จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 2311|ตอบกลับ: 51
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

รักในสายฝน...

  [คัดลอกลิงก์]

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3055
พลังน้ำใจ
26753
Zenny
15776
ออนไลน์
2480 ชั่วโมง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย mon-mon เมื่อ 2020-12-23 21:42

     ท้องฟ้ายามนี้กลายเป็นสีเทาหม่น สายฝนสาดซัดลงมาอย่างไม่ขาดสายตกต้องหลังคาเสียงดังซู่ซ่า ลมกรรโชกแรงพัดพาเอาละอองฝนเข้าบ้านมาวูบใหญ่ เสียงน้ำฝนที่ร่วงลงมาจากหลังคาหยดลงในกาละมังที่รองไว้ดังเปาะแปะ ดีที่ก่อนย่างเข้าหน้าฝนเขาขึ้นไปซ่อมแซมหลังคามาบ้างแล้วจึงไม่ค่อยหยดสักเท่าไหร่ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ ถ้าฝนไม่ตกลงมาก็คงไม่รู้ว่ามันรั่วที่ไหนก็คงจะเหมือนกับปัญหานั่นแหละ ต้องรอจนกว่าจะเจอกับตัวเองถึงได้รู้ว่ามันสาหัสแค่ไหน
     หนุ่ม ถอดเสื้อเชิ้ตตัวเก่า ๆ ที่ใส่เป็นประจำจนซีดจางแทบมองไม่เห็นว่าเดิมมันเป็นสีอะไรออก เหลือเพียงกางเกงยีนลูกฟูกตัวเก่งเพียงตัวเดียว อวดรูปร่างที่เพรียวแกร่งได้สัดส่วนอย่างคนที่ทำงานใช้แรง เขาพับขากางเกงขึ้นเหนือเข่าเตรียมตัวออกไปดูคันดินขอบบ่อ ถ้าหากฝนตกแรงขนาดนี้นาน ๆ คันดินที่กั้นเกิดอ่อนตัวทลายลงไปเขาอาจต้องสูญเสียปลาทั้งบ่อ
     เขาสวมรองเท้าบูธยางแล้วคว้าจอบพาดบ่าเดินออกจากบ้านไป เขาไม่ได้กลัวฟ้าฝนเลยสักนิด การที่ได้เกิดมาเป็นไอ้หนุ่มภูธรตั้งแต่เล็กแต่น้อย ฝนแค่นี้นับว่าเป็นเรื่องธรรมดา เสียงฟ้าคำรามก่อนที่จะสว่างวาบ ๆ ตามมาด้วยเสียงกัมปนาทกึกก้อง เขาแว่วเสียงอะไรบางอย่างที่แปร่งหู
     หนุ่มพยายามที่จะเงี่ยหูฟังให้ดี หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับดูปกติ คล้าย ๆ กับว่าหูของเขาแว่วไปเอง โชคดีที่เขาเลี้ยงแค่ปลาดุกและไม่ได้เลี้ยงมากมายอย่างบ่อกุ้งของเพื่อนบ้านที่พอเกิดอะไรขึ้นก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว เขาทำแค่พอกินพออยู่ อาจมีเหลือเก็บสะสมไว้บ้างแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นร่ำรวยอะไร
     ฝนตกหนักขนาดนี้บ่อปลาเขาอาจมีปัญหาบ้างเหมือนกัน ประเภทที่ว่าปลาหนีออกนอกบ่ออย่าคิดนะว่าปลาดุกน่ะมันจะอยู่ในบ่อให้คุณเลี้ยงเชื่อง ๆ เหมือนปลาอื่น วันร้ายคืนร้ายฝนตกหนัก ๆ พวกก็นัดกันพาเหรดออกจากบ่อยังกับคนงานสไตรค์ แถกเหงือกออกมาจากบ่อด้วยครีบสั้น ๆ ของมันนั่นแหละ แล้วหาทางหนีไปตามทางน้ำไหลเพื่อที่จะออกไปสู่แหล่งน้ำอื่น
     แต่เรื่องนี้ถือว่าจิ๊บจ๊อยถ้าหากเทียบกับบ่อเลี้ยงกุ้ง แค่ค่า PH ของน้ำเปลี่ยนไปพวกก็พากันลอยหัวแดงเถือก จากเศรษฐีกลายเป็นยาจกมาเยอะแล้ว เรียกได้ว่าเหมือนกับการเสี่ยงดวงเลยก็ว่าได้ ตาดีได้ตาร้ายเสีย แถมมีเรื่องหยุมหยิมมากมาย ไม่เหมือนปลาดุกที่เลี้ยงง่ายไม่ขี้โรคแถมยังราคาคงที่อีกด้วย หนุ่มจึงเลือกที่จะเลี้ยงปลาดุกเพื่อหลีกเลี่ยงการเสี่ยง
     ตั้งแต่พี่ชายแต่งงานไป ภาระที่บ่อทั้งหมดก็ตกเป็นของหนุ่มเพียงคนเดียว ความจริงหนุ่มอยากจะกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยมากกว่าจะมาเลี้ยงปลาแบบนี้ หากแต่ว่าเขาเองไม่มีคนส่ง เพราะว่าพ่อแม่ก็เสียไปหมดแล้วเหลือแต่พี่ชายที่แต่งออกไปอยู่กับภรรยา ถึงจะใช่พี่น้องแต่ว่าก็คล้ายกับเป็นคนนอกมากกว่าเพราะเขาเองก็มีภาระที่จะต้องดูแลครอบครัวของตัวเองที่กรุงเทพฯ ด้วย เรื่องที่จะมาช่วยดูแลบ่อปลาที่เพชรบุรีนี่เป็นอันเลิกคิดไปได้เลย
     สุดท้ายก็เหลือแต่หนุ่มคนเดียวที่ต้องมาดูแลบ่อปลาและบ้านหลังนี้ เขาเคยมีความคิดเหมือนกันว่าจะขายที่และบ้านหลังนี้ เพื่อไปเรียนต่อหรือหางานที่เงินเดือนดี ๆ ทำ แต่ก็ตัดใจไม่ได้เสียทีเพราะหากไม่มีที่และบ้านหลังนี้แล้ว เขาก็ไม่เหลืออะไรเป็นสมบัติติดตัวต่อไปอีก จะต้องกลายเป็นคนตัวเปล่าเล่าเปลือยดังเช่นอีกหลายร้อยคนในกรุงเทพฯ ขณะนี้
     ก็โชคดีอีกอย่างเหมือนกันที่ปีที่แล้วมีคนสมัครทหารกันมากพอดูทำให้หนุ่มไม่ต้องถูกเกณฑ์เพราะรูปร่างอย่างเขาดีหนึ่งประเภทหนึ่งนั่นเชียว เขาจึงไม่ต้องทิ้งบ่อปลาไปรับราชการทหารเหมือนเพื่อนบางคนของเขาที่ยอมสมัครไปเพราะว่าต้องการจะหนีคดีความที่ทำผู้หญิงแถวบ้านท้อง แนวน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้เพราะทำคันดินไว้ค่อนข้างสูง ฝูงปลาดุกผุดขึ้นมาเล่นน้ำฝนกันให้ควั่ก อีกไม่นานเขาคงจะขายมันได้และกะว่าจะพักบ่อสักช่วงก่อนจะลงมือเลี้ยงต่ออีกรุ่น
     ฟ้าแลบแปลบปลาบพร้อมกับเสียงคำรามกึกก้อง คราวนี้หนุ่มได้ยินเสียงอุทานชัด ๆ ชายหนุ่มมองหาที่มาของเสียงจึงพบว่ามีรอยเท้าใหญ่ ๆ ย่ำไปตามดินเลนที่เกิดจากฝนตรงไปยังเพิงที่เขาสร้างขึ้นเพื่อเก็บอุปกรณ์บางอย่างและอาหารปลา มันถูกล้อมไว้ด้วยผ้าใบกันน้ำอย่างหนาบนพื้นซีเมนต์ยกสูง หนุ่มกระชับจอบในมือเตรียมพร้อมกล้ามเนื้อทุกมัดเกร็งเขม็ง เขามองเห็นกระเป๋าเป้ใบเล็ก ๆ และรองเท้าหนังที่เลอะโคลนกองอยู่
     "เอ็งเป็นใคร เข้ามาที่นี่ทำไม" หนุ่มตะคอก ทันทีที่มองเห็นร่างหนึ่งนั่งสั่นเทาอยู่ตรงมุมแห้ง ๆ กลางกองกระสอบอาหารปลาเปล่า ๆ ร่างนั้นสะดุ้งสุดตัวพร้อมทั้งร้องตกใจเสียงลั่น มันคือเสียงเดียวกับที่เขาได้ยินแต่แรกนั่นเอง กระเป๋าเป้สะพายใบเล็กถูกยกขึ้นบังใบหน้าพร้อมคำอ้อนวอน
     "ขอโทษครับ ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวผมจะไปแล้วอย่าทำอะไรผมเลย!!!" น้ำเสียงแฝงแววตื่นตระหนกอย่างยิ่ง หนุ่มค่อย ๆ ลดจอบที่เงื้อเอาไว้ลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไร้พิษภัย
     "ข้าไม่ทำอะไรเอ็งหรอก ว่าแต่ว่าทำไมเอ็งถึงได้ตากฝนมาเปียกมะล่อกมะแล่กเป็นลูกหมาตกน้ำอย่างนี้"
     ด้วยน้ำเสียงที่ทอดเบาลงทำให้ร่างเล็ก ๆ ตรงมุมเพิงค่อยเบาใจ เขาเอากระเป๋าเป้สะพายลงวางทำให้เห็นใบหน้าขาวจัดจนเกือบซีด ผมที่ยาวซอยปรกต้นคอและใบหูที่เจาะใส่หมุดขนาดใหญ่
     "ผม...เอ่อผมชื่อเอี่ยว พอดีผมขับรถหลงทางมาแถวนี้แล้วเกิดน้ำมันหมดพอดี ฝนก็ตกหนักมาก ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเดินลงมาจะขอความช่วยเหลือ" มือของเขาคลำที่ข้อเท้าตัวเอง

     "ผมดันล้มตอนเดินบนสะพาน ข้อเท้าแพลงปวดมากเลยครับ"
     หนุ่มเดินไปดูเอี่ยวใกล้ ๆ ท่าทางหนุ่มหน้าใส ๆ ตี๋ ๆ แบบนี้คงไม่มีพิษภัยอะไร เขาก้มลงดูที่ข้อเท้าแล้วถกขากางเกงขึ้นจนถึงน่อง ข้อเท้าเอี่ยวปูดบวมและแดงช้ำจนน่ากลัว เขากดเบา ๆ มันแข็งและร้อนคงเพราะอักเสบใหม่ ๆ แต่ไม่ยุบหรือบุ๋มลงไปตามแรงกด เอี่ยวร้องซี้ดเบา ๆ
     "ไม่เป็นไรหรอก แค่ซ้นน่ะ สองสามวันก็คงจะหาย" หนุ่มบอก
     เอี่ยวมองหนุ่มที่น่าจะเป็นเจ้าของที่อย่างไม่ใคร่วางใจนัก เรือนร่างเพรียวแกร่งกับใบหน้าที่คมเข้มแบบแขกตามสายเลือดหนุ่มเพชร หนวดเครา   สั้น ๆ ที่ห่างการตัดโกนมาพักใหญ่ยิ่งทำให้ใบหน้าดูดุยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อประกอบเข้ากับผมหยักศกที่ยาวประบ่า เขารู้สึกใจคอไม่ดีเลยที่หนุ่มคนนี้เข้ามาจับขาของเขาเพื่อดูอาการ
     "รถผมจอดอยู่ตรงถนนใหญ่โน่นแหน่ะครับ แต่ผมล็อกเอาไว้แล้วหละ" เอี่ยวบอก หนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วกอดอก หน้าตาเขาดูเคร่งขรึมกว่าเก่าจนเอี่ยวรู้สึกกลัว
     "เอ็งบอกข้ามาตามตรงดีกว่า ว่าเอ็งมาที่นี่ทำไม ที่นี่ห่างจากถนนใหญ่เป็นกิโลเลยแถมไม่มีบ้านใครอยู่ละแวกนี้เลย นอกจากบ้านข้า เป็นไปไม่ได้ที่เอ็งจะผ่านมาเฉย ๆ" เอี่ยวหลบสายตาที่ดุดันลงต่ำ เขากระชับเป้สะพายแนบอก
     มือแข็งแกร่งหักนิ้วทีละข้อดังกร็อกแกร็ก เอี่ยวสยองจนขนหัวลุก รับรองได้เลยว่ามืออย่างนี้บีบคอเขาทีเดียวก็ตายแล้ว กล้ามหน้าอกที่มีไรขน   บาง ๆ พองพะเยิบพะยาบดูน่ากลัว เอี่ยวรีบระล่ำระลักตอบ
     "อย่าครับ ผมไม่ได้เป็นผู้ร้ายจริง ๆ อย่างผมจะไปทำอะไรใครได้เชื่อผมเถอะ"
     "งั้นเอ็งมาที่นี่ทำไม ไหนบอกข้าซิ" หนุ่มกำชับ
     "ไม่งั้นเอ็งก็ออกไปจากเขตบ้านข้าได้"
     "ผมหลงมาจริง ๆ ให้ตายสิครับ ผมไม่โกหกคุณหรอก ดูนี่สิ"
     ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าเงินออกให้ดู ในนั้นมีบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประกันสังคมและอีกสารพัดบัตรที่หนุ่มไม่เคยรู้จักเต็มไปหมด พร้อมด้วยเงินเป็นฟ่อน มีรูปถ่ายของเอี่ยวด้วยหากแต่ว่ามีเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งดูเหมือนจะถูกฉีกออกอย่างรีบเร่งเมื่อไหร่ไม่รู้
     "งั้นเอ็งคงปล้นหรือขโมยใครมา" หนุ่มยังไม่หายกังขา
     "หรือหนีคดี หนีตำรวจ"
     "ปัดโธ่ ผมจะเอาอะไรไปปล้น" เอี่ยวโอดครวญ หนุ่มหน้าดุคนนี้เข้าใจยากจริง ๆ
     "ผม เอ่อ ผมขอแค่พักจนกว่าฝนจะหยุดได้ไหม?" เอี่ยวกัดฟันพูด เขารู้ดีว่าหนุ่มเพชรคนนี้ใจแข็งสมชื่อ ทางที่ดีหนีไปตายดาบหน้าจะดีกว่า
     "ก็ได้ แค่ฝนหยุดแค่นั้นนะ แล้วอย่าคิดว่าข้าจะไว้ใจเอ็งล่ะ"
     หนุ่มสำทับก่อนที่จะหยิบจอบที่วางพิงกระสอบอาหารปลาไว้ เขายืนกอดอกพักเท้าอิงขอบประตูมองดูอาคันตุกะแปลกหน้าอย่างไม่วางตา อันที่จริงเขาเองก็สงสารหนุ่มตี๋คนนี้อยู่หรอก แต่สถานการณ์ปัจจุบันนี้มันทำให้ยากเกินจะไว้ใจ เอี่ยวมองอีกฝ่ายแล้วทอดถอนใจ มันคงยากที่จะไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างเขา ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาอยู่ในเขตบ้านเขาโดยไม่มีสาเหตุ เอี่ยวค่อย ๆ ก้มลงเก็บข้าวของประดามีใส่ลงในเป้สะพาย มือถือที่เปียกฝนก็ถูกถอดแบตเตอรี่แยกออกมาแล้วห่อด้วยถุงพลาสติกที่เก็บไว้ในกระเป๋า ไม่รู้ว่าพอแห้งแล้วจะยังใช้ได้อยู่ไหมเพราะอย่างน้อยเขายังจะใช้มันขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ได้
     "อุ๊บส์...ซี้ด" เอี่ยวครางเบา ๆ ขณะที่ค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นยืน อาการเสียวแปลบที่ข้อเท้าเริ่มสำแดงฤทธิ์ ดีที่ว่าเกิดขึ้นกับข้อเท้าซ้ายที่เขาไม่ถนัด ไอ้หนุ่มเจ้าของที่ดูเหมือนจะไม่มีน้ำใจที่จะช่วยเหลือเขาเลยสักนิด ตาดุคมกริบมองจ้องเขาราวกับยินดีที่การขับไล่ประสบผลสำเร็จ ฝนข้างนอกยังคงซัดกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับฟ้ารั่ว เอี่ยวกอดกระชับเป้สะพายไว้แนบอก...จำเอาไว้เลยแล้วกันไอ้คนใจดี เอี่ยวนึกในใจ
     "เอ็งจะออกไปตอนนี้เลยหรือไง ฝนมันยังไม่หยุดเลยนี่" หนุ่มท้วง ในใจเริ่มรู้สึกผิดที่เร่งรัดอีกฝ่ายมากไป

     "รออีกเดี๋ยวก็ได้ ข้าก็ไม่ได้เร่งอะไรนี่"
     เอี่ยวกัดฟันฝืนความเจ็บปวดค่อย ๆ กระย่องกระแย่งออกไป คำพูดที่ได้ยินเหมือนจะเพิ่มแรงกดดันให้เขามากขึ้น ขอบตาร้อน ๆ ราวกับจะมีหยาดน้ำออกมา เอี่ยวตัดสินใจเดินฝ่าฝนออกไป
     "เฮ้ย ข้าบอกว่ารอก่อนไง" เสียงห้าว ๆ ดังไล่หลังมา
     "หูดับหรือไงวะ?"
     เอี่ยวตะโกนสวนกลับไปทั้ง ๆ ที่ปวดข้อเท้าแทบขาดใจ
     "ไม่ต้อง ผมจะไปแล้ว"
     เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องอีกครั้งเล่นเอาทั้งหนุ่มและเอี่ยวหูชา น่าแปลกที่คราวนี้เอี่ยวไม่ยักจะกลัวมันอีกต่อไป ไอ้หนุ่มบ้านไร่หยุดยืนกอดอกยิ้มยิงฟันขาวพลางชี้ให้ดู
     "แล้วนั่นเอ็งจะไปบ้านข้าทำไม?"
     เอี่ยวมองไปเบื้องหน้า บ้านไม้หลังคาจากบุโรทั่งหลังเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากทางที่เดินไปนัก เขาเหลียวหลังกลับไปมองรอบตัว สายฝนโหมกระหน่ำจนทัศนียภาพรอบกายเห็นเป็นสีเทายากที่จะเดาได้ว่าเขาเดินทางมาจากทางไหน
     "เอ้า...งงเข้าไป" หนุ่มชักเริ่มขำกับคนอวดดีที่ตอนนี้ยืนงงเป็นไก่ตาแตก เสื้อเชิ้ตและกางเกงราคาแพงหูฉี่ที่ใส่มายามนี้ทั้งเปียกและมอมจากโคลนที่กระเด็นขึ้นมาเปื้อนจนมองไม่ต่างอะไรจากผ้าขี้ริ้ว ผมเปียกลู่จนแนบใบหน้า ความหนาวเย็นเริ่มเกาะกินถึงกระดูก
     "จำได้มั้ยว่ามาจากทางไหน เอ้า หมุนเข้าไป เฮ้อ" หนุ่มหัวเราะกับท่าทางมึนงงของเอี่ยว
     เอี่ยวพยายามกัดฟันทนไม่ยอมให้หนาวสั่นจนฟันกระทบกัน เขามองดูไอ้หนุ่มเพชรคนนั้นอย่างหมั่นไส้ ทำเป็นเก่งเปลือยท่อนบนออกมาตากฝน เดี๋ยวก็คงจะหนาวสั่นไม่แพ้เขาหรอก แต่...เอ มันก็ถอดเสื้อมาตั้งนานแล้วแต่ดูไม่มีอาการอะไรเลย
     เท้าเอี่ยวค่อย ๆ จมลงไปในดินที่อ่อนตัวเป็นเลน ยิ่งยืนนานก็ยิ่งจมลึก เมื่อเขาพยายามดึงเท้าออกมาจึงได้พบว่ามันดูดรองเท้าของเขาจมลงไปเสียแล้ว ชายหนุ่มค่อย ๆ คุกเข่าลงอย่างทุลักทุเลก่อนจะล้วงลงไปควักเอารองเท้าซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยเลนขึ้นมา
     แหงนมองขึ้นไปก็พบว่าไอ้หนุ่มนั่นยืนหัวเราะเขาอยู่อย่างไม่คิดที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือ ยิ่งความน้อยใจที่ทบทวีมาแต่ครั้งหลังทำให้เอี่ยวกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
     "ไม่ช่วยก็ไม่ต้องมาซ้ำเติม พอใจหรือยังน่ะ" เอี่ยวปาดน้ำตา
     "ไปไหนก็ไปเลยไป"
     หากแต่อีกฝ่ายยังคงหัวเราะต่อ
     "อ้าว...แล้วเรียกให้ช่วยหรือยังล่ะ เอ็งถึงได้โวยวาย แล้วจะไล่ข้าไปไหน ที่นี่น่ะบ้านข้า"
     แม้ปากจะหัวเราะแต่มือก็คว้าแขนเอี่ยวขึ้นมาพาดบ่า ชายหนุ่มรู้สึกทึ่งในแรงอันมากมายของหนุ่มเพชรคนนี้ หนุ่มหยิบเอารองเท้ามาถือไว้แล้วสั่ง
     "จำไว้เลยนะ ถ้าเดินในเลนให้ถอดรองเท้าออกก่อน แล้วเดินตีนเปล่า" หนุ่มหัวเราะ
     "แล้วเอ็งเป็นผู้ชายหรือเปล่า ทำไมร้องไห้ยังกับผู้หญิง ฮ่า ๆๆ"
     เอี่ยวกัดฟันทนเจ็บ เขย่งเท้าเดินไปพร้อม ๆ กับหนุ่ม พยายามที่จะไม่ฟังคำพูดเชือดเฉือนของอีกฝ่ายที่ยังคงซ้ำเติม
     "ไปบ้านข้าก่อนก็ได้ แล้วฝนหยุดค่อยว่ากันอีกที อย่างเอ็งนี่ข้าเชื่อแล้วว่าปล้น หรือทำอะไรใครก็คงไม่ได้หรอก เพราะแค่ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่ข้าว่าพรุ่งนี้ต้องเอาศพเอ็งไปเลี้ยงปลาดุกแน่ ๆ เลย"
     แม้ว่าบ้านจะค่อนข้างซ่อมซ่อแต่ว่ามันกลับอบอุ่น มีแคร่ไม้ไผ่มุมบ้านเพียงอันเดียวที่คงจะเป็นทั้งโต๊ะกินข้าวและเตียง เพราะเห็นมีเครื่องนอนเก่า ๆ พับเก็บไว้ตรงมุมใกล้กับภาชนะจานชามสองสามใบ หนุ่มโยนผ้าขาวม้าแห้ง ๆ ที่พับเก็บไว้ในขันวางของที่ทำด้วยไม้ไผ่ข้างแคร่ให้เอี่ยว
     "เอ้าเช็ดตัวซะเดี๋ยวตะพ้านจะกินตายซะก่อน"
     เอี่ยวรีบรับมาแล้วเช็ดโทรศัพท์มือถือก่อนเป็นอันดับแรก ใจเขาอยากได้ไดร์เป่าผมมาเป่าให้แห้ง แต่ที่นี่คงไม่มีเพราะว่าแม้กระทั่งพัดลมเขายังมองไม่เห็น
     ขณะที่เช็ดผมอยู่นั้นเอี่ยวมิได้สังเกตเลยว่าหนุ่มได้ถอดกางเกงออกบิดตากที่ราวหลังห้องเหลือเพียงกางเกงในเก่า ๆ แบบที่ขายตามตลาดนัดตัวบาง ๆ ตัวเดียว โครงร่างแข็งแกร่งแม้จะค่อนข้างผอมบางหากกล้ามเนื้อเห็นเด่นชัดด้วยงานหนักที่กรำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
     เอี่ยวแอบกลืนน้ำลายขณะที่ลอบมองสะโพกเพรียวแคบและก้นแบน ๆ ที่เห็นได้ชัดผ่านกางเกงในเปียก ๆ ผิวหนุ่มคล้ำเนียนแน่นเปียกฉ่ำไปด้วยฝนดูเร้าอารมณ์ดีพิลึก เอี่ยวไม่เคยคิดว่าผู้ชายแท้ ๆ ที่ดูดิบเถื่อนขนาดนี้จะเป็นหนุ่มในสเป็คเขา รสนิยมเขาต้องขาวตี๋ ดูดี และไฮหรู ไม่ใช่คนงานบ้านไร่อย่างไอ้นายอะไรไม่ทราบชื่อคนนี้
     หนุ่มนุ่งผ้าขาวม้าอีกผืนแล้วถอดกางเกงในออกบิดตาก เขาคว้าขันสบู่ยาสีฟันแล้วเดินเตรียมจะออกไปหน้าบ้าน แต่ยังไม่ลืมหันมาชวนเอี่ยวที่มองจ้องเขาจนตาแทบทะลุ
     "ออกมาอาบน้ำฝนด้วยกันมั้ย"
     "มะ มะ ไม่ล่ะครับ ผมหนาว อาบไปคนเดียวเถอะ"
     เอี่ยวปฏิเสธ เขารู้สึกหน้าร้อนวูบวาบเมื่อหนุ่มหน้าเข้มจองมองมาเหมือนจะจับได้ว่าเขาแอบจ้องมองดูอยู่ เอี่ยวรีบหุบปากที่อ้าค้างกะทันหันจากการที่ได้เห็นอะไรดี ๆ เมื่อครู่นี้ เพียงแวบเดียวตอนที่หนุ่มถอดกางเกงในออก อะไรต่อมิอะไรที่ซ่อนอยู่ข้างในก็ปรากฏชัดต่อสายตาของเอี่ยวอย่างช่วยไม่ได้ อีกฝ่ายคงเข้าใจว่าผู้ชายด้วยกันไม่เห็นจะต้องอายอะไรแต่เขาจะรู้ไหมว่าตอนนี้ภาพนั้นติดตาเอี่ยวไปเสียแล้ว
     "เออ เอ็งชื่ออะไรนะ ข้าจำไม่ได้ละ" หนุ่มพูดแข่งกับเสียงฝนที่ซัดซ่า
     "ข้าน่ะ ชื่อหนุ่ม"
     "เอี่ยวครับ เอี่ยวที่แปลว่าหนึ่ง" เอี่ยวตอบ
     "สงสัยพ่อแม่เอ็งชอบเล่นเต๋าปั่นนะ" หนุ่มหัวเราะ
     "หกสี่เอี่ยวเจ้ามือแดกเรียบ"
     มือแข็งแรงลูบไล้ฟองสบู่ไปตามเรือนกาย เอี่ยวอดไม่ได้ที่จะแอบมองดูอย่างใจจดใจจ่อ หัวนมดำ ๆ สองข้าง แผงอกแกร่งแข็งตัวชูชันยามที่ฝ่ามือหยาบหนาลูบไล้ มันเป็นการตื่นตัวเองตามธรรมชาติมิได้เสแสร้งกระตุ้นเร้า หากแต่มันทำให้ใจของเอี่ยวเต้นแรง ขนอ่อน ๆ ที่ขึ้นราง ๆ กลางร่องอกเปียกลู่ตามน้ำยามรินไหลผ่านฟองสบู่ข้นขาวไหลเรี่ยไปตามลอนกล้ามเนื้อแข็งแกร่งกลางหน้าท้องลงสู่ปมขมวดของผ้าขาวม้าผืนเก่าบาง
     เอี่ยวแอบกลืนน้ำลายยามที่หนุ่มขยับผ้าขาวม้าแล้วลงนั่งยองเพื่อชำระล้างส่วนลี้ลับ แม้จะไม่ได้เห็นเต็มตาแต่ฟองสบู่ที่ฟูฟ่องก็ไม่อาจปิดบังส่วนสำคัญไปจากจินตนาการของเอี่ยวได้เลย ขนหยิกหยอยบางเบาถูกฟอกจนเป็นฟองฟูแท่งเนื้อขนาดกลางที่อ่อนตัวเหี่ยวพับเริ่มผงาดเมื่อถูกรูดขึ้นลงเพื่อทำความสะอาด มือนั้นล้วงควักต่ำลงไปยังเงาะดำผลใหญ่ทั้งคู่ที่ห้อยยานโทงเทงและง่ามก้นที่มีไรขนบางเบา
     "เฮ้ย มองอะไรวะไม่เคยเห็นคนอาบน้ำหรือไง?" หนุ่มตะโกนขำ ๆ
     เอี่ยวสะดุ้งสุดตัว รีบระล่ำระลักแก้
     "ปละเปล่าครับ ผมมองดูฝนว่า มะ เมื่อ...ฮะ...ฮะ...ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย..."
     อาการจามอย่างรุนแรงทำให้หัวเอี่ยวมึนตึ้บ มันเหมือนมีใครทุบที่ท้ายทอยอย่างแรง ตายล่ะ ขาก็เดี้ยงแถมตอนนี้เขายังมาเป็นหวัดอีกเหรอเนี่ย
     "กระหม่อมบางจริงจริ๊ง แค่นี้ก็เป็นหวัดซะแล้ว" หนุ่มส่ายหัวพลางขยับผ้าขาวม้าที่นุ่งอาบน้ำฝนอยู่เพื่อให้ฝนไหลลงไปชำระล้างขยับแต่ละครั้งก็เห็นแท่งเนื้อกลางพงขนดกดำวับ ๆ แวม ๆ เล่นเอาเอี่ยวหนาว ๆ ร้อน ๆ หนุ่มขมวดชายผ้าขาวม้าแล้วหยักรั้งกลับมาเหน็บไว้เบื้องหลัง
     "ไหนดูซิ" หนุ่มเดินเข้ามาหาเอี่ยวที่นั่งเอนหลังบนแคร่
     "เฮ้ย ตัวร้อนจี๋เลยนี่หว่า" เอี่ยวเอามืออังหน้าผากตัวเอง มันก็แค่อุ่น ๆ ไม่ถึงกับร้อนขนาดที่หนุ่มว่าแต่ตัวหนุ่มน่ะเย็นเฉียบเลยเพราะเพิ่งเล่นน้ำฝนมา
     "ดีนะที่ข้ามีไอ้นี่อยู่ กรี๊บเดียวรับรองหาย ไข้หนีเข้าป่าไปหมดเลย" หนุ่มเดินไปหยิบขวดใส ๆ ออกมาจากชั้นไม้ไผ่ข้าง ๆ แคร่ มันเหมือนขวดเหล้าธรรมดา ๆ แต่น้ำข้างในแดงเข้ม ใสและดูเหมือนจะเหนียวข้น
     "ดูนี่" หนุ่มรินใส่แก้วเป๊กเล็ก ๆ ที่คว่ำมากับขวด
     "กรี๊บ....อาซ์..." กระดกรวดเดียวหมดแก้วพร้อมทำเสียงซู่ซ่าส์ มันคงจะอร่อยเหมือนที่หนุ่มกิน เอี่ยวรับมาแล้วปิดจมูกก่อนจะยกขึ้นจ่อที่ริมฝีปาก เอาวะมันกินได้เราก็ต้องกินได้ ตอนนี้กินกันตายไปก่อน ท้องยิ่งว่าง ๆ อยู่ด้วยคงไม่เป็นไรกระมัง แต่ทันทีที่ล่วงผ่านลำคอลงไป เอี่ยวก็เพิ่งรู้ตัวว่าพลาดไปเสียแล้ว สิ่งที่กลืนลงไปมันยิ่งกว่าไฟและยิ่งกว่าวอดก้าที่เคยดื่มมากนัก มันแผดเผาตั้งแต่ลำคอลงไปตามหลอดอาหารยันกระเพาะ
     "โขลก ๆๆ แค๊ก ๆ" เอี่ยวพยายามไอและถ่มเอาสิ่งที่กลืนลงไปออกมา แต่ดูเหมือนว่ามันช่างถูกดูดซึมเข้าร่างกายไปได้อย่างง่ายดาย ทั้งร่างร้อนวูบวาบราวกับอยู่ข้างเตาไฟ
     "เป็นไง แจ่มมั้ย เดี๋ยวเอ็งจะติดใจ" หนุ่มหัวเราะ

     "ไข้หายเลยล่ะสิ" ใช่ ไข้หายไปเป็นปลิดทิ้งทว่าตอนนี้เขาเมาเสียมากกว่า หน้าหนุ่มที่มองชักจะเริ่มลาย
     "ยา...ยาบ้าอะไรนี่มันเหล้าชัด ๆ" เอี่ยวเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดจาอ้อแอ้
     "เหล้าป่าด้วย"
     "เอ๊า เก่งนี่ เหล้าป่าดองยา กินแก้ไข้ดีนักแล ฮ่า ๆๆ" เอี่ยวจับแก้มตัวเอง มันร้อนวูบวาบไปหมดทั้งตัวแล้ว แก้มเขาคงจะแดงเท่ากับแขนเขาตอนนี้เป็นแน่ จากที่หนาว ๆ เขาชักจะร้อนเสียแล้ว
     "เอ็งไม่เปลี่ยนเสื้อล่ะ ใส่เสื้อข้าก่อนก็ได้" หนุ่มหันไปรื้อค้นของในชั้นมา สักครู่ก็หยิบเสื้อชุดเก่าของพี่ชายออกมา
     "นี่ไง เอาไปเปลี่ยนสิ" เอี่ยวรับเอาไปเปลี่ยนอย่างทุลักทุเล โดยอาศัยผ้าขาวม้าของหนุ่มช่วยผลัดด้วย ในที่สุดก็ทำสำเร็จจนได้ ท่ามกลางความโล่งใจของเอี่ยวเพราะว่าหนุ่มไม่ได้มองมาที่เขาเลยสักนิด ชุดนั้นนุ่มและบางดูน่าสบายเพราะถูกใช้จนเนื้อบาง หนุ่มเองก็ผลัดผ้าขาวม้ามานุ่งกางเกงยีนส์เก่าคร่ำคร่าที่ตัดขาออกเป็นสามส่วนเพียงตัวเดียวไม่ใส่เสื้อ
     หันไปมองอีกทีเห็นหนุ่มกำลังกางมุ้งเข้ากับเชือกที่ผูกไว้ข้างฝา เขามองนาฬิกาอยากจะรู้ว่าตอนนี้มันกี่โมงกันแล้ว หากแต่เมื่อก้มลงดูจึงได้รู้ว่านาฬิกายี่ห้อหรูที่คนขายรับประกันว่ากันน้ำได้ลึกหลายร้อยเมตรกลับไม่กันฝนเสียนี่ ไอฝ้าจับเต็มหน้าจอแถมเอี่ยวยังมองเห็นเข็มนาฬิกาตั้งหกอัน เขาถอดแล้ววางไว้หัวเตียงอย่างเสียดาย
     "กี่โมงแล้วละเนี่ย" เสียงเอี่ยวแหบเหมือนเป็นคนละคนกันเลย เขาเองก็ไม่อยากเชื่อว่านี่คือเสียงของเขา
     "บ่ายสามโมง...ครึ่งแล้วมั้ง" หนุ่มประมาณ เขาเองก็ไม่มีนาฬิกา อาศัยกะเวลาเอา
     "แล้วทำไมกางมุ้งนอนแล้วล่ะ เร็วจัง" เอี่ยวบ่น
     "ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กินเลย" หนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
     "ฝนตกยังงี้เอ็งจะทำกับข้าวยังไง ครัวข้าอยู่ข้างนอกนั่น เอ็งหิวก็ไปก่อไฟหุงข้าวกินเอง ข้าคงไม่ทำแล้วหละ อากาศแบบนี้นอนดีกว่า รอฝนซาแล้วค่อยหุงหาอะไรกิน เอ็งก็นอนกะข้าไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน"
     แม้ว่าจะยังไม่ค่ำแต่ฟ้าก็ครึ้มจนแทบไม่เห็นแสงตะวัน อากาศเย็นราวกับเปิดแอร์เบอร์แรงสุด หนุ่มเอาผ้าออกมาปูรองแล้วเก็บชายเข้าใต้ผ้าเรียบร้อย ท้องของเอี่ยวร้องอุธรณ์เบา ๆ เขานึกถึงร้านสะดวกซื้อหน้าปากตรอกและอาหารฟาสต์ฟู้ดที่สามารถสั่งทานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
     ที่นี่ไม่มีทีวี ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาและอินเตอร์เน็ทใช้ รวมถึงที่นี่ไม่มีรถยนต์และชีวิตในเมืองที่แสนจะวุ่นวายและ "ใครบางคน" ที่เอี่ยวไม่อยากจะเจอคนที่นี่คงจะนอนกันเร็วเหมือนกันหมดเพราะถึงอยู่ไปก็ไม่มีอะไรจะทำ เขาไม่แปลกใจหรอกที่คนบ้านนอกจะมีลูกกันหัวปีท้ายปี หนุ่มแหวกรอยจีบกลางมุ้งอย่างที่เรียกกันว่าประตูแล้วมุดเข้าไปนอน
     "เอ้าจะนอนหรือเปล่า นอนก็เข้ามาเร็ว ๆ" หนุ่มเร่ง เอี่ยวหน้าแดงนิด ๆ กับความพาซื่อของหนุ่มที่ชวนเขานอนเอาดื้อ ๆ อย่างนี้ เขารู้ดีว่าหนุ่มไม่ได้คิดอะไรแต่ตัวเขานี่สิ
     .....กลัวใจของตัวเองจัง.....
     เอี่ยวคิดในใจขณะที่นอนเบียดเข้าไปใกล้หนุ่มจนแขนและไหล่แตะกันแต่ดูเหมือนหนุ่มจะเฉย ๆ แคร่นี้หนุ่มคงเอาไว้สำหรับนอนคนเดียวกระมัง และหนุ่มเองก็คงจะยังไม่มีเมียเพราะมุ้งก็แคบขนาดนอนสองคนก็เบียดกัน แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกดีขนาดนี้หนอทั้งที่ต้องมาตกระกำลำบากกลางบ้านนอกคอกนาอย่างนี้
     ร่างเกร็งแกร่งผอมเพรียวที่นอนเคียงข้างอุ่นจัดจนเอี่ยวอยากเบียดเข้าไปแนบใกล้เพื่อหาไออุ่น โครงหน้าคมสันและจมูกที่โด่งมองเห็นได้ชัดในแสงสลัวยามนี้ เอี่ยวเลื่อนสายตามายังคางเรียวแข็งแรงที่มีหนวดเคราสั้น ๆ ขึ้นรก แม้ชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นคนชั้นล่างที่ไร้การศึกษาและห่างไกลจากเทคโนโลยีแห่งยุคสมัย แต่ก็ชายคนนี้แหละที่ตั้งแต่พบกันมาก็ทำให้เอี่ยวลืมเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่เขาตั้งใจจะจบมันทั้งหมดลงในวันนี้ ชายคนนี้มีน้ำใจถึงแม้ภายนอกจะดูเถื่อนดิบและดุร้ายหากจิตใจนั้นงดงามกว่าหนุ่มไฮโซหน้าใสที่เขา "เคย" รักเสียอีก
     สายตาจับจ้องไปที่แผงอกแกร่งเกร็ง มันขยับขึ้นลงตามแรงลมหายใจและหน้าท้องแข็งกร้าวเรื่อยลงไปจนถึงสะโพกเพรียวแคบใต้กางเกงยีนส์เก่า ๆ ตัดขาตัวโคร่งที่เอวต่ำจนมองเห็นได้ถึงเนินหน้าท้องแบนราบและเชิงกรานที่โปนออกมา กระทั่งเส้นเลือดขอดตรงหัวหน่าว ต่ำลงไปคือโคนไรขนหยิกฟูบางเบาที่เอี่ยวพยายามห้ามใจไม่ให้มองต่ำลงไป
     เพราะเขารู้ดีว่าภายใต้เป้ากางเกงที่ตุงโป่งนั้น ไม่มีอะไรข้างในนอกจากแท่งเนื้อหนุ่มที่แข็งผงาดง้ำอยู่เพียงอย่างเดียว อาจเป็นเพราะเหล้าป่าที่เอี่ยวถูกหลอกให้กรึ๊บเข้าไปเมื่อครู่นี้กระมังจึงทำให้เขากล้าพูดอะไรบ้า ๆ ออกมา เขาพลิกตัวกลับไปหาหนุ่มแล้วถาม
     "คุณ...เอ้อ...หนุ่มมีแฟนหรือยัง?"
     เงียบไม่มีเสียงตอบ นอกจากลมหายใจที่หน่วงหนักสม่ำเสมอหลับจริงหลับเล่นก็ไม่รู้สิ ปากหนา ๆ ที่ริมฝีปากบนมีรอยแผลเป็นพาดผ่านบาง ๆ ทำให้มันเชิดขึ้นจนดูน่าจูบ เอี่ยวอยากเอานิ้วไปไล้ดูจริงว่าเขาหลับอยู่หรือเปล่า
     เอ...เวลาจูจุ๊บกับหนุ่มที่ปากเชิด ๆ แบบนี้คงจะ...ไม่เอา ๆ เอี่ยวสะบัดหัวไล่ความคิดบ้า ๆ นั้นออก หนุ่มอุตส่าห์ช่วยพยุงเขามาแถมให้เขาพักอาศัยค้างคืนอีก เขาจะคิดแบบนั้นได้อย่างไร ประพฤติตัวเยี่ยงแมวกินบนเรือนขี้บนหลังคา
     "ก็...เคยมีน่ะ แต่ก็เลิกกันไปแล้ว เขาทนอยู่ด้วยไม่ไหว ข้ามันจน" ดีที่เอี่ยวไม่ได้หลวมตัวทำอะไรเกินเลยลงไป อีกฝ่ายยังคงสภาพคล้ายหลับสนิทหากไม่ได้พูดอะไรออกมา
     "เหรอครับ แล้วเวลาหนุ่มเหงา...เอ่อ..." ไอ้ปากบ้าของเอี่ยวก็พากลับมาเรื่องเสียวอีกจนได้

     "เอ่อ ทำยังไง? ผมหมายถึงว่าไปเที่ยว...หรือ...เอ่อ..."
     "เที่ยวกะหรี่หรือว่าว ว่างั้นเถอะ" หนุ่มพูดพลางถอนใจ
     "ที่ข้าโดนมาข้าก็เข็ดแล้วจะไปสรรหามาทำไมให้มันวุ่นวาย วันนึง ๆ ข้าทำงานก็เหนื่อยจนไม่มีเวลาคิดอะไรแล้ว แล้วก็เลิกคุยได้แล้ว เพราะข้าอยากจะนอน"
     เอี่ยวหน้าแดง ก็หนุ่มพูดตรงประเด็นเลยนี่นา เขาว่าพยายามอ้อม ๆ แล้วนะ เอี่ยวเคยอ่านในนิยายนี่นาว่ามุขนี้มันใช้ได้ผล 100% แล้วไหงกับหนุ่มถึงไม่มีอะไรเลยล่ะ เขาพลิกตัวกลับด้วยความกระดากอายก่อนจะพึมพำ
     "ขอโทษครับ ผมขอโทษ"
     "ถามอยู่ได้...ถ้าปากมันว่างนักก็อมดุ้นข้าซะจะได้มีอะไรทำ"
     "อะไรนะ?"
     เอี่ยวทวนคำ
     "ตะ...ตะกี้...นายพูดว่า"
     "เออ เข้าใจถูกแล้ว" หนุ่มพูดทั้งที่ยังนอนหงายหลับตา
     "มานี่สิ"
      หนุ่มดึงมือของเอี่ยวไปวางบนเป้ากางเกง โอ้โห มันแข็งโป๊กเลย ขนาดถึงจะไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก กลาง ๆ กำลังดี เขาเห็นหนุ่มมีอาการหายใจขัด ๆ หนำซ้ำดูเหมืนว่าหน้าจะออกแดง ๆ ด้วย
     "เร็วสิ ถ้าเอ็งไม่มานอนเบียดกับข้าอย่างนี้ ข้าคงไม่เป็นอะไรแต่นี่" ดวงตาคมกล้าจ้องมาที่เอี่ยว มันฉายแววปรารถนาเด่นชัด
     "ช่วยข้าหน่อยเอี่ยว แบบไหนก็ได้ ข้าขอร้อง ข้า...ข้าอดมานานมากแล้ว"
     เอี่ยวรู้สึกใจเต้นจนแทบจะโลดออกมานอกอก ยามที่เลื่อนมือไปมาบนเป้ากางเกงที่ตุงโป่งจนแทบปริ เขาค่อย ๆ สอดมือเข้าไปทางเอวกางเกงยีนส์ของหนุ่ม อีกฝ่ายแขม่วท้องที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามลงเพื่อให้มือนุ่ม ๆ เข้าไปสำรวจได้โดยง่าย เพียงสัมผัสกับส่วนปลาย หนุ่มก็หลุดปากอุทานออกมา
     "อูย...ซี้ด"
     "เจ็บเหรอ?" เอี่ยวหยุดมือที่ควานคว้า
     "ขอโทษนะ"
     "เปล่า ๆ เอ่อ คือข้าตื่นเต้นเกินไปหน่อยน่ะ" มือสากหนาวางทาบทับบนหลังมือของเอี่ยว

     "ต่อเถอะนะ" หนุ่มชันกายขึ้นด้วยข้อศอกแล้วลุกมาในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เขารูดซิปกางเกงลงอย่างช้า ๆ และแล้วแก่นกลางกายของเขาก็เด้งผึงออกมาจากกางเกงในราวกับติดสปริง มันทั้งดำและบานแม้ว่ามันจะซุกอยู่ในหนังหุ้มที่ปิดส่วนหัวเกือบครึ่ง หนุ่มหรี่ตามองดูเอี่ยวเคลื่อนตัวลงไปหาแท่งเนื้อของเขาราวกับถูกสะกดจิต สูดปากครางเมื่อปลายลิ้นเล็ก ๆ เลียไล้ไปมาตลอดท่อนลำ
     "ซี้ด...อา" เอี่ยวรูดกางเกงและกางเกงในลงไปทางปลายเท้าแล้วโยนมันไว้ข้างหลัง ก่อนจะถอดของตัวเองออกบ้าง ใจเขายิ่งเต้นแรงเมื่อมองเห็นหนุ่มลืมตาขึ้นจ้องมองเขา
     "เอ็งทั้งขาวทั้งเนียนเลยเนอะ" หนุ่มพูดเบา ๆ มือลูบไล้ไปมาบนท่อนเขาเอี่ยว
     "ขอข้าจับ..." เอี่ยวหลับตานิ่ง ปล่อยให้มือของหนุ่มสัมผัสกับส่วนสำคัญของตนอย่างสนใจ เพียงถูกแตะต้องเบา ๆ มันก็กลับพองตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มรู้สึกวาบไหวไปกับรสสัมผัสจากมือหยาบที่โล้มไล้ไปมาบนผิวกายเขาอย่างเคอะเขิน
     "มัน...เอ่อ...ใหญ่เกือบเท่าของข้าเลย" หนุ่มพึมพำ มือประคองช้อนส่วนที่เป็นถุงห้อยมาคลึงเล่นในอุ้งมือ เอี่ยวสูดปากด้วยความเสียวเมื่ออีกมือของหนุ่มลูบไล้อยู่ที่หน้าอกเขา
     "เอ็งรู้สึกหรือเปล่า รู้สึกเสียวเหมือนที่ผู้หญิงเขารู้สึกน่ะ" หนุ่มกระซิบ เอี่ยวค่อยเอนตัวลงไปตามแรงของหนุ่มที่กดลงบนบ่า มือสาก ๆ ลูบไล้ไปส่วนใดก็ก่อให้เกิดปฏิกิริยาขนลุกไปทุกตารางนิ้ว เหมือนเลือดจะฉีดพล่านไปตามรอยที่หนุ่มสัมผัส เอี่ยวพยักหน้าแทนคำตอบ เมื่อหนุ่มเขี่ยไล้ไปที่หัวนมสีชมพูจมบอดของเขา เพียงเบา ๆ มันก็ตื่นตัวเห่อขึ้นมาเป็นตุ่มไตแข็ง ๆ ริมฝีปากหนาเชิดค่อย ๆ ก้มลงเม้มมันเล่น
     "ซี้ด...อา" เอี่ยวคราง
     "ดูดเลยสิครับหนุ่ม อูย ดูดมันแรง ๆ เลย" ดูเหมือนหนุ่มจะจงใจเมินเฉยคำพูดของเอี่ยว เขากลับใช้ปลายลิ้นเลียไล้ หยอกล้อวนเวียนไปมาตรงป้านเนื้อวงรอบหัวนมจนมันบานฉ่ำ เอี่ยวยิ่งเกิดอาการคันกระสันอยากมากขึ้นและมากขึ้น เขาบิดร่างไปมาด้วยความทรมานที่หวานหวาม มันรุนแรงและเร่าร้อนเจียนเป็นเจียนตาย
     หนุ่มยักย้ายลิ้นจากหัวนมข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง แล้วสลับกันใช้ปลายนิ้วบีบบี้เม็ดยอดมันเล่นจนจุกที่บอดบี้พุ่งผงาดชูชันออกมาเป็นไตห่อตัวแข็ง
     "ซี้ด...โอย...หนุ่มครับ...เสียว"
     "ขอข้าเอาเอ็งนะเอี่ยวนะ ขะ ข้าเสี้ยนมากเลย" หนุ่มกระซิบเบา ๆ
     เอี่ยวพยักหน้า หนุ่มจึงจับเอี่ยวพลิกคว่ำแยกขาทั้งคู่ออกกว้างแล้วแทรกร่างลงไปตรงกลาง หนุ่มใช้น้ำลายทาลงไปทั่วท่อนลำของตัวเอง แล้วค่อย ๆ กดลงไปอย่างช้า ๆ เพียงกรึบแรกท่อนลำของชายหนุ่มก็ได้ลิ้มรสถึงความแน่นหยุ่นกระชับที่รัดรึงแทบทุกตารางนิ้ว
     "อา...ซี้ด" หนุ่มครางอย่างสุดเสียว

     "ทั้งแน่นทั้งฟิต โอย ทำไมรูเอ็งมันดูดอย่างนี้ ซี้ด" เอี่ยวกัดฟันข่มกลั้นความเจ็บปวด แท่งเอ็นที่แข็งโชนค่อย ๆ เดินหน้าเรียบ ๆ เข้าไปจนตุงก้น หนุ่มแทบสำลักความสุขออกมา เขาครางเสียงสั่น
     "อาห์...อาห์...อาห์..." เมื่อแท่งเอ็นแช่อยู่ในรูก้นของเอี่ยวจนหมดมิดแล้ว หนุ่มจึงค่อย ๆ เดินหน้าขยับเนิบ ๆ เป็นจังหวะ ช่องทางที่คับรัดติ้วเริ่มขยายออกและตอดรัดท่อนลำคืนกลับบ้าง
     "โอย หนุ่มครับ เสียวครับ...มันส์ครับ...ทำไมเอาเก่งจังเลย" เอี่ยวครวญคร่ำพลางร่อนสะโพกรับแรงกระแทกของหนุ่ม จากคับแน่นก็เริ่มคล่องจนมาเสียวและมันส์ เอี่ยวพลิกตัวกลับมาในท่านอนหงายยกล้อโดยไม่ยอมให้แท่งเนื้อหลุดออกจากก้น
     "เปลี่ยนท่าแป๊บนึงนะ ผมอยากดูหน้าตอนหนุ่มเสียว" เอี่ยวบอก
     "ข้าก็อยากเห็นหน้าตอนเอ็งเสียวเหมือนกัน" หนุ่มยิ้ม เขาจับขาเอี่ยวพาดบ่าแล้วซอยก้นกระแทกดังพั่บ ๆ ร่างขาว ๆ ของเอี่ยวตอนนี้แดงซ่านและสั่นไปทั้งตัวตามจังหวะ สองมือพยายามเอื้อมขึ้นมาบีบบี้หัวนมเล็ก ๆ ของหนุ่มบ้างเป็นการปลุกอารมณ์
     "อูย...เอี่ยว...ข้าเสียวเหลือเกิน ซี้ด ขอข้าออกในรูเอ็งนะ" หนุ่มครางเบา ๆ แล้วฟุบลงไปบนอกเอี่ยว ชายหนุ่มทะลักจุดแตกภายในช่องท้องของเอี่ยวอย่างหมดสิ้นความอดทน มันทะลักทะลายเข้าไปเก็บเอาไว้ในก้นของเอี่ยวจนหมดสิ้น
     หนุ่มหายใจเหนื่อยหอบก่อนที่จะพลิกตัวลงไปนอนตะแคงข้างประกบแผ่นหลังเอี่ยวไว้ แท่งเอ็นยังคงแข็งคาก้นเอี่ยวอยู่ไม่ยอมอ่อนตัว เอี่ยวเพิ่งนึกถึงถุงยางอนามัยแต่ก็ช่างมันเถอะเขาไม่ใส่ใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
     ในความมืดท่ามกลางสายฝนที่เริ่มโรยตัวบางเบา เอี่ยวหันไปจูบปากของหนุ่มอีกครั้ง สอดลิ้นเข้าไปดูดดื่มรสชาติซาบซ่านของเหล้าป่าเจือกับยาสูบราคาถูกที่กรุ่นอยู่ในลมหายใจ ขณะที่หนุ่มยังคงโยกคลึงแท่งเนื้อที่จุกคาอยู่ในก้นของเอี่ยวไว้อย่างได้อารมณ์
     ชายหนุ่มนึกขอบคุณสายฝน ขอบคุณดินโคลน ขอบคุณทุกอย่างของวันนี้รวมทั้งเรื่องร้าย ๆ ที่เขาประสบมาทั้งวันนี้ ถ้าหากฝนไม่ตกหนักจนรถเขาหลงมาน้ำมันหมดที่นี่ เขาเองก็ยังจินตนาการไม่ออกเลยว่าชีวิตเขาจะจบลงแบบไหน และถ้าเขาไม่ขาแพลงจนหนุ่มสงสารพาเขาเข้ามาในบ้านเขาจะเป็นอย่างไร บางครั้งชีวิตคนเราก็เหมือนกับจะมีใครขีดเกณฑ์ชะตาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
     "เอ็ง คิดอะไรอยู่ หืม?" คำถามซื่อ ๆ ที่ไร้การปรุงแต่ง สำนวนบ้าน ๆ ที่ไร้การดัดแปลงให้ฟังรื่นหู บัดนี้มันคือคำรักที่หวานที่สุดเท่าที่เอี่ยวเคยได้ยินมา
     "ผมกำลังคิดว่าผมอยากอยู่กับหนุ่มอย่างนี้สักพัก" เอี่ยวพูดตามความจริง
     "หนุ่มจะว่ายังไง?" เอี่ยวรอคอยคำตอบด้วยใจระทึก เขาตัดสินใจพูดออกไปแล้ว หนุ่มลูบไล้ต้นแขนเขาเบา ๆ ก่อนจะแนบหน้าลงกับแผ่นหลังเอี่ยว
     "ก็เอาสิ...จะอยู่ซักกี่วันก็ได้นะ" เอี่ยวแทบกระโดดด้วยความดีใจ
     "...แต่มีข้อแม้นะว่า..."
     "ว่าอะไร บอกมาเลย" เอี่ยวลิงโลดสุด ๆ

     "ถ้าผมทำให้ได้ก็จะทำ"
     "เอ็งจะต้องเป็นเมียข้าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่นะ" หนุ่มอ้อมแอ้มตอบ เอี่ยวรู้สึกตื่นตันใจ ถึงไม่ขอเขาก็ยินดีอยู่แล้วล่ะ
..............................................................................................

     เช้ามืดตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างมีเพียงแสงจันทร์รำไร เอี่ยวรู้สึกตัวว่าหนุ่มลุกขึ้นจากเตียง เขารีบรั้งเอวเพรียวบางกลับมาสวมกอด
     "หนุ่มจะไปไหน?"
     "ไปก่อไฟหุงข้าว เอ็งยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อคืนไม่ใช่รึ?" หนุ่มขยับตัวกลับมาให้กอดแต่โดยดี ผิวกายอุ่นจัดจนเกือบร้อน เนียนเรียบทว่าแกร่ง เอี่ยวรั้งเขากลับลงมานอนตามเดิม
     "ไม่หิวแล้วหละ อยากกินหนุ่มากกว่า" มือลูบไล้กลับไปที่หน้าท้องแกร่ง ไล่ปลายนิ้วไปตามซิกแพ็คเกร็งแน่นที่มีขนเบาบางสู่พงหญ้าอ่อนดำฟูที่มีแท่งเนื้อแข็งโด่ หนุ่มกลืนน้ำลายดังจนได้ยิน
     "เอ็งนี่ขี้เสี้ยนเนอะ" หนุ่มบ่นทว่าก็แอ่นร่างให้แท่งเนื้อตั้งเด่
     "ซี้ด...เสียวว่ะ...อา...อมลึก ๆ" เอี่ยวดุนดูดอย่างหิวกระหาย เขารู้ว่าหลังจากที่เสร็จกามกามาเมื่อคืนแล้วหนุ่มก็แอบดอดออกไปอาบน้ำอีกที่ตุ่มน้ำฝนหลังบ้าน เขาเสียอีกที่นอนพับไปทั้ง ๆ ที่ร่างกายเปรอะไปด้วยคราบไคลและไอรักจนคาวคลุ้ง แต่ดูเหมือนว่าหนุ่มจะไม่รังเกียจเลย
     แท่งเนื้อแข็งโชนถูกสอดเข้าลึกถึงลำคอ หากเป็นเมื่อก่อนนี้ เอี่ยวคงจะอาเจียนออกมาเป็นแน่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีอีกแล้ว แท่งเนื้อหนุ่มเพชรแข็งราวกับแท่งหินแถมร้อนจัดบ่งบอกถึงความแกร่งสมชื่อ ขณะที่หนุ่มค่อย ๆ พลิกตัวลงไปหาแท่งเนื้อของเอี่ยวบ้าง
     "ซี้ด...อา...หนุ่มครับ...อูย...อย่า" เอี่ยวสูดปากคราง
     "อย่าครับ...ซี้ด....มัน...มันสกปรก" หนุ่มกำแท่งเนื้อของเอี่ยวไว้เต็มกำ รูดมันลงจนสุดแล้วละเลงลิ้นใส่ตรงปลายหัวซึ่งเป็นจุดที่เสียวสุด ๆ เอี่ยวดิ้นเร่า ๆ ด้วยความสาดเสียวเทเสียว
     "ทำไมล่ะ เอ็งไม่ชอบเหรอ ข้าเห็นเอ็งก็เสียวดีนี่นา" พูดไม่พูดเปล่ามือก็ยังรูดแท่งเนื้อไปพร้อม ๆ กัน
     "โอย...ซี้ด...ผม...ผม...ชอบ...แต่ว่า...หนุ่มไม่น่าจะต้อง"
     "เอาน่ะ ข้าไม่อยากเอาเปรียบใคร เอ็งกับข้าต้องมีความสุขด้วยกัน ตั้งแต่เมื่อคืนเอ็งก็ยังไม่เสร็จเลยไม่ใช่เหรอ?"
     เอี่ยวพยักหน้าอย่างอาย ๆ ตี๋คนรักของเขาไม่เคยใส่ใจแม้จะถามเลยด้วยซ้ำว่าเขามีความสุขหรือไม่ สนใจแต่จะตักตวงความสุขความเสียวใส่ตัวแล้วก็พลิกไปนอนอีกฟากของเตียง ปล่อยให้เอี่ยวต้องช่วยตัวเองอยู่คนเดียวจนเสร็จ จึงจะหลับลงได้โดยไม่ต้องทรมานจากอาการปวดท้องน้อย
     "อุ๊บ...ซี้ด...อา" เอี่ยวครางเบา ๆ ที่ตอนแรก ๆ ฟันของหนุ่มครูดกับเงี่ยงหัวหยัก หากเมื่อหนุ่มได้ยินก็เบาปากลงจนเหลือแต่ความนุ่มนวลชุ่มฉ่ำและดูดดื่ม เขาเองก็ตอบโต้หนุ่มด้วยปากและลิ้นอย่างช่ำชองเหมือนกัน แต่เอี่ยวกลับเป็นฝ่ายที่ทนเสียวได้ไม่นาน คงจากที่เขาอัดอั้นอารมณ์มาตั้งแต่เมื่อคืนกระมัง
     "โอย...ซี้ด...หนุ่มครับ...อาซ์...ผม...ผมจะ...อาซ์"
     เอี่ยวครางสุดเสียงเมื่อความเสียวซ่านพุ่งทะลุมิติ ไม่เคยมาก่อนในชีวิตที่ใครจะมาใช้ปากให้กับเขาแบบนี้ เขาปลดปล่อยไอรักทั้งหมดใส่ปากหนุ่มทันที ในตอนแรกหนุ่มก็สะอึกหากแต่เมื่อมันกระฉูดระลอกสองออกมาเขากลับดูดดื่มมันลงคอไปอย่างเอร็ดอร่อย
     "โอวว์...หนุ่ม...สุดยอด...ซี้ด...ผมเสียวเหลือเกิน...อา"
     เนิ่นนานจนเอี่ยวแทบขาดใจ เขารู้แล้วว่าทำไมพวกรุกหนุ่ม ๆ ชอบให้คู่รักใช้ปากให้ มันเสียวจนหาคำบรรยายไม่ถูกเลยทีเดียว เขารั้งร่างของหนุ่มกลับขึ้นมาประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม รสชาติคาวน้ำรักตัวเองออกหวานเค็มในปากของหนุ่ม แต่ทั้งคู่ก็ดูดดื่มมันกลับกันไปมาอย่างไม่รังเกียจ
     "โอ...หนุ่มครับ...ผมไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย...ขอบคุณครับ" เอี่ยวถอนปากออกหายใจหอบ ๆ หนุ่มยิ้มทั้งที่มีคราบไอรักเปรอะรอบปาก
     "เมื่อคืนเอ็งทำให้ข้ามีความสุขเหมือนกัน จะขอบคุณทำไม" เอี่ยวผลักอกแข็งแกร่งของหนุ่มให้ลงไปนอนหงาย
     "งั้นผมจะบอกขอบคุณหนุ่มแบบที่ผมถนัดให้ดู"
     หนุ่มได้แต่นอนสยิวกายขณะที่เอี่ยวซุกไซ้ไปตามเรือนร่างแข็งแกร่งของเขา มันสยิวซ่านอย่างไรบอกไม่ถูกเพราะเขาเองก็ไม่เคยเจอแบบนี้ ตั้งแต่เป็นหนุ่มมาเขาเคยแอบไป "ตีหม้อ" ในตัวเมืองด้วยความอยากรู้อยากเห็นของชายหนุ่ม แต่เมื่อเข้าห้องไปพบกับหญิงสาวที่นอนถ่างขาอ้าซ่าอ่านการ์ตูนเล่มสะสามบาทแล้ว เขาก็แทบจะหมดอารมณ์
     หนุ่มเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชายกับชายด้วยกันจะมันส์ขนาดนี้ ผู้หญิงแท้ ๆ ที่เคยลองมายังเทียบได้ไม่ติดฝุ่น หนุ่มแอ่นเกร็งแท่งทวนเข้าไปหาเอี่ยวแล้วดื่มด่ำกับช่องทางที่บีบรัดติ้วในก้นของอีกฝ่าย ใบหน้าของเอี่ยวแดงซ่านด้วยความสุข
     "อา...ซี้ด...หนุ่มครับ...โอย...มันเข้ามาลึกสุด ๆ เลย" เอี่ยวครางเบา ๆ ตอนนี้ไม่มีเหลือแล้วเพราะว่าแท่งเนื้อจมหายเข้าไปในก้นฟิต ๆ นั่นจนหมดมิด หนุ่มได้แต่นอนตัวสั่นระริกเพราะว่าช่องท้องของเอี่ยวตอดรัดท่อนลำของเขาสุดฤทธิ์
     "ซี้ด...อาห์...ทำอะไรก็ทำเถิด...อูย...ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว...ซี้ด" หนุ่มแอ่นกระแทกแท่งเนื้อขึ้นไปหาเอี่ยวเบา ๆ เป็นจังหวะ เล่นเอาอีกฝ่ายครางอู้
     "อูย เสีวยครับเบา ๆ" แล้วเอี่ยวก็ก้มลงมาจูบกับหนุ่มอีกครั้งอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่ก้นก็กระดกซอยไปด้วยเบา ๆ สองมือของหนุ่มประคองก้นแน่น ๆ ของเอี่ยวไว้เต็มฝ่ามือแล้วกระเด้าคืนแบบไม่รีรอ แคร่ไม้ไผ่ร้องเอี๊ยดอ๊าดด ๆ จนแทบหัก เมื่อสองหนุ่มโหมแรงเย่อกันอย่างดุเดือด
     "อาห์...อาห์...อาห์...เอี่ยว...ซี้ด...ข้าจะออกแล้ว...ไม่ไหวแล้ว...โอย...โอ๊ยยยย" เอี่ยวกดบั้นท้ายกระแทกลงไปจนหมดมิด เป็นวินาทีเดียวกับที่น้ำของหนุ่มพุ่งกระฉูดเข้ามาใส่ในก้นของเอี่ยวจนเต็ม มันเกร็งกระตุกดังปี้ด ๆ แสบวาบและอบอุ่นไปทั่วทั้งร่างกายราวกับทั้งเขาและหนุ่มได้หลอมรวมทั้งจิตใจและร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกัน
     "อ้า...อ๊า...หนุ่ม...ซี้ด...โอย..." เอี่ยวอดไม่ได้ที่จะระเบิดไอรักออกมาอีกรอบ มันเสียวซ่านสุด ๆ เมื่อน้ำอุ่น ๆ พุ่งกระฉูดใส่จนเต็มก้น ทั้ง ๆ ที่หนุ่มไม่ได้แตะต้องแท่งเนื้อของเขาเลยแต่ความสุขกระสันเสียวซ่านมากมายเกินจะห้ามใจได้ทำให้เขาทะยานขึ้นถึงจุดสุดยอดตามไปติด ๆ
     ไอรักเหนียวข้นที่พุ่งเข้าไปในก้นเอี่ยวดูเหมือนมันจะดันทะลุออกมาที่แท่งของเขา ทั้งสองอันกระตุกพ่นไอรักออกมาในจังหวะเดียวกันอย่างรุนแรง ขณะที่ช่องท้องภายในตูดตอดเอาน้ำรักของหนุ่มเข้าไปมันก็บีบรัดแล้วพ่นใส่หน้าท้องแข็งแกร่งของหนุ่มด้วย สุดท้ายทั้งคู่ก็ซวนซบกันลงไปนอนบนแคร่ไม้ไผ่อย่างหมดเรี่ยวแรง อิ่มเอมในความเสียวซ่านจนกระทั่งตะวันเริ่มขึ้นมาฉายแสง
...............................................................................................................................
     เอี่ยวเดินกะโผลกกะเผลกหิ้วถังใส่อาหารปลาเหม็น ๆ เดินตามหนุ่ม โดยที่อีกฝ่ายเป็นคนใช้กระป๋องตักอาหารปลาสาดลงในบ่อ มันแย่งกันโผล่ขึ้นมาฮุบอาหารกันเต็มไปหมด
     "ที่จริงถ้าอยากได้กำไรเยอะ ๆ นะ ต้องไปรับเศษข้าวมาจากโรงเรียนหรือวัด มันจะทุ่นค่าอาหารได้เยอะทีเดียว แต่เสียดายที่ข้าไม่มีรถแล้วอีกอย่างข้าเองก็ขี้เกียจจะไปแย่งกับเจ้าอื่นด้วย เลยใช้อาหารเม็ดดีกว่า แพงหน่อยแต่โตไว น้ำไม่ค่อยเน่า" หนุ่มสอนทำยังกับเอี่ยวคิดจะเลี้ยงปลาด้วยกระนั้น
     "เอ็งจับปลาเป็นไหมวะ?" หนุ่มถาม
     "ปลาดุกน่ะมันมีเงี่ยงที่คอ ถ้าเอ็งจับไม่ถูกที่มันก็จะยักเอา" เอี่ยวรู้สึกคันปากอยากจะพูดว่า เมื่อคืนเขาก็จับได้ตั้งหลายที แต่ตัวที่จับน่ะไม่มีเงี่ยง
     "ที่นี่มีร้านขายของไหมครับ?" ถามไปอย่างนั้นเพราะไม่คิดว่าจะซื้ออะไร
     "มี แต่ต้องเข้าไปในตัวเมืองนะ ข้าไม่ค่อยเข้าไปหรอก ขี้เกียจไปยืนรอรถสองแถว นาน ๆ มันจะมาซักคันนึง เดี๋ยวนี้เขามีรถเครื่องกันเกือบทุกบ้านเลยไม่มีคนขับเพราะขาดทุน มีแต่คนแก่ ๆ กับคนจน ๆ อย่างข้าเนี่ยแหละว่ะที่ยังใช้อยู่"
     ใจจริงเอี่ยวอยากจะเถียงว่าหนุ่มนั้นร่ำรวย เพราะไม่เห็นว่าเขาจะเดือดร้อนต้องไปหาเงินหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มาใช้ หนุ่มพึ่งพาตนเองและธรรมชาติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงก็สามารถที่จะดำรงชีพได้อย่างมีความสุขแล้ว
     หลังจากที่ให้อาหารปลาเสร็จแล้ว เอี่ยวก็ชวนหนุ่มเดินไปที่รถของตัวเองที่จอดตายอยู่ข้างทาง โชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้ที่เขาหลงมาที่นี่ รถเบนซ์สีบรอนซ์รุ่นใหม่ล่าสุดตอนนี้จอดแอบอยู่ข้างดงไม้ หนุ่มยืนมองมันเฉยเมยราวกับเป็นกล่องกระดาษเปล่า ๆ หรือเกวียนสักเล่มหนึ่งในสายตาเขาแต่อย่างว่าแหละนะ คนอย่างหนุ่มคงไม่รู้หรอกว่าราคามันแพงขนาดไหน เอี่ยวเอามือกดปลดล็อกประตูดังปิ๊บ เล่นเอาหนุ่มสะดุ้ง เขาเปิดประตูเข้าไปหยิบข้าวของข้างในออกมา โทรศัพท์สำรองอีกเครื่องของเขาและแกลลอนน้ำมันเปล่าท้ายรถ
     "น้ำมันเอ็งเอาของข้าไปเติมก่อนก็ได้ ไม่ต้องออกไปหาซื้อถึงข้างนอกหรอก" หนุ่มบอก
     "ข้าซื้อเอาไว้เติมปั๊มน้ำเยอะแยะ" เอี่ยวเดินเคียงคู่ไปกับหนุ่ม รู้สึกดีไม่หยอกที่ได้เดินเล่นด้วยกันแบบนี้สองต่อสอง ถึงแม้ว่าเขาจะเดินไม่ใคร่ถนัดนักแต่ก็รู้สึกได้ว่าทุกครั้งที่เขาเริ่มเดินช้า หนุ่มจะราเท้าคอยเขาเสมอ
     "หนุ่มขับรถเป็นไหมครับ?"
     "ฮื่อ แต่มอเตอร์ไซค์ข้าเคยขับของพี่ชายข้า มีอะไรเหรอ?"
     "แล้วหนุ่มไม่อยากมีรถบ้างเหรอครับ?" เอี่ยวถาม
     "เผื่อเวลาจะไปไหนมาไหน"
     "ไม่ล่ะ ข้าอยู่ของข้ายังงี้ดีแล้ว" พูดพลางยิ้มยิงฟันขาว
     "อย่ามาทำให้ข้าเคยตัว รถเอ็ง ๆ ก็ขับไว้ ข้ามีรถของข้า ข้าถึงจะขับเอง"
     เฮ้อ คนอะไรขวางโลกชะมัดแถมยังหัวแข็งอีกด้วย นี่เขามาตกหลุมรักมนุษย์หินหรือไงเนี่ย เอี่ยวนึกในใจ แต่เขาก็กอดแขนหนุ่มไว้หลวม ๆ ก่อนจะยิ้มประจบ
     "อะไรวะ ยังไม่มืดเอ็งก็เสี้ยนอีกแล้วเหรอ ไป ๆ งั้นรีบกลับบ้านกัน" หนุ่มแกล้งทำเป็นโวยวายเอี่ยวหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งเขิน เขาบ่นอุบอิบ
     "...คนบ้า..."
     เมื่อไปถึงบ้าน เอี่ยวจึงเอาซิมการ์ดที่แกะออกไว้มาใส่ในโทรศัพท์เครื่องใหม่ เสียงสัญญาณดังขึ้นพร้อมทั้งข้อความเตือน...คุณได้รับข้อความเรียกเข้า 57 ครั้งจากที่รัก...
     ชายหนุ่มรีบปิดโทรศัพท์ลงตามเดิมแล้วถอนหายใจ ต๊อดโทรมาตามเขาอีกแล้วกระมัง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต๊อดโทรมาหาเพราะว่าเป็นห่วงเขาหรือว่าต้องการจะเช็คดูว่าเขาตายไปแล้วจริงหรือไม่ เอี่ยวตัดสินใจเปิดโทรศัพท์อีกครั้งแล้วลบข้อความทั้งหมดทิ้ง
     จบลงแล้วสำหรับทุกสิ่ง น่าแปลกที่เขารู้สึกสงบและเยือกเย็นเหมือนแค่เป็นการลบข้อความขยะประเภทที่เชิญชวนให้ดาวน์โหลดรูปและเพลงต่าง ๆ ฟรี ทั้ง ๆ ที่ทุกครั้งไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่มีสายของ
     "ที่รัก" หรือต๊อดของเขาเข้ามาเขาจะต้องดีใจจนเนื้อเต้น แม้ว่าทุกครั้งที่เขายิงมาให้เอี่ยวโทรกลับจะจำเป็นต้องมีเรื่องร้อนเงินมาเกี่ยวข้องทุกครั้งไป
     ...เก็บควาหวังจริงจังที่ให้ไป ฝังลงในผืนดิน แล้วลืมมันให้สิ้นไปจากใจเสียคงดี...
     พอสายหน่อยฝนก็เริ่มปรอยลงมาอีกแล้ว ดูเหมือนช่วงนี้พระพิรุณจะขยันมากเป็นพิเศษ เอี่ยวคิดว่าถ้าหากที่นี่ปลูกผักคงจะดี เพราะไม่ต้องรดน้ำสักเท่าไหร่ อาศัยฝนเอาก็พอแล้ว หนุ่มจึงพาเอี่ยวกลับเข้าบ้านไป ฟ้าวันนี้ครึ้มนักจึงจำเป็นจะต้องจุดตะเกียงให้แสงสว่าง หนุ่มขึ้นนั่งบนแคร่ ชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งแล้วมวนยาเส้นขึ้นจุดสูบ เขาละเลียดสูดควันของมันแล้วพ่นออกมาทางจมูกเป็นทางยาวพลางใช้มือตบที่พื้นแคร่ข้างตัว เอี่ยวเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ แต่หนุ่มกลับกดให้เขานอนหนุนตักข้างที่นั่งราบ
     ตักหนุ่มแข็งเพราะขาเขาแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ แต่อบอุ่นและมีกลิ่นอายหนุ่มจากตัวเขาจาง ๆ เอี่ยวรู้สึกเขิน ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่มีใครมาดูพวกเขา ชายหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองคนรัก
     "ฝนตกชุก ๆ แบบนี้ ชาวไร่ชาวสวนคงจะดีใจเนอะ"
     "ใครว่าล่ะ" หนุ่มบ่น
     "ขืนฝนลงอย่างนี้ชาวสวนก็แย่หมด"
     "ทำไมล่ะครับ ไม่ใช่เขาจะดีใจเหรอ?" เอี่ยวงง
     "ฝนอย่างเนี้ย ผักเน่าหมด โดยเฉพาะผักชีนะ ถ้าไม่ขึงไซแลนคลุมไว้นะเห็นทีจะเหลือแต่รากให้ขุดขาย ทุกอย่างมันมีสมดุลของมัน จะมากไปจะน้อยไปก็ไม่ดี" นี่ก็เป็นความรู้ใหม่ที่เอี่ยวเพิ่งได้จากหนุ่ม เขาคิดว่าผักจะงามในหน้าฝนเสียอีก
     "ถ้าเอ็งอยากปลูกผักให้งามนะ หน้าหนาวโน่น ผักจะงามดีแต่ราคามันจะถูก"
     "งั้นผมเป็นพ่อค้าคนกลางดีกว่า รับไปส่งตลาดสี่มุมเมืองอย่างเดียว รวยตาย" หนุ่มทำมือเป็นมะเหงกมาเขกหัวเอี่ยวเบา ๆ
     "เห็นเป็นเล่นไปซะหมด เอ็งน่ะ ทำงานใหญ่แบบนั้นมันใช้เงินโขนัก ถ้าข้ามีเงินขนาดนั้นข้าจะลอกบ่อให้ลึกกว่าเดิม ดินที่ลอกขึ้นมามันเป็นดินชั้นเยี่ยมเลยเอ็งรู้ไหม ปลูกอะไรก็งามเพราะมันมีแต่ปุ๋ยธรรมชาติจากปลาทั้งนั้น แต่ข้าไม่อยากปลูกอ้อยหรือมันอย่างบ้านอื่นเขาหรอกนะ ข้าว่าข้าหาพันธุ์ไม้ตัดดอกมาเพาะขายดีกว่า ขายส่งไม้กระถางให้ตามตลาดนัด กำไรดีนัก"
     "แล้วทำไมไม่ทำล่ะครับ" เอี่ยวสงสัย
     "ก็ถ้าข้าอยู่คนเดียวข้าจะทำไปทำไมล่ะ ทำแค่นี้ไม่ดีกว่าเหรอ ทำมากก็เหนื่อยมากแถมยังดูแลไม่ทั่วถึง แต่ถ้าเอ็งจะมาอยู่...เอ่อ...ช่วยข้าทำข้าก็ไม่ว่าหรอก" เอี่ยวมองหน้าที่ออกจะแดงจนดำของหนุ่มแล้วหัวเราะเบา ๆ
     "ผมปลูกต้นไม้ไม่เป็นหรอก"
     "งั้นข้าจะสอนให้ ถ้าเอ็งจะทำจริง ๆ น่ะนะ" เอี่ยวแกล้งทำเป็นหลับตา
     "ไม่เอาหละเหนื่อย ร้อนด้วย เสียเวลาด้วย อยู่เฉย ๆ ให้หนุ่มเลี้ยงดีกว่า"
     "โอ๊ยยยยย" เอี่ยวสะดุ้ง
     "บีบจมูกผมทำไมเนี่ย เจ็บนะ" เอี่ยวคลำปลายจมูกที่โดนหนุ่มแกล้งบีบ
     "อยู่ด้วยกันเอ็งก็ต้องช่วยข้าด้วย จะมางอมืองอเท้าได้ยังไง" หนุ่มทำเสียงดุ หากหน้ายิ้มสะใจที่แกล้งเอี่ยวได้ เขารั้งเอวเอี่ยวที่กำลังจะลุกขึ้นหนีกลับมานอนที่ตักดังเดิม
     "จะหนีข้าไปไหน ฮึ" หนุ่มถาม
     "ไม่เอาแล้วอยู่กับคนใจดำ แถมมือหนักอีกต่างหาก" เอี่ยวงอน
     "โอ๋ ทีตอนนั้นละบอกให้ข้าทำหนัก ๆ ตอนนี้ละทำมาเป็นบ่น เฮอะ" เอี่ยวหน้าแดง นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วพาลพูดไม่ออกเอาดื้อ ๆ ก็เมื่อคืนนี้เขาพูดอย่างที่หนุ่มว่าจริง ๆ นั่นแหละ
     "ไม่เอา ผมไม่อยากคุยด้วยแล้ว" หนุ่มกอดเอี่ยวไว้แล้วโยกตัวเล่นราวกับเป็นเด็กน้อย
     "โอ๋ ๆ ๆ ขี้งอนจริง ๆ" เอี่ยวนอนนิ่งในอ้อมกอดของหนุ่มเนิ่นนาน ราวกับจะกำซาบความอบอุ่นที่มิเคยได้รับมาก่อน หนุ่มตี๋ไฮโซรูปหล่อที่เขาเคยหลงรักดูเหมือนจะจางหายไปจากหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และมีไอ้หนุ่มคนนี้มาแทนที่ในหัวใจจนเต็ม แต่จู่ ๆ หนุ่มก็ถูกกระชากออกอย่างรุนแรง    พร้อม ๆ กับที่กำปั้นของใครคนหนึ่งซัดเข้าเบ้าตา  

     "โอ๊ย!" หนุ่มนอนหงายลงไปนอนก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น เอี่ยวผลุดลุกขึ้นตะโกนด้วยความตกใจ
     "อย่าทำเขานะต๊อด"
     "เอ็ง...เอ็งเป็นใคร ทำไมมาชกข้า" หนุ่มยกมือขึ้นกุมเบ้าตาด้วยความเจ็บปวด ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทราคาแพงดึงเอี่ยวมากอดไว้ พลางตะคอก
     "มึงจะทำอะไรแฟนกู!" หนุ่มมองคนทั้งคู่ด้วยความตกใจ เอี่ยวเองก็เช่นกัน ชายหนุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนเอี่ยวตะโกน
     "จับมันเลยครับ มันลักพาตัวแฟนผมมาเรียกค่าไถ่" ตำรวจสองนายกรูกันเข้ามาจับหนุ่มใส่กุญแจมืออย่างว่องไวโดยที่เขาไม่ทันจะได้ตั้งตัว เขามองเอี่ยวด้วยความงุนงงและเจ็บปวด แฟนของเอี่ยว...จับตัวเรียกค่าไถ่...นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับเขากันนี่
     "เดี๋ยว ๆ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว คุณตำรวจครับ ปล่อยเขาเถอะครับ เขาไม่ใช่ผู้ร้าย"
     "แต่...แต่ว่า" ตำรวจหนุ่มสับสน
     "คุณคนนี้เขาไปแจ้งความว่าคุณถูกลักพาตัวมาเรียกค่าไถ่"
     เอี่ยวมองหน้าตี๋แล้วถอนหายใจ
     "เรามีการเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้นครับคุณตำรวจ ไม่ใช่การเรียกค่าไถ่ แค่บังเอิญผมขับรถหลงมาทางนี้แล้วน้ำมันเกิดหมด ผมเลยมาขอความช่วยเหลือกับคุณคนนี้ก็เท่านั้นเอง"
     เอี่ยวมองหน้าหนุ่มอย่างลำบากใจ เขาคิดแล้วว่าสักวันเรื่องนี้จะต้องมาถึงตัวเขาจนได้ แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ กุญแจมือถูกไขออกอย่างรวดเร็วเหมือนตอนที่ล็อค หนุ่มยกมือขึ้นลูบดวงตาตัวเองด้วยความปวดร้าว
     "เจ็บมากไหมครับหนุ่ม" เอี่ยวก้มลงไปหา
     "ขอผมดูหน่อยนะ" เจ็บที่ตามันคงจะไม่เท่าไหร่แต่เจ็บที่ใจนี่สิมันสุดจะทนได้ จู่ ๆ คนที่เขาคิดว่าจะได้มาเป็นคนรักกลับมีไอ้รูปหล่อที่ไหนก็ไม่รู้มาอ้างสิทธิ์ซะอย่างนั้น
     "ไม่ต้อง ตาข้าเอง...ข้าดูเองได้" หนุ่มพูดเสียงเข้มเมื่อเอี่ยวยื่นมือมาแตะ เสียงนั้นทำเอาชายหนุ่มใจหาย มือที่จะยกขึ้นปลอบโยนกลับตกลงข้างกาย
     ต๊อดพูดคุยอะไรกับตำรวจอยู่พักใหญ่ ขณะที่หนุ่มมองดูตัวเองอย่างกระดากใจ ชุดที่ตนใส่อยู่ขะมุกขะมอมมิต่างอะไรกับเศษผ้าขี้ริ้ว ผิวกายก็ดำเมี่ยมเพราะตากแดดลมฝนมาจนชินผิดกับอีกฝ่ายที่แลดูเป็นผู้ดีมีสกุล ผิวขาวอมชมพูอย่างคนที่ไม่เคยออกแดด แถมเสื้อผ้าที่เขาใส่ราคาคงจะซื้อที่ของหนุ่มได้ทั้งแปลงกระมัง
     เมื่อยืนอยู่คู่กันกับเอี่ยวก็ช่างเหมาะสมกันนัก คนที่เคยอยู่สูงมีหรือจะยอมมาเกลือกกลั้วทำตัวต่ำ สักวันเขาก็ทนไม่ไหวต้องกลับไปยังที่ ๆ เขาจากมา ใครเลยจะทนมากัดก้อนเกลือกินกับมันได้ ไม่แตกต่างอะไรกับวิกานดา แฟนสาวของเขาที่ร้างลากันไปนานแล้ว
     "ผมก็ต้องขอโทษคุณตำรวจด้วยนะครับที่ทำให้ต้องมาลำบาก" เอี่ยวยกมือไหว้ ตำรวจหนุ่มสั่งสอนอะไรทั้งคู่อีกสองสามคำแต่ก็ยินยอมจากไปแต่โดยดี เพียงสิ้นเสียงรถตำรวจที่แล่นจากไป ตี๋หนุ่มก็เขย่าร่างเอี่ยวด้วยความโกรธ
     "คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง ผมนึกว่าคุณน่ะตายไปแล้วซะอีก" เอี่ยวยิ้มอย่างเย็นชา
     "ที่คุณมาก็เพราะคุณอยากรู้ว่าผมตายจริงหรือเปล่าใช่ไหม?"
     ดวงตาต๊อดสลดลงชั่วครู่ หากก็เพียงช่วงเดียวเท่านั้น

     "คุณมันบ้า คุณคิดไปเองทั้งนั้น ผม...ผมไม่ได้"
     "...ที่จริงผมรู้เรื่องคุณกับเอกตั้งนานแล้ว ก็ช่างกล้าทำกันนะ เพื่อนสนิทกับแฟน หึ ๆ"
     หากเป็นก่อนหน้านี้เอี่ยวคงจะได้ร้องไห้โฮ ๆ ไปแล้ว หากวันนี้สิ่งที่เขาพูดออกมาคือความรู้สึกที่กลั่นออกมาจากใจ โดยไม่ได้ใช้อารมณ์เจือปน
     "แล้วทำไมคุณถึงต้องเขียนจดหมายลาตายแบบนั้นด้วยล่ะ ทั้งผมและเอกต่างก็เป็นห่วงคุณนะ ผมต้องตามหาคุณมาจนถึงเพชรบุรี กว่าจะรู้ว่ารถคุณมาจอดตายอยู่ที่นี่ ผมต้องไปแจ้งความให้ตำรวจออกมาตามหาคุณ จนกระทั่งเจอ"
     "จะมาห่วงผมทำไม หรือว่าไม่มีผมแล้วพวกคุณจะไม่สนุกกัน คุณเองก็อยากโผไปเกาะเอกเพราะว่าเขารวยกว่าแถมยังสนับสนุนหน้าที่การงานของคุณได้ ส่วนเอกก็สนุกกับการแย่งคนรักของเพื่อนเพราะจะได้ดูเหมือนว่าเขามีฝีมือและหล่อกว่า พอเขารู้เข้าว่าคุณอยากจะอยู่กับเขาเป็นตัวเป็นตนเขาเลยตีจากเพราะเขาเกลียดการผูกมัด คุณเลยต้องซมซานกลับมาหาผม" ต๊อดหน้าซีด มือที่กุมไหล่เอี่ยวอยู่อ่อนแรงลงจนอีกฝ่ายต้องดึงออก เขาเผยความในใจต่อ
     "ตอนแรกที่ผมหนีพวกคุณมาก็อยากที่จะฆ่าตัวตายนะ จะได้ไปพ้น ๆ จากโลกบัดซบนี่เสียที แต่ตอนนี้ผมมาคิดได้แล้วว่าชีวิตผมยังมีค่าอีกมาก คุณกับเอกต่างหากที่ไม่มีค่าพอที่จะให้ผมนึกถึงด้วยซ้ำ"
     "เอี่ยว...ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมเถอะนะ ผมรักคุณจริง ๆ ที่ผ่านมานั่นเป็นเพราะผมถูกเอกหลอกใช้ ผมสำนึกผิดแล้ว" ต๊อดทรุดตัวลงกอดขาเอี่ยวไว้
     "ผมขอร้องล่ะกลับไปกับผมเถอะนะ ผมขาดคุณไม่ได้ เอี่ยว คุณจะทนอยู่ที่นี่ได้ยังไง มันทั้งกันดารทั้งไม่เจริญ น้ำไฟก็ไม่มีใช้ กลับไปกับผมเถอะนะ"
     แม้หนุ่มจะไม่อยากฟังแต่ก็ต้องทนทำใจ ในเมื่อที่นี่คือบ้านของเขาและเรื่องทุกอย่างก็ยังมาเกิดในบ้านของเขาอีก ทุกคำเหมือนคมหนามที่ทิ่มลึกลงไปของเขา เพิ่มบาดแผลในหัวใจให้กับเขา
     "เอี่ยว...ข้า...ข้าก็ขอร้อง" หนุ่มทำเป็นฝืนยิ้มพูด
     "เอ็งกลับไปกับเขาเหอะว่ะ เชื่อข้า"
     "ใช่เขาพูดถูก เรารีบกลับกันเถอะ" ต๊อดได้ทีก็รีบเสริม ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเพิ่งชกและยัดข้อหาลักพาตัวมาเรียกค่าไถ่ให้หนุ่มไปเมื่อครู่นี้
     "เอ็งไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่หรอก แฟนเอ็งเขามาตามแล้วนี่" หนุ่มกัดริมฝีปากด้านในแน่น แย่ที่เสียงเขาเริ่มสั่นคล้ายจะร้องไห้ออกมา
     "ไปสิ ข้าไม่ชอบให้ใครมาอยู่กับข้าหรอกว่ะ ข้าอยู่คนเดียวสบายกว่าอีก อย่างเอ็งก็ทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง อยู่กับข้าก็เป็นภาระข้าเปล่า ๆ"
     ...อย่าไปใจอ่อน มันไม่ไปวันนี้วันหน้ามันก็ต้องไป ไม่มีใครเขาจะทนมาลำบากกับเอ็งหรอกว่ะหนุ่ม เขาเตือนใจตัวเองเอาไว้ บางทีมันคงใกล้ถึงเวลาที่จะขายที่ขายทางแล้วไปอยู่ในที่ ๆ เจริญกว่านี้ตามอย่างคนอื่น ๆ แล้วกระมัง
     เอี่ยวมองหน้าหนุ่มด้วยความปวดร้าว เขาถูกเรียกว่าเป็นภาระเสียแล้ว ก็ใช่น่ะสิตลอดชีวิตของเขาไม่เคยได้มาอยู่กับดินกับโคลนเหมือนตอนนี้เลยสักครั้ง แล้วจะให้เขาทำอะไรเป็นเล่า ต๊อดยิ้มอย่างลิงโลดเมื่อเห็นว่าเอี่ยวเริ่มอ่อนลงแล้ว เขาเปิดกระเป๋าตังค์หยิบธนบัตรใบละพันออกมา
     "ดีมากที่แกเข้าใจ เอ้านี่ชั้นให้แกเป็นสินน้ำใจที่ช่วยแฟนชั้นไว้" ต๊อดยัดมันใส่มือหนุ่มอย่างรวดเร็ว น่าแปลกเหมือนกันที่เมื่อก่อนนี้หนุ่มเองก็ปรารถนามันเหลือเกิน หากแต่คราวนี้เขากลับรู้สึกราวกับว่ามันเป็นตัวเชื้อโรคน่าขยะแขยง เขายัดมันกลับคืนไปให้ต๊อดอีกครั้ง
     "เอาไปเถอะ ข้าไม่อยากได้ ข้าหาของข้าเองได้"
     "จนแล้วยังเสือกหยิ่งอีก ก็ดี จะได้ไม่เปลืองตังค์"
     ต๊อดพูดเยาะเบา ๆ เขารีบยัดเงินกลับลงในกระเป๋าตังค์ราวกับกลัวหนุ่มจะเปลี่ยนใจ เอี่ยวมองดูเขาด้วยความรู้สึกที่แย่ลงยิ่งกว่าเดิม นี่เขาหลงหน้ามืดตามัวรักคนแบบนี้มาตั้งนานได้อย่างไรกัน
     "เสร็จเรื่องแล้วก็ไปซะ ข้าจะได้ทำงานของข้า" หนุ่มหันหลังแล้วเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
     แต่ใครจะรู้ไหมว่าหัวใจของเขาปวดร้าวแค่ไหน แม้จะไม่มีน้ำตาแต่หนุ่มก็เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าที่เอี่ยวรู้สึกด้วยซ้ำไป ก็ใครนะที่สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันและจะเป็นคนรักกัน เพียงแค่นึกถึงใจเขาก็พาลจะหยุดเต้นเอาดื้อ ๆ มันร่ำมันร้องเรียกให้เขากลับคำพูดทั้งหมดเสีย
     ทันทีที่มาถึงหลังบ้าน หนุ่มทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก มองดูเงาของเอี่ยวและต๊อดที่ต้องแสงตะวันยามเย็นทอดยาวเข้ามาในบ้าน เงาของเอี่ยวยังคงยืนนิ่งคล้ายจะรอให้เขาเปลี่ยนใจ ในขณะที่เงาของต๊อดทำท่าออกแรงยื้อให้อีกฝ่ายเดินตาม เขาหลับตาลงอย่างรวดร้าว อยากภาวนาให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพียงความฝัน ฝันร้ายที่พอตื่นขึ้นมาจะพบว่าเอี่ยวยังนอนอยู่เคียงข้างเขาอย่างมีความสุข
     แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อวินาทีที่เขาลืมตาขึ้นมา เอี่ยวก็ได้จากไปพร้อมกับต๊อดเสียแล้ว
     ในวันนั้น ฝนได้พาคนหลงทางคนหนึ่งมาหาเขาพร้อมกับความรัก และวันนี้ฝนก็มาตามคนหลงทางคนนั้นกลับไปพร้อมกับความรักเช่นกัน จบอย่างนี้มันก็สมควรแล้ว
     เสียงฟ้าคลั่งครืนดุจคนเศร้าใจ สาดสายฝนกระหน่ำลงมาหนักกว่าเดิมอีกครั้ง มันกลบเสียงหัวใจของหนุ่มเสียสิ้น ละอองฝนสายเปียกหน้าจนไม่รู้ว่าที่แท้จริงมันคือน้ำตาหรือว่าน้ำฝนกันแน่
......................................................................................................
     หนุ่มยืนมองบ่อปลาที่ว่างเปล่าอย่างใจหาย พ่อค้าที่รับซื้อปลามาขนปลาจากบ่อไปหมดแล้ว เหลือไว้แค่น้ำขุ่นข้นที่ค้างอยู่ในบ่อ เงินที่ได้เป็นค่าปลางวดนี้คงพอที่จะประทังชีวิตให้อยู่รอดในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ได้สักพัก เขายังตัดใจไม่ได้ที่จะขายที่ดินผืนนี้ไป ขอให้มันเป็นทางออกสุดท้ายก็แล้วกัน แล้วเขาจึงจะตัดสินใจขาย หนุ่มถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย ขณะมองไปบนกอหญ้าข้างทาง
     เศษซากปลาดุกที่หนีขึ้นมาจากบ่อตอนที่ฝนจะตก มันคงจะแถกเหงือกออกมาหวังที่จะหาทางดิ้นหนีไปหาแหล่งน้ำแหล่งใหม่ที่ใหญ่และสมบูรณ์กว่า เพื่อที่จะเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ต่อไปได้อย่างอิสระเสรี แต่โชคร้ายที่มันไปได้ไม่ถึงที่หมาย จึงต้องมาติดแห้งตายกลายเป็นเหยื่อของมดแมลงเสียก่อน
     หนุ่มเองก็ไม่รู้เลยว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ เพราะนับจากนี้ไปเขาคงจะต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเองไปตามทางที่เขาตัดสินใจจะก้าวไป เขามองซากปลาที่กลวงโบ๋จาการกัดกินของมดแมลงแล้วนึกถึงตัวเอง คนซื่อ ๆ และไร้การศึกษาเช่นเขาในเมืองใหญ่คงจะไม่ต่างอะไรกับปลาตัวนี้ สุดท้ายก็จะถูกหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบและไม่นานนักเขาเองคงจะไม่เหลืออะไรแม้กระทั่งวิญญาณ
     หากแต่ในส่วนลึกในจิตใจเรียกร้องให้เขาเข้าเมืองเพื่อไปตามหาบางสิ่งบางอย่างที่หายไป สิ่งที่เขาอยากปฏิเสธว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง สิ่งนั้นคือความรัก และเป็นรักที่เขากำลังจะสูญเสียมันไป
     ละอองชุ่มฉ่ำของน้ำฝนค่อย ๆ โปรยปรายลงมาอย่างช้า ๆ ....คิดถึงเหลือเกิน...หนุ่มนึกในใจ คิดถึงใครบางคนที่เคยพบกันในสายฝน คนที่บังเอิญพลัดหลงมาที่นี่ มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกับเขา มาทำให้เขารักแล้วก็มาจากไปพร้อมกับเอาหัวใจรักของเขาไปด้วย เขาไม่ได้ร้องไห้ เขาไม่ได้เสียใจ แต่เขากำลังจะตายเพราะความคิดถึงต่างหาก
     เสียงฟ้าร้องคำรามดังลั่นไม่ต่างอะไรจากวันนั้น วูบหนึ่งหนุ่มคล้ายจะได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจของใครสักคน แต่แล้วเขาก็ต้องส่ายหัวกับความฟุ้งซ่านของหัวใจที่เผลอคิดไปว่า เอี่ยวอาจจะยังอยู่ที่นี่ ป่านนี้เขาคงจะไปอยู่กับไอ้ตี๊หน้าหยกนั่นอย่างมีความสุขแล้ว ใครอยากจะมาทนอยู่กับคนจน ๆ ที่ไม่มีอะไรอย่างเขา อยู่กับดินกินกับทรายเนื้อตัวก็กร้านดำผอมเกร็ง ไม่หล่อล่ำขาวตี้ผิวผู้ดีแบบที่เอี่ยวชอบ
     ฝนสาดซัดหนักขึ้นกว่าเดิม มันเริ่มแรงจนเริ่มรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่เม็ดฝนกระทบเนื้อ แต่หนุ่มอยากจะยืนอยู่กลางฝนอย่างนี้ ยืนให้ฝนมันซะล้างเอาทุกสิ่งทุกอย่างออกจากใจเขาไปให้หมดสิ้น เขาจะต้องเข้มแข็ง เขาจะยังคงอยู่ เขาจะไม่ตามไปหาเอี่ยวถึงในกรุงเทพฯ เพราะเขารู้ดีว่าถึงเขาจะตามไปแต่หากเอี่ยวไม่ได้รักเขามันก็เปล่าประโยชน์ และเขาเองก็คงจะมีจุดจบเช่นปลาดุกที่หนีขึ้นไปเกยแห้งตาย
     ท่ามกลางสายฝนที่ซัดซ่า บรรยากาศรอบกายกลายเป็นสีเทา หนุ่มมองเห็นใครบางคนในชุดเก่าปอนเปื้อนโคลนไปทั้งตัว เขายกมือขึ้นขยี้ตาอย่างไม่แน่ใจเพราะเงาของใครคนนั้นคุ้นตาเสียเหลือเกิน หัวใจวูบไหวไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันจนล้นเอ่อ เมื่อเงานั้นค่อย ๆ เดินกระย่องกระแย่งลุยโคลนเข้ามาใกล้
     "คุณครับ...ผม...ผมขับรถหลงมาที่นี่ แล้ว...น้ำมันผมก็หมด" เสียงอันคุ้นเคยเครือสั่นราวกับจะร้องไห้
     "ผมอยากจะขอพักที่นี่ได้ไหม ผม...ผมไม่มีที่จะไปแล้ว" หนุ่มผลันวิ่งเข้าไปรับร่างนั้นก่อนที่จะล้มลงไปนั่งจ้ำเบ้ากับพื้น
     "มาทำไม หือ...เอ็งมาที่นี่ทำไมอีก" หนุ่มถามทั้ง ๆ ที่หัวใจลิงโลดพองโตคับอก เสียงเขาระล่ำระลักพูดด้วยความปรีดา
     "ดูสิ เอ็งเลอะเทอะไปหมดแล้ว อย่าร้องไห้นะ อย่าร้องไห้"
     เอี่ยวสะอื้นฮัก ๆ ก่อนจะซุกลงแนบหน้ากับอกของหนุ่ม
     "หนุ่ม...ขอผมอยู่ที่นี่เถอะนะ จะให้ผมปลูกผักหักหญ้า ขุดดิน ทำอะไรก็ได้ผมยอมทุกอย่าง...ขอแค่ผมได้อยู่กับหนุ่ม นะครับ"
     หนุ่มลูบศีรษะที่เปียกจนผมลู่แนบใบหน้านั้นอย่างเบามือ
     "เอาสิ ข้าก็อยากให้เอ็งกลับมาอยู่กับข้าอยู่แล้ว" เอี่ยวเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมามองหนุ่ม
     "ผมจะไปไหนได้ ในเมื่อหัวใจของผมอยู่ที่นี่ หนุ่ม...ผมเคยอกหักเพราะรักจอมปลอมของใครบางคน จนผมทนไม่ได้และคิดว่าจะมาจบชีวิตเสียให้ พ้น ๆ ไป" ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา
     "แต่แล้วผมกลับได้มาพบกับใครคนหนึ่งที่ทำให้ผมเห็นคุณค่าแห่งชีวิตใครที่ให้ความหมายกับผม ใครที่ผมเชื่อว่าเขาไม่มีวันที่จะทิ้งผมไป..." หนุ่มดึงร่างเอี่ยวกลับเข้ามากอดอีกครั้ง
     "อย่าพูดอะไรอีกเลยเอี่ยว...ข้าเองก็เชื่อว่าถ้าข้ารักไม่ผิดคน สักวันเอ็งก็คงจะนึกถึงความดีของข้าแล้ววันนั้นก็จะได้อยู่ด้วยกันกับเอ็งอีกครั้ง"
     เอี่ยวยิ้มออกมาทั้งน้ำตาก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นรับจุมพิตจากหนุ่มบ้านนาสุดที่รัก สัมผัสจากริมฝีปากที่หยาบกระด้างเร่าร้อนแต่แฝงไว้ด้วยความซื่อตรงไร้การเสริมแต่ง เอี่ยวรู้แล้วว่าชีวิตที่เหลือของเขาควรจะพักไว้ที่ใด
     สายฝนเริ่มซาลงและขาดเม็ดในที่สุด ท้องฟ้าสว่างด้วยเมฆหมอกแห่งความข้องขุ่นใจกำลังจะกระจายหายไป ดวงตะวันที่โผล่พ้นเงามืดมาฉายแสงเจิดจ้าสดใสดุจดังเป็นวันใหม่ หยาดฝนที่ค้างตามใบไม้สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายดุจเพชรเจียระไน
     ฟ้าหลังฝนย่อมที่จะงดงามกว่าเสมอ เพราะผู้ที่ได้ผ่านพายุอุปสรรคมาย่อมเห็นคุณค่าแห่งฟ้าและตะวันมากกว่าผู้ที่ไม่เคยประสบพบมัน และสิ่งนี้คือรางวัลสำหรับผู้ที่อดทนและกล้าที่จะฟันฝ่ามาจนหลุดพ้น
     หนุ่มประคองเอี่ยวลุกขึ้นยืน แม้ว่าเขาทั้งสองจะเปียกปอน หากหัวใจกลับอบอุ่นเสียยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เอี่ยวมองสบตาหนุ่มด้วยสายตาลึกซึ้ง
     "หนุ่ม ผมกลับขายเบนซ์แล้วซื้อรถหกล้อมาใช้แทนแล้วนะ"
     "ฮื่อ" หนุ่มตอบอย่างสุขใจ ตอนนี้อะไรก็ดีสำหรับเขาทั้งนั้น

     "ก็ดี ข้าไม่ว่าอะไรเอ็งหรอก"
     "ผมขายบ้านที่กรุงเทพฯ แล้วด้วย ตอนนี้ผมไม่มีบ้านแล้วนะ เพราะผมจะมาอยู่กับหนุ่ม"
     "เอาสิ แต่เอ็งต้องทำตามข้อตกลงเก่าของข้านะ" หนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม

     "เริ่มจากคืนนี้เลย"
     "เดี๋ยวก่อนสิครับ ฟังผมให้จบก่อน เพราะตอนนี้ผมขนของทุกอย่างใส่รถมาจอดไว้ตรงปากทางบ้านหนุ่มแล้ว"
     "หา!" หนุ่มอึ้ง
     "เอ็งว่าไงน่ะ?"
     "ผมติดต่อการประปาแล้วก็การไฟฟ้าแล้วด้วย ผมว่าจะให้เขามาเดินท่อกับสายไฟพรุ่งนี้เลย"
     "เดี๋ยว ๆ ก่อน นี่บ้านข้านะ ข้า...เฮ้ย เกินไปแล้วนา" หนุ่มชักเริ่มจะรับไม่ได้

     "นี่มันอะไรกันวะเนี่ย?"
     "มีอีกนะครับ ผมเอาหมากับแปลนบ้านที่ผมจ้างเพื่อนผมเขียนมาแล้วด้วย ผมอยากให้หนุ่มมาช่วยผมตัดสินใจว่าจะเอาแบบไหน เพราะต้นเดือนนี้เพื่อนผมจะมาดูที่กับฮวงจุ้ยให้แล้วจะได้ถมที่ให้เรียบร้อย ปลายปีบ้านคงจะเสร็จทัน จากนั้นค่อยว่ากันเรื่องถนนลาดยางที่จะทำจากถนนใหญ่เข้ามาถึงบ้าน ฯลฯ..."
     สุดท้ายหนุ่มก็ได้แต่นิ่งยืนฟังเอี่ยวพูดอย่างอ่อนใจ หมาฝรั่งสามตัวที่หลุดออกมาจากกรงบนรถวิ่งไล่เห่ากันอย่างสนุกสนานกับบ้านใหม่ที่กว้างขวางและเป็นธรรมชาติ หนุ่มคงจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องใหม่ ๆ อีกมากมายที่จะเข้ามาในชีวิตแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่เขาเองก็มั่นใจว่าหากเอี่ยวยังคงอยู่เคียงข้างเขา เรื่องทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่ ๆ...
.............................................................................................................








ดูบันทึกคะแนน
   kabuki พลังน้ำใจ +18 Zenny +300 เนื้อเรื่องน่ารักมาก

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1703
พลังน้ำใจ
21538
Zenny
4575
ออนไลน์
3524 ชั่วโมง

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
6728
พลังน้ำใจ
56595
Zenny
27072
ออนไลน์
12041 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

ลูกน้องหัวหน้าห้อง

โพสต์
70
พลังน้ำใจ
676
Zenny
353
ออนไลน์
192 ชั่วโมง
สนุกดี แอบมีนำตาซึมอยู่นะ 55555 ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
16307
พลังน้ำใจ
95093
Zenny
80214
ออนไลน์
26042 ชั่วโมง
ดีครับ
จบลงอย่างมีความสุขครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2834
พลังน้ำใจ
30584
Zenny
3509
ออนไลน์
8424 ชั่วโมง
ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วน้ำตาจะไหล

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
16199
พลังน้ำใจ
59030
Zenny
68393
ออนไลน์
4689 ชั่วโมง

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
9006
พลังน้ำใจ
60790
Zenny
3467
ออนไลน์
20123 ชั่วโมง

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
34422
พลังน้ำใจ
158441
Zenny
289780
ออนไลน์
46333 ชั่วโมง
ขอบคุณ​มาก​นะ​ครับ​

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
27884
พลังน้ำใจ
153747
Zenny
157534
ออนไลน์
26526 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
16723
พลังน้ำใจ
79776
Zenny
197273
ออนไลน์
9900 ชั่วโมง
ชอบมากครับ

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
42053
พลังน้ำใจ
213649
Zenny
84835
ออนไลน์
15315 ชั่วโมง
สนุกมากครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
4384
พลังน้ำใจ
24415
Zenny
39089
ออนไลน์
1736 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
6138
พลังน้ำใจ
26738
Zenny
28837
ออนไลน์
1562 ชั่วโมง
ขอบคุณมากครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3649
พลังน้ำใจ
41446
Zenny
22234
ออนไลน์
12190 ชั่วโมง
หนุ่มปากแข็งจริงๆตอนแรก เกือบเสียเอี่ยวไปซะแล้ว
--ตี๋อ้วน--

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
10432
พลังน้ำใจ
53601
Zenny
14928
ออนไลน์
2544 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
6911
พลังน้ำใจ
35638
Zenny
28246
ออนไลน์
1902 ชั่วโมง
น่าอิจฉาจังเลย

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
826
พลังน้ำใจ
11237
Zenny
5414
ออนไลน์
884 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
7877
พลังน้ำใจ
55725
Zenny
594
ออนไลน์
4695 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1148
พลังน้ำใจ
17751
Zenny
4925
ออนไลน์
2270 ชั่วโมง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-5-2 06:41 , Processed in 0.148139 second(s), 28 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้