ้เม้ง"
"
ลอกคำพูดพ่อเรามาเลยนะเนี่ย"
ไหนๆ ก็ว่างตั้งคาบนึงเราเลยคุยเรื่องสมัยม.ต้นไปเรื่อยๆ จากนั้นก็นอนดูแสงที่ส่องลอดร่มไม้เงียบๆ
เม้งคงคิดเหมือนผม เมื่อตารางแบ่งสายออกมาแล้วการฝึกต้องหนักขึ้นแน่ทั้งตอนเย็นและเสาร์อาทิตย์ ไหนจะเรื่องเตรียมตัวเอ็นท์ฯ
ถ้าใครสักคนหรือเราทั้งสองคนเอ็นท์ฯได้ก็คงไม่ได้โดดมานอนใต้ต้นไม้ประจำโรงเรียนแบบนี้อีกแล้ว
......
......
"
ต้น กรูขออะไรอย่างนึงได้มั๊ย?"
"
อย่าขอหมอนของกรูละกัน กรูหวง นอนมาตั้งแต่เด็กๆ"
"
มุขโบราณอีกแล้วมรึง ....ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน....อยากรู้จริงๆ นอกจากกรูแล้วใครจะรับมุขมรึงได้"
"
แล้วตกลงจะขออะไรล่ะเม้ง?"
"
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมรึงต้องแข่งบาสกับกรูครั้งนี้นะ"
เม้งพูดทั้งที่หน้ายังแหงนมองขึ้นไปบนยอดไม้ เหมือนมันพยายามมองว่าจะเกิดอะไรที่ทำให้เราสองคนไม่ได้แข่งกีฬาสีด้วยกันได้บ้าง
"
ขออะไรประหลาดๆ"
"
เห็นมรึงพยายามหลบหน้าใครคนนั้นมานาน ไม่รู้สิ....อาจจะมีเรื่อง....กรูกลัวจะไม่ได้เล่นบาสกับมรึงนะต้น"
"...
ขอบใจนะ..."

จริงๆ ผมก็กลัวจะไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ แต่พอเม้งพูดแบบนี้ทำให้ความกลัวลดลงไปได้อย่างประหลาด
"
คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ชมพูพันธุ์ทิพย์ออกดอกเร็วแบบนี้น่าจะเป็นลางดีว่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อช้างไม้มาถวายศาลพระภูมิด้วยดีกว่า"

ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้วว่าตั้งแต่วันนี้ไปพี่โจ้คงให้ซ้อมหนักขึ้นแต่นี่ล่อไปสองทุ่ม ขาแทบจะก้าวไม่ออก
"
ต่อไปเตรียมยานวดกับยาทากันยุงมาด้วยนะทุกคน" ไอ้พี่โจ้จะให้ซ้อมบาสหรือไปเข้าค่ายนรก
"
ต้นเม้ง เลิกแล้วเหรอ?"
"
วิงนายยังอยู่อีกเหรอเนี่ย ดึกแล้วนะ"
"
เราอ่านหนังสือไปด้วยน่ะ ยังไงตอนนี้ที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่"
"
ไปกินแมคกันก่อนมั๊ยแล้วค่อยกลับบ้านกัน?" เม้งเสนอสิ่งที่ไม่สนองกระเป๋าสตางค์ตรูซักเท่าไหร่ แต่ก็ไปอยู่ดี
ต้องรีบกินรีบกลับเพราะร้านแมคก็เป็นร้านยอดนิยมร้านหนึ่งในละแวกโรงเรียน กริชอาจโผล่มาก็ได้
"
ไปละนะต้นวิง พรุ่งนี้เจอกัน" คนอยู่หอใกล้โรงเรียนนี่สบายจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมมันมาสายบ่อยๆ

"
เรากลับบ้านกับวิงนะ" เจ้าวิงทำหน้าเอ๋อๆ เล็กน้อยที่เห็นผมเดินตามมา
"
ต้นกลับอีกทางไม่เร็วกว่าเหรอ?"
"
ดึกขนาดนี้กลับคนเดียวเหงาๆ .....เออแล้วไม่ได้เอากีตาร์มาแล้วเหรอ?"
รถสองแถวแล่นออกตัวด้วยความเร็วกว่าเต่าเล็กน้อย ผมกับวิงขยับหาราวจับเหมาะๆ
"
พรุ่งนี้วันศุกร์เดี๋ยวเราเอามา แล้วต้นฝึกได้บ้างยัง?"
"
ยังเลยไม่ค่อยมีเวลา โทษนะนายอุตส่าห์ซื้อท่ออะไรนั่นให้"
"
ไม่เป็นไร ต้นต้องซ้อมบาสดึกทุกวันนี่นา"
"
แล้วนี่นายหายดียัง?"
"
อืม หายแล้ว"

"
พี่คะ หนูช่วยถือกระเป๋าให้นะคะ" น้องโรงเรียนเอื้อมมือมาที่กระเป๋าเจ้าวิง ท่าทางน้องเขาจะอยู่ม.3
น้องจะรับกระเป๋าผมไปช่วยถือด้วยแต่ผมแกล้งไม่ได้ยิน เจ้าวิงเลยต้องยื่นกระเป๋าให้น้องน่ารักคนนั้นไปเต็มๆ
"
ขอบคุณครับน้อง" ท่าทางมันเก้ๆ กังๆ ตลกดี เจ้าวิงคงรู้ตัวหันมาสบตาผม

(
การคุยกันทางสายตา)
.....
ต้น นายจงใจใช่มั๊ย?....
.....
ปล๊าววววววว.....
....
เปล่าแล้วยิ้มทำไม....
....
ยิ้มอิจฉาคนเสน่ห์แรงน่ะ....

มันเถียงด้วยสายตาไม่ได้เลยหันหลบไป ผมก็จ้องๆๆ รอเจ้าวิงก็หันมา สักพักมันก็หันมาจนได้
.....
ไอ้วิงหื่น น้องม.ต้นก็ไม่เว้น.....
.....
ไม่ได้คิดอะไรว้อย....
.....
แล้วหน้าแดงทำมายย....

รถวิ่งมาเรื่อยๆ จนถึงตลาดสดเราสองคนถึงได้ลงรถ
"
ร้ายนะต้น"
"
พูดเรื่องอารายยยย"
"
ฝากไว้ก่อนเถอะ" อาฆาตแต่ยังยิ้มไม่หุบ หน้าก็ยังแดงนิดๆ .....เจ้าวิงยังคงแกล้งง่ายเหมือนเดิม ตรูนี่เลว

.....
แกร๊บ....แกร๊บ....แกร๊บ.....เสียงเบาๆ เหมือนเสียงถุงพลาสติกยับ

"
วิง ใส่อะไรไว้ในกระเป๋าน่ะ? ได้ยินเสียงแกร๊บๆ ในนั้น"
"
ม...ไม่มีอะไรหรอก จะสามทุ่มแล้วต้นรีบกลับบ้านเถอะเดี๋ยวรถสองแถวหมด"
"
เออจริงด้วย งั้นเราไปก่อนนะวิง พรุ่งนี้เจอกัน"

ความสนใจเรื่องเสียงประหลาดนั่นถูกกลบหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อต้องแวะร้านสังฆภัณฑ์ซื้อช้างไม้ 7 ตัวเตรียมไปไหว้ศาลพระภูมิที่โรงเรียน
"
จะเอาช้างพลายกี่เชือก ช้างพังกี่เชือกจ๊ะ?"
"
ช้างพังแล้วจะเอาไปไหว้ได้เหรอครับคุณป้า?"
"
ช้างพังคือช้างตัวเมียน่ะหนู ราคาถูกกว่า 1 บาท" ....ความรู้ใหม่....
"
แล้วต่างกันยังไงเหรอครับ?"
"
ช้างตัวเมียก็ไม่มีงาไง" ว่าแล้วป้าก็หยิบตุ๊กตาช้างพลายมาดึงงาออกกลายเป็นช้างพัง ....ความรู้ใหม่อีกแล้ว วิธีแปลงเพศช้างต้องตัดงาออก....
"
เอาแบบไหนก็ได้ครับ เอาเจ็ดตัวครับ"
"
จะเอาตัวผู้ตัวเมียกี่ตัวล่ะ มันไม่ครบคู่นะ" ....ความรู้ใหม่อย่างที่สาม ซื้อตุ๊กตาช้างต้องวางแผนครอบครัวให้ดี
ดูบันทึกคะแนน
   GGonfire พลังน้ำใจ +15 Zenny +250 กระทู้นี้ยอดเยี่ยม!

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
27850
พลังน้ำใจ
153548
Zenny
157269
ออนไลน์
26487 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3110
พลังน้ำใจ
23893
Zenny
7088
ออนไลน์
1524 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
10459
พลังน้ำใจ
58542
Zenny
2115
ออนไลน์
5205 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

โพสต์
511
พลังน้ำใจ
5904
Zenny
86
ออนไลน์
217 ชั่วโมง
ขอบคุณครั

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
4661
พลังน้ำใจ
34976
Zenny
11631
ออนไลน์
1515 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
42003
พลังน้ำใจ
213341
Zenny
84080
ออนไลน์
15281 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
4935
พลังน้ำใจ
36985
Zenny
38999
ออนไลน์
4650 ชั่วโมง

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
12760
พลังน้ำใจ
84555
Zenny
38042
ออนไลน์
13876 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2998
พลังน้ำใจ
19721
Zenny
3822
ออนไลน์
2517 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2580
พลังน้ำใจ
20980
Zenny
1091
ออนไลน์
686 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1360
พลังน้ำใจ
10206
Zenny
6286
ออนไลน์
885 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
5393
พลังน้ำใจ
26473
Zenny
60336
ออนไลน์
5462 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลิน

ชื่อ Saint ฮะ~ ถ้าเรียกชื่อไม่ถนัด งั้นเรียกที่รักก็ได้ครับ 5555

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
772
พลังน้ำใจ
11774
Zenny
902
ออนไลน์
884 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-4-29 14:50 , Processed in 0.138078 second(s), 29 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้