จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
12
กลับไป ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: Jera
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

นรกานต์ (Enslave) อัพเดทตอนที่ 13 ลาก่อน (ตอนจบ)

[คัดลอกลิงก์]
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1517
พลังน้ำใจ
18231
Zenny
11771
ออนไลน์
1176 ชั่วโมง
22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-12-18 16:17:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นรกานต์ (Enslave) ตอนที่ 10: สวน

ต้นไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในระหว่างที่ธีร์คอยทำให้ควยชองต้นแข็งขึ้นมาด้วยการดูดควย หรือเย็ดเขา ผสมผสานกับการสร้างความเจ็บปวดให้แก่เข้าไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำแข็ง หรือน้ำตาเทียน ต้นหลุดพ้นจากความทรมานได้ไม่นานเขาก็รู้สึกว่า มั่นค่ำแล้ว เพราะไม่มีแสงจากภายนอกส่องลอดผ่านช่องว่างของผนังเข้ามาในตัวห้อง แต่เขาไม่รู้ว่ามันดึกดื่นแค่ไหนแล้ว เขารู้สึกว่าที่ผ่านเวลาผ่านไปช้า ๆ และเนิ่นนานโดยไม่รู้ว่ามันจะจบสิ้นลงเมื่อไหร่

ใจของต้นมิอาจจะทนต่อความเจ็บปวดได้อีกต่อไปแล้ว ความชินชาต่อความเจ็บปวดทำให้ต้นรู้สึกว่าเขาสามารถมีความสุขจากความเสียวที่ได้รับ โดยที่ควยไม่หดลงเมื่อถูกทรมาน นี่เขาพ่ายแพ้ต่อความต้องการของตัวเอง และปล่อยให้ความเงี่ยนอยู่เหนือความเจ็บปวด และความเศร้าที่เกาะกุมหัวใจได้งั้นหรือ

เปล่า มันไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่ร่างกายมันเป็นของมันเอง มันแข็งขึ้นมาเพราะถูกกระตุ้น หากแต่ต้นไม่ได้เสียวซ่านตามมันไปด้วย เขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ นอกจากความเศร้าเสียใจ และความรู้สึกผิดที่ก่อเกิดขึ้นภายใน มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้เลย หากเขาไม่ทำตัวเหี้ย ๆ แบบนั้น มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลย...

ธีร์เย็ดต้นจนน้ำแตกคาถุงยาง แล้วเอาน้ำนั้นมาราดรดตัวต้นก่อนจะหยิบไข่สั่นมาเปิดให้สั่นเบา ๆ แล้วยัดใส่ก้นเขาไป ส่วนตัวเองเข้าไปอาบน้ำแล้วนอนลงบนเตียง ปล่อยต้นทิ้งไว้แบบนี้อีกคืนหนึ่ง

เวลาผ่านไปนานพอควรที่ต้นต้องเสียว แต่ไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้จนแบตของไข่สั่นหมดลง ท่ามกลางความเงียบนั้น ไม่รู้ต้นรู้สึก หรือคิดไปเอง เขาเหมือนกับได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้น แต่เพียงชั่วครู่มันก็เงียบไป เขาฝัน หรือมันเป็นความจริง เขาเองก็ไม่แน่ใจ ในหัวเขาคิดถึงเรื่องต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันนี้ จะมีใครสงสัยไหมว่าเขาหายไปไหน จะมีใครตามหาเขาไหม ถ้ามีคนรู้ว่าตนถูกกักขังทรมานอยู่ที่นี่ จะมีใครสักคนเสี่ยงมาช่วยเขาไหม ต้นคิดไปเรื่อยเปื่อยจนผลอยหลับไปในที่สุด


"ตื่นได้แล้วไอ้ขี้เซา" ธีร์ตบหน้าต้นเบา ๆ แล้วพูดขึ้นมาในเช้าของวันรุ่งขึ้น เขาแกะน้ำตาเทียนที่ติดอยู่บนตัวต้นออกไป ต้นรู้สึกดีที่เมื่อวานธีร์โกนขนออกจากตัวเขา ไม่เช่นนั้น ขนที่ถูกน้ำตาเทียนเคลือบเอาไว้คงถูกดึงออกไปแล้ว และมันคงจะเจ็บอยู่ไม่น้อย แต่เขาควรจะดีใจหรือที่ขนเกือบทั่วร่างถูกโกนออกไป ต้นเองก็ไม่แน่ใจนักว่าทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงได้คิดแบบนั้นขึ้นมาได้

ต้นเองยังรู้สึกง่วงอยู่ เขารู้สึกว่าธีร์เอาที่ล็อคควยมาสวมให้แก่เขาอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ แกะเชือกที่ผูกรั้งตัวเขากับโต๊ะออกช้า ๆ ต้นสังเกตเห็นว่าธีร์แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างถูกเก็บอย่างเรียบร้อย ห้องดูว่างเปล่าอีกครั้ง หลังจากนั้นธีร์ยื่นเสื้อยืดกับกางเกงบอลมาให้ตน ต้นจึงใส่มันตามคำสั่งของธีร์ แม้ธีร์จะไม่ได้เอ่ยปากสั่งก็ตาม

ธีร์นั่งอยู่เงียบ ๆ บนเตียง ส่วนต้นนั่งสะลึมสะลือ เพราะไม่ได้พักผ่อนเต็มที่มาสองวันแล้ว ไม่นานนัก เสียงแตรรถมอร์เตอร์ไซต์ก็ดังขึ้น ธีร์สั่งให้ต้นเดินตามออกไป

"ขอโทษทีที่เรียกมาแต่เช้านะลุง" ธีร์พูดกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เขาโทรตามมา
"ไม่เป็นไรหรอก นี่ก็ไม่เช้าเท่าไหร่แล้ว ปกติน้องก็ออกจากบ้านเร็วกว่านี้อีก" มอเตอร์ไซค์รับจ้างตอบ
"ผมซ้อนสามไปนะ เจ้าต้นมันยังเมาขี้ตาอยู่เลย" ธีร์พูดต่อ แล้วชี้ไปทางต้นที่ยืนไม่ค่อยจะตรงดีนัก
"เมาขี้ตา หรือเมาค้างวะนั่น แต่ช่างเหอะ ขี่แค่ในหมู่บ้านไม่มีปัญหาอะไรหรอก" มอเตอร์ไซค์รับจ้างตอบ ธีร์พาต้นนั่งตรงกลาง แล้วตัวเองนั่งซ้อนท้ายประกบเอาไว้ ต้นทั้งง่วง และมึนหัวไปหมด เขาไม่ได้สติสักเท่าไหร่ และที่สำคัญเขาไม่รู้ว่าธีร์จะพาเขาไปไหน ไปทำอะไรด้วย

มอเตอร์ไซค์มาจอดข้างทาง แล้วทั้งสองคนที่นั่งซ้อนมาก็ลงรถไป
"อ่ะ นี่ครับเงิน" ธีร์ยื่นเงินให้
"ขนกระเป๋าอย่างนี้ จะกลับบ้านเหรอ" มอเตอร์ไซค์รับจ้างถามขึ้น เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง เขาก็ขาดรายได้ประจำกันพอดี
"ครับ แฮ่ะ ๆ" ธีร์ยอมรับ และหัวเราะแห้ง ๆ เพราะเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายดี
"งั้นก็โชคดีนะน้อง ขอให้เดินทางปลอดภัย" มอเตอร์ไซค์อวยพรธีร์ง่าย ๆ แล้วขับรถออกไป ส่วนธีร์ก็ตอบขอบคุณตามหลังไปเช่นกัน ธีร์มักจะให้ลุงคนนี้มารับมาส่งเขาทุกเช้าเย็นไม่ได้ขาด จนหลัง ๆ มาแทบไม่ต้องโทรตามแล้ว เพราะลุงเขาจะมารออยู่หน้าบ้านเลย ธีร์มีแต่จะบอกว่าวันนี้วันนั้นหยุดแทน พอเป็นแบบนี้แทนที่เขาจะได้ลูกค้าแน่ ๆ อย่างน้อยก็สองเที่ยวล่ะ กลับกลายเป็นความไม่แน่นอนเหมือนเดิม แต่จะทำไงได้ ครั้นจะรั้งไว้ตัวเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์อะไรจะทักท้วง

"พี่จะพาผมไปไหน" ต้นถามขึ้นระหว่างที่ต้นโทรศัพท์ไปที่คิวรถตู้ และไม่สนใจจะตอบคำถามของต้นเลย
"ดีครับ ผมขอจองที่สองที่นะครับ จะกลับบ้านหน่ะ ผมรออยู่แล้ว สิงหนครครับ เดี๋ยวใกล้ถึงจะบอกอีกทีละกันครับ โอเคครับ ได้ครับ  ขอบคุณครับ" ธีร์พูดเสร็จก็วางมือถือลง แล้วหันมายิ้มให้ต้น

"มึงได้ยินแล้ว กูคงไม่ต้องบอกใช่เปล่า" ก็ถูกของธีร์ แต่ต้นดันนึกไม่ออกว่า สิงหนคร มันคือที่ไหนนี่หน่ะสิ ครั้นจะสักถามอะไรต่อ ธีร์ตอบสั้น ๆ เพียงแต่ว่า 'เดี๋ยวมึงก็รู้เองแหละ' ไอ้คำนี้ นี่มันช่างสร้างความไม่ไว้วางใจให้แก่ต้นอย่างยิ่ง ครั้นจะหนีไป ก็ทำไม่ได้อีก เป็นอะไรที่น่าอึดอัดชะมัด

ไม่นานมักรถตู้ก็มาจอดที่ข้างตัวธีร์ เขาให้ต้นขึ้นรถนำไปก่อน และชี้ให้ไปนั่งด้านหลังสุด ทั้งที่ที่นั่งด้านหน้ายังว่างอยู่ ต้นยอมทำตามแต่โดยดี เพราะรู้ว่า หากไม่ทำตาม เขาต้องเดือดร้อนอีกแน่ ๆ ธีร์วางกระเป๋าที่ติดตัวมาด้วยลงเบาะข้าง ๆ แล้วหยิบมือถือมาจิ้มเล่นโดยไม่สนใจว่าต้นจะคิด หรือทำอะไร

"ถ้ามึงคิดจะทำอะไรบ้า ๆ มึงเจ็บตัวแน่ กูรับรองได้" ธีร์กระซิบข้างหูต้นเป็นการย้ำเตือนสถานะของต้นอีกครั้ง ต้นจึงได้แต่เพียงก้มหน้าเงียบ แต่อยู่ดี ๆ เขาก็รู้สึกเสียวขึ้นมาในช่องท้อง พอหันไปมองธีร์ ธีร์กลับมีท่าทีเรียบเฉยเหมือนไม่ได้ทำอะไรเขา แล้วมันก็หายไป มันเป็นความรู้สึกของไข่สั่น แต่นี่คงเป็นแบบไร้สายแหง ๆ ต้นคิด ธีร์คงใส่มันเข้าไปตอนที่เขากำลังหลับอยู่กระมัง ต้นจึงต้องก้มหน้าลงต่อ เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น และนี่คงเป็นเหตุผลที่ธีร์บังคับให้เขามานั่งเบาะหลังสุด ที่ไม่ค่อยจะสบายนักสักเท่าไหร่ แต่มันช่วยบังสายตาคนในรถได้เป็นอย่างดี

ธีร์กดสวิทต์ไข่สั่นเล่นไปเรื่อย ๆ สลับไปมาโดยไม่ให้ต้นรู้ตัว แต่ทุกครั้งมันก็ทำให้ควยของต้นแข็งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ การถูกกระต้นมาทั้งคืน มิหนำซ้ำยังไม่ได้ปลดปล่อยเลย แถมนี่ยังมีกรงควยคอยกันไม่ให้มันแข็งเต็มที่อีก ต้นรู้สึกถึงความทรมานที่ได้รับ หากแต่เขาไม่มีสิทธิ์จะไปเรียกร้องอะไรได้ สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือ อดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

ยังไงเสียธีร์ก็คงไม่ทำร้ายเขานานเกินไปนัก เพราะนั่น มันจะทำให้หลายคนสงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงหายไปจากหมู่บ้าน และติดต่อไม่ได้ แต่ว่า ถ้าธีร์บังคับให้เขาพูดโกหก แล้วรั้งเขาไว้ต่อ มันจะเป็นยังไงล่ะ ยิ่งคิดต้นก็ยิ่งรู้สึกสิ้นหวัง เขานึกไม่ออกว่าจะหลีกหนีจากสถานการณ์ที่เริ่มเลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ ยังไงดี

จะตะโกนขอความช่วยเหลือ หรืออะไร คนอย่างพี่ธีร์คงจะวางแผนเผื่อไว้แล้วเสียด้วยซ้ำว่าจะแก้ตัวยังไง ถึงที่ผ่านมาเขาจะหลอกพี่ธีร์ได้เรื่อย ๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายไม่รู้ทันตนสักหน่อย เพียงแต่ไม่เคยพูดออกมาก็เท่านั้น ต้นนั่งคิดไปเรื่อยเปื่อย ในขณะที่ธีร์ ก็กดสวิทต์ไข่สั่นเล่นไปเรื่อย ๆ เช่นกัน

"พี่ครับ จอดแยกข้างหน้าด้วยครับ" ธีร์ตะโกนบอก นายหัวรถก็บีบแตรเป็นการตอบรับ แล้วก็จอดรถให้ตามที่ธีร์ร้องขอ

หลังจากลงรถ และจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ธีร์ก็พาต้นข้ามถนนไปอีกฝั่ง แล้วก็คุยกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างต่อ มันเป็นการตกลงว่าจะขอนั่งซ้อนสาม โดยให้เหตุผลว่า ต้นสติไม่ค่อยดี อาจจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงขึ้นมา พวกมอเตอร์ไซค์ก็บ่ายเบี่ยงกัน แต่พอธีร์เสนอเงินที่สูงกว่าปกติให้ จึงมีคนยอมเสี่ยง

มอเตอร์ไซค์รับจ้างขับรถตามการบอกทางของธีร์ไปเรื่อย ๆ จนถึงสวนแห่งหนึ่ง หากดูเพียงภายนอก ก็ยากจะบอกได้ว่าภายในนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร เพราะด้านหน้านั้นมีต้นตำลึงงอกอยู่เต็มริมรั้วจนมองข้างในแทบไม่เห็น ยกเว้นมีต้วหลังคาบ้าน หรือถ้าคิดดูดี ๆ น่าจะเรียกว่า 'ขนำ' เสียมากกว่าเพราะมันไม่ได้ใหญ่พอที่จะเรียกว่าบ้านได้เลย

ธีร์ยืนเงินให้มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แล้วถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างในสวนประหนึ่งว่านี่เป็นพื้นที่ตัวเองยังไงอย่างนั้น ต้นไม่คิดว่านี่เป็นบ้านของธีร์หรอก เพราะเท่าที่รู้ ธีร์มีฐานะพอควร แต่จะบอกว่าเป็นบ้านส่วนตัวก็คงไม่ใช่อีกแหละ เพราะนี่มันดูเป็นไร่นาสวนผสมเสียมากกว่า อีกทั้งมันดูเก่าคร่ำคร่า ไม่เหมาะกับคนอย่างธีร์เลย นอกจากนี้ ที่นี่ดูห่างไกลจากชุมชน เถาตำลึงนั่นแม้ว่าเหมือนมันจะถูกเด็ดยอดออกอยู่เรื่อย แต่มันก็หนาพอที่จะบังสายตาคนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี แค่คิด ต้นก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา

"เฮ้ ไอ้สน มึงอยู่ไหม" อยู่ดี ๆ ธีร์ก็ตะโกนขึ้นมา ไม่นานนักชายผิวดำร่างใหญ่ หุ่นที่ค่อนไปทางล่ำ ไว้ผมสั้นสกินเฮด พร้อมหนวดเคราบาง ๆ ที่ถูกเล็มให้สั้นลงได้ไม่นานทำให้มีใบหน้าที่ค่อนไปทางดุ ชายคนนี้ใส่กางเกงบอลเก่า ๆ ตัวเดียวเดินออกมาห้องที่มีเพียงห้องเดียว บนหน้าอกซ้ายชองชายผู้นี้มีรอยสักด้วยหมึกดำเป็นเหมือนกิ่งไม้ที่ใบไม้กำลังร่วงหล่น และนกหลายตัวกำลังบินออกห่างจากกิ่งไม้เหล่านั้น ขนาดของรอยสักได้ไม่ใหญ่มาก แขนข้างซ้ายก็มีลายคล้าย ๆ กันนี้ด้วย ส่วนแขนขวานั้นว่างเปล่า มันเป็นลวดลายที่สวยแปลกตา แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนมากนักเพราะผิวที่ค่อนข้างดำคล้ำ แต่ยังไงเสีย ต้นก็ยังรู้สึกว่ามันสวยอยู่ดี พอต้นเห็นด้านหลังของสน เขาถึงได้รู้ว่า มันเป็นกิ่งไม้ของต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งดูแห้งเหี่ยว และโรยรา ชวนเหงาเศร้าพิกล

"มึงมาทำไมไม่บอกก่อนวะ ถ้ากูไม่อยู่แล้วมึงจะทำไง หือ" สนบ่นอุบอิบ เพราะธีร์มาขัดเวลานอนเล่นของเขา
"กูรู้ว่ามึงอยู่แน่ ๆ ไง กูถึงได้มา และต่อให้ถึงมึงไม่อยู่ เดี๋ยวไม่เกินค่ำมึงก็ต้องกลับมานี่อยู่ดีแหละ" ธีร์พูดถูกต้องทุกอย่าง
"เหอะ มึงนี่ก็นะ ว่าแต่มึงพาใครมาด้วยหว่า กูไม่เคยเห็นหน้า" สนบ่น แล้วหันไปมองต้นซึ่งเขาไม่รู้จักแทน
"ของเล่นของกู หึหึ" ธีร์เปลี่ยนน้ำเสียงเมื่อพูดถึงต้น ทำให้สนรู้ทันทีว่า สนกำลังวางแผนทำอะไรสักอย่าง และเจ้าเด็กที่ตามมาด้วยนั่น คงจะไม่ชอบสักเท่าไหร่ เพราะสีหน้าเจื่อน ๆ ของมัน...

"กูไม่ชอบน้ำเสียงแบบนี้ของมึงเลยหว่ะ ถ้า..." สนพูดได้แค่นี้ ธีร์ก็ขัดขึ้นมา
"มึงก็อย่าบอกมันดิวะ" ธีร์เอ่ยปากห้าม
"ถ้ามันรู้ กูตายไม่ใช่มึงตายนะไอ้เหี้ย" สนยังต่อรองให้ธีร์เลิกทำอะไรบ้า ๆ
"งั้นแสดงว่า มึงจะไม่ฟังที่กูพูดแล้ว ว่างั้น" ธีร์พูดอย่างน้อยอกน้อยใจ
"กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น มึงก็นะ" สนตอบอย่างเหนื่อยใจ

ธีร์ค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่เขาก็ควบคุมอารมณ์ได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่ตอนนี้สนเดาไม่ถูกว่าธีร์จะทำอะไร การบอกว่า คนเป็นของเล่น ด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังนั้น ทำให้สนรู้สึกว่าธีร์กำลังทำหาเหาใส่หัวมากกว่า จะเล่นสนุก ๆ อย่างที่อีกฝ่ายคิด แต่ธีร์คือเพื่อนรัก เพื่อนสนิทคนเดียวที่เขาสามารถไปมาหาสู่ได้โดยไม่ยากลำบาก มันคงไม่ดีนักหากทำให้ธีร์ไม่สบายใจ และอีกอย่างหนึ่งธีร์ก็เคยช่วยเหลือเขาไว้มาก

"มึงกินอะไรมายัง" สนถามขึ้น
"ยัง มาถึงก็มาบ้านมึงเลย" ธีร์ตอบกลับ
"งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อข้าวให้มึงละกัน กูไม่ได้ทำอะไรเผื่อไว้ มึงจะเอาอะไรอ่ะ" สนถาม พร้อมกับเข้าไปหยิบเสื้อมาใส่
"เอาข้าวกะเพราะหมูสับละกัน เผ็ดมากที่หนึ่ง ไม่เผ็ดอีกที่ ส่วนมึงมึงจะกินอะไรก็สั่งเอาเองแล้วกัน" ธีร์พูดแล้วยื่นเงินให้สนไป
"เฮ่ย ไม่ต้องหรอกมึง กูเลี้ยงก็ได้ ข้าวแค่นี้" สนปฏิเสธ
"แสดงว่ามึงจะให้กูเลี้ยงอย่างอื่นสินี่ ไอ้ห่า" ธีร์พูดไปยิ้มไป
"ถูกต้องนะคร้าบบบบ" สนตอบ แล้วขับมอเตอร์ไซค์ออกไป

"นี่บ้านเพื่อนกูเอง มึงทำตัวตามสบายไม่ต้องกังวลอะไรมาก ไม่มีใครมายุ่งที่นี่หรอก มึงไม่ต้องห่วง ที่นี่จะมีแค่ มึง กู แล้วก็ไอ้สน" ธีร์พูดอย่างสบายอารมณ์ หากแต่ต้นไม่ได้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่ เพราะว่า ถ้ามีคนแค่นี้ และดูเหมือนสนกับธีร์จะสนิทกันมาก เขาก็ตกที่นั่งลำบากอยู่ดี

ไม่นานนักสนก็กลับมาพร้อมข้าวกล่องสามกล่อง เขาเอามาวางไว้ที่ชานหน้าบ้าน ก่อนจะเดินไปที่โอ่ง แล้วตักน้ำใส่กระติกที่มีน้ำแข็งอยู่ข้างใน มาวางตั้งให้ธีร์ แล้วก็ไปหยิบจานชามในครัวที่แยกออกจากตัวบ้านมาในคราวเดียวกัน

"บริการดีจังบ้านนี้" ธีร์เอ่ยปากชม
"ถ้ามึงชอบมึงก็มาอยู่นี่ดิ เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเอง" สนหยอก
"หึ ไม่เอาดีกว่า บ้านกูสบายกว่าเยอะ" ธีร์ตอบโดยไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่สนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แม้จะรู้สึกว่า ธีร์ตอบตรงไปหน่อยก็ตามที
"เออ บ้านกูจะสู้บ้านมึงได้ไง เหอะ ไอ้เหี้ย" สนด่าแก้เก้อ
"อันไหนผัดกะเพราที่ใส่พริกเยอะอ่ะ" ธีร์ถาม
"อันนี้ ยางสีแดง" สนพูดแล้วชี้ให้
"โอเค อ่ะ ไอ้ต้นของมึง กินซะ" ธีร์พูดกับต้นอย่างเพื่อนสนิท แต่สนกำลังงงว่าทำไมถึงต้องสั่งให้ใส่พริกเพิ่มด้วย
"ครับ" ต้นตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วก็แกะห่อข้าวออกมาใส่จาน ส่วนสนก็หยิบก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้วที่ตนชอบออกมาจากห่อเหมือนกับธีร์ที่แกะห่อข้าวกิน และอมยิ้มอยู่ จนสนรู้สึกแปลกใจ หากแต่ไม่ได้เอ่ยปากถาม

ต้นพยายามกินผัดกะเพราะเผ็ด ๆ เข้าไปตามคำสั่งของธีร์ มันยากกว่าที่คิดแฮะ ถึงเขาจะกินเผ็ดเป็นปกติ แต่อันนี้มันเผ็ดเกินที่เขาจะทนไหว พอสนเห็นท่าทางของต้น เขาถึงได้เข้าใจรอยยิ้มของธีร์
"มึงแกล้งน้องเขาเหรอ ไอ้นี่" สนบ่น
"เรื่องของกู หึหึ" ธีร์ตอบแบบไม่แคร์คำพูดของสนแม้แต่น้อย
"ไอ้ธีร์ กูไม่รู้ว่ามึงคิดจะทำอะไรหรอกนะ แต่กูถามมึงสักคำสิ มึงคิดีแล้วแน่นะ" สนพูดขึ้นหลังจากเก็บจานไปไว้ในครัว และขยะต่าง ๆ โยนลงถังขยะหมดแล้ว
"อืม แล้วมึงจะช่วยกูไหม" ธีร์ตามกลับบ้าง
"มึงเพื่อนกู ถ้ามึงคิดดีแล้ว ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงกูก็จะช่วย แต่กู... กู... ไม่อยากโดนด่านะมึง" สนบ่ายเบี่ยงเล็กน้อย
"มึงก็แปลกนะ โดนจับไม่กลัว แต่กลัวโดนเพื่อนด่า ทำไมวะ" ธีร์กัดเข้าให้
"เรื่องของกูหน่า" สนไม่ยอมตอบ
"งั้นก็ช่าง มึงก็อย่างนี้ตลอด" ธีร์ตอบแบบเซ็ง ๆ แม้ว่าพวกเขาจะสนิทกัน แต่บางที ธีร์ก็รู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนนอกเหมือนกัน เพราะความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สนไม่อยากจะพูดถึงมันนั่นแหละ ทำให้เขารู้สึกแบบนั้น

"ไอ้ต้น มึงแก้ผ้าออกได้แล้ว" ธีร์สั่งเรียบ ๆ ต้นถึงกับอึ้ง ถ้าอยู่กันสองต่อสองก็พอไหวอยู่หรอก แต่นี่มีบุคคลที่สามอย่างสนนั่งอยู่ด้วย และสนก็ทำสีหน้างุนงงด้วย
"เอ่อ... พี่" ต้นท้วง
"ผู้ชายด้วยกันทั้งหมด มึงจะอายอะไร หือ" เสียงเข้ม ๆ ของธีร์ทำให้ต้นไม่มีทางเลือกจึงยอมถอดเสื้อผ้าออกอย่างช่วยไม่ได้

"เฮ่ย มึงทำอะไรวะ" สนตกใจกับภาพของต้นที่ยืนตัวเปลือยเปล่า แล้วมีอะไรบางอย่างคล้ายลูกกรงอยู่ตรงควยของต้น
"ให้มันแก้ผ้า ก็เท่านั้น ทำยังกะไม่เคยเห็นควย" ธีร์พูดเรียบ ๆ
"กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น มึงสั่งให้มันแก้ผ้าทำไม" สนถาม
"มันเป็นของเล่นกู กูจะทำยังไงกับมันก็ได้ มึงเข้าใจนะ กูว่ามึงไม่ใช่คนเข้าใจยากกับเรื่องแบบนี้ ใช่เปล่า" ธีร์หันมาคุยกับสนอย่างรู้ทัน
"มึงมัน ไอ้เหี้ย" สนด่าอย่างไม่สบอารมณ์ ที่ธีร์รู้ว่าเขาเองก็พึงพอใจกับเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน
"โอเค ๆ กูเล่นด้วย แต่ว่า มึงไปทำยังไงมันถึงได้ยอมมันวะ แถมจับมันโกนขนซะเกลี้ยงเชียว" สนยังสงสัย
"มันพูดเองว่า มันยอมให้กูทำอะไรได้ทุกอย่าง ขอให้ยกโทษให้มัน กูก็เลยเล่นกับมันสักหน่อย ก็เท่านั้น" ธีร์ตอบอย่างใจเย็น
"มันไปทำอะไรมึงวะ" สนสงสัย
"ก็แค่ผิดสัญญากับกูนิดหน่อย กูเลยเล่นกับมันนิดหน่อยเหมือนกัน" ธีร์ตอบเรียบ ๆ ปิดบังความจริงที่ซ่อนเอาไว้
"กูว่ามันไม่เล็กน้อยนิดหน่อยอย่างที่มึงพูดมั้ง" สนทัก
"เอาหน่า ว่าแต่ช่วงบ่ายมึงทำอะไรบ้างวะ" ธีร์บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ
"นอน" สนตอบอย่างเฉยเมย
"ไอ้เหี้ย เอาแต่นอน มิน่ากลับมาคราวนี้กูรู้สึกว่าขนตามตัวมึงหนาขึ้นผิดปกติ" ธีร์ด่า
"ไอ้ห่า ก็มันร้อนนี่หว่า กูไม่ชอบตากแดด" สนตอบกลับไป
"ถึงมึงตากแดดมันก็ไม่ดำไปกว่านี้แล้ว มึงจะกลัวอะไรอีกวะ" ธีร์แหย่
"ไอ้นี่ เดี๋ยวกูถีบตกขนำเลยมึง" สนยกขาขึ้น
"โหย มึงนี่โหดกับกูมากขึ้นทุกวันเลยนะ" ธีร์ท้วง
"งั้นไอ้ต้น ใช่ป่ะ มึงไปถอนหญ้าในสวนแล้วกัน เดี๋ยวกูไปคุม หึหึ" สนพูดขึ้นอย่างนึกสนุก ก็ดีเหมือนกัน หญ้ามันก็เริ่มรก เขาเองก็ขี้เกียจจะทำอยู่ แถมโดนขัดจังหวะนอนกลางวันอีก อีกอย่างไหน ๆ ธีร์มันก็เสนอให้แล้ว ก็ต้องช่วยสนองมันหน่อย
"เอ่อ ครับ" ต้นตอบรับหลังจากหันไปมองหน้าธีร์ แล้วเจอสายตาดุ ๆ มองมายังตน
"มึงพามันไปในสวนก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวกูหาอุปกรณ์ก่อน" สนพูด แล้วเดินเข้าไปใต้ถุนขนำของตน ส่วนธีร์ก็เดินนำต้นไปยังสวนผักที่อยู่ห่างจากขนำไม่มากนัก

มันเป็นเหมือนสวนผสม ที่ตรงกลางขุนสระเอาไว้ ข้าง ๆ มีต้นมะพร้าว มะละกอ กล้วย และผักพื้นบ้านหลายชนิด ปลูกปะปนกันไป มีมะนาว กับมะกรูดปะบนอยู่บ้าง จะว่าไปมันก็ไม่ได้ร้อนมากนักสักเท่าไหร่ เพราะมีร่มไม้ให้หลบบ้าง แต่ธีร์จงใจจะใช้เขาให้อยู่กลางแดดต่างหากนั่นแหละปัญหา

สนหยิบบัวรดน้ำออกจากใต้ถุนขนำ แล้วก็เดินมาสมทบกับธีร์ที่นั่งหลบอยู่ใต้ต้นมะพร้าว
"ระวังมะพร้าวหล่นใส่หัวนะมึง" สนแซว
"ลูกเขียวซะขนาดนั้น ถ้ามันหล่นใส่กูคงซวยมากหว่ะ" ธีร์ย้อน
"งั้น... เดี๋ยวกูจะทำให้หล่นใส่มึงเอง" สนพูดแล้วปีนต้นมะพร้าวน้ำหอมต้นเตี้ย ๆ ขึ้นไป
"เหี้ยดิ คิดจะฆาตกรรมเพื่อนอย่างกูเหรอมึง" ธีร์ด่า หากแต่สนไม่ได้สนใจ เขาปลิดมะพร้าวอ่อนแล้วโยนให้ธีร์รับเอาไว้สามลูก
"เผื่อมันทำไม" ธีร์ถามขึ้น
"หน่า ค่าช่วยงานกูแล้วกัน" สนตอบ

ส่วนต้น แม้มือเขาจะด้านพอควร แต่หญ้ามันก็ไม่ได้ถอนได้ง่าย ๆ ยิ่งไม่ได้รดน้ำก่อนแบบนี้ดินที่แห้งแข็งทำให้ถอนยากกว่าปกติ  อีกอย่างกรงควยที่เป็นสแตนเลส มันทำให้เขารู้สึกร้อนตรงควยอย่างช่วยไม่ได้ ตัวของต้นเต็มไปด้วยเหงื่อ และเริ่มรู้สึกแสบผิวเพราะแสงแดดยามบ่ายโดยเฉพาะควยที่สัมผัสกับสแตนเลสมันยิ่งทำให้เรารู้สึกทรมานมากกว่าเดิม ต้นเอามือปาดเหงื่อออกจากหน้าอยู่หลายครั้ง พอหันมาดูฝั่งของสน และธีร์ซึ่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว และดื่มน้ำมะพร้าวอย่างสบายใจแล้ว มันชวนให้เขารู้สึกแย่ชะมัด

"อ่ะนี่ ของเล่น มึงลองกดเล่นดูแล้วกัน" ธีร์ล้วงกระเป๋าหยิบรีโมทของไข่สั่นให้ แต่สนงงว่ามันคืออะไร เขาจึงเอาไปกดเล่นดู แต่มันไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย
"อะไรวะ เสียแล้วมั้ง" สนบ่น
"มึงดูโน่น" ธีร์พูด แล้วชี้ไปยังต้นที่นั่งกระสับกระส่ายเพราะไข่สั่นที่อยู่ในก้นของเขามันสั่น ก็สนเล่นกดความแรงสูงสุดเลยนี่นา
"มึงนี่ร้ายกว่าที่กูคิดแฮะ เห็นแบบนี้แต่แม่งร้ายหว่ะ" ว่าแล้วสนก็ กดเปิด ๆ ปิด ๆ ไปตามอารมณ์ของเขา โดยไม่สนใจว่าต้นจะรู้สึกยังไงเลย


สนไม่ใช่คนที่เห็นใจคนอื่นเป็นทุนอยู่แล้ว เขาไม่เคยแคร์ว่าใครจะรู้สึกยังไง คิดต่อเขาแบบไหน ถ้าสิ่งไหนที่เขาพอใจจะทำ เขาก็ทำ สิ่งไหนที่เขาไม่พอใจ ต่อให้ใครสั่งหรือจ้างเท่าไหร่ สนไม่เคยสนใจ ตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเขาเสียไป สนก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด จนญาติพี่น้องเอือมระอา มีสิ่งเดียวที่น่าแปลกใจเกี่ยวกับสนคือ เขาเรียนจบมัธยมหกทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้นี่แหละ แม้ว่าเกรดมันจะต่ำมากก็ตาม แต่สนก็ไม่เคยสนใจ เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าใบเกรดมันอยู่ที่ไหน เพราะเขาไม่เคยคิดจะเอามันไปสมัครงานที่ไหน เขาไม่อยากโดนใครสั่ง ไม่อยากโดนใครบังคับ ชีวิตจะเป็นยังไงก็ช่าง ขอใช้ชีวิตอย่างสนุก เขาไม่เคยคิดถึงอนาคต คิดเพียงแต่ว่า ตอนนี้เขามีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว จะสนใจอะไรมากมาย...

(โปรดติดตามตอนต่อไป)
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์
thank  you

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1517
พลังน้ำใจ
18231
Zenny
11771
ออนไลน์
1176 ชั่วโมง
24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-12-21 12:00:20 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นรกานต์ (Enslave) ตอนที่ 11: ปิศาจ

ต้นถอนหญ้าไปเรื่อย ๆ ทั้งร้อน ทั้งเจ็บมือ แถมหิวน้ำอีกต่างหาก แต่ทั้งธีร์ และสนก็ไม่ได้สนใจเขาเลย ทั้งคู่นั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ แต่ต้นอยู่ไกลออกมาเลยไม่ได้ยิน รู้เพียงแต่ว่า ดูแล้วทั้งสองจะเข้าขากันได้ดีเลยทีเดียว ตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้อาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำจนบังทิวไม้ที่อยู่ไกลออกไปบ้างแล้ว มันช่วยให้ต้นรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่อยู่ดี ๆ ก็มีน้ำจากฝักบัวมารดราดตัวเขา ต้นนี่ยืนขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดอย่างลืมตัว

"หือ มึงคิดจะทำอะไรกูเหรอ" เสียงเหี้ยมของสนดังขึ้น แล้วเขาก็กดรีโมทอีกครั้ง ต้นจึงได้นั่งลงถอนหญ้าเหมือนเดิม ส่วนธีร์หัวเราะคิกคักอย่างสะใจอยู่ใต้ต้นมะพร้าว

"ไม่ต้องถอนแล้ว ไปรดน้ำผักต่อเลยมึง" สนออกคำสั่ง มีคนรับใช้มันก็ดีแบบนี้นี่เอง น่าจะหาคนแบบไอ้ต้นมาไว้สักคนท่าจะดี แต่ต้องฝึกมันหนัก ๆ หน่อย ไอ้นี่ยังดื้ออยู่ไม่น้อย สนคิดเลยเถิดไปไกลตามประสา

สนยื่นบัวรดน้ำให้ แล้วชี้ไปยังสะพานที่อยู่ข้างสระ ซึ่งมีอยู่เป็นระยะ ๆ เพราะสนขี้เกียจเดินไกล เขาเลยทำสะพานข้ามสระเสียหลายอัน ตอนแรกธีร์เห็นก็หาว่าสนประหลาดเหมือนกัน แต่พอได้คำตอบว่า "กูต้องรดน้ำเช้าเย็นนะมึง ถ้ามันมีอันเดียว ก็เหนื่อยตายก่อนรดน้ำเสร็จแน่ อีกอย่างเสียเวลาโดยใช่เหตุ มึงว่าเปล่า" ธีร์ก็เริ่มเอนเอียงกับเหตุผลอันนั้น แม้เขาจะรู้ดีว่า สนแค่ขี้เกียจก็เท่านั้นเอง

"อ่ะนี่น้ำมะพร้าว ค่าตอบแทนของมึง" สนพูด แล้วก็ยื่นมะพร้าวที่ปาดหัวออกให้แก่ต้นไป
"ขอบคุณครับพี่" ต้นตอบอย่างซึ้งใจ
"เออ เชื่อง ๆ อย่างนี้ค่อยดีหน่อย" สนตอบกลับ แล้วหัวเราะ แต่ต้นไม่ได้ขำไปด้วยหรอก เขาหิวน้ำจะแย่อยู่แล้วก็เลยซดน้ำมะพร้าวรวดเดียวจนหมด
"กินเนื้อมะ" สนถาม
"ครับ" ต้นตอบ สนเลยคว้ามะพร้าวออกไปจากมือ แล้วก็ให้พร้าผ่านซีก แล้วก็ตัดเปลือกมะพร้าวให้คล้ายช้อนยื่นให้กับต้นไป
"ขอบคุณครับ" ต้นตอบ
'ถึงหน้าตาจะดุ แต่ดูเหมือนพี่สนไม่ใช่คนเลวร้ายสักเท่าไหร่  แต่ว่า... พี่ธีร์ก็ไม่ใช่คนที่ดูโหดร้ายเลยสักนิด ถ้าเทียบกับพี่สนแล้ว พี่ธีร์น่าจะอ่อนโยนกว่าเยอะสิ ไหงถึงดูกลับกันได้ล่ะเนี่ย…' ต้นคิดในใจ

"เฮ้ ไอ้สน ไปซื้อเหล้ามาหน่อยดิ กูอยากกิน" ธีร์พูด แล้วก็ยื่นเงินให้สนไป
"ได้เลยพวก" สนรับปากอย่างว่าง่ายแล้วออกไปข้างนอก
"ส่วนมึงมานี่ นั่งคุกเข่าลงตรงพื้นดินตรงนี้แหละ เอามือไพล่หลังด้วย เดี๋ยวนี้" คำสั่งเรียบ ๆ ออกจากปากของธีร์ ซึ่งต้นก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ยังไงเสียเขาก็ไม่มีทางเลือกใด ๆ อยู่แล้ว
'มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าเมื่อคืนอีกแล้ว เอาไงก็เอาเถอะ' ต้นคิด แล้วก็นั่งคุกเข่าลง ธีร์เดินไปค้นกระเป๋าแล้วหยิบเชือกออกมามัดต้นไปในสไตล์แบบญี่ปุ่น เชือกเส้นสีขาวดูตัดกับผิวคล้ำ ๆ ของต้นได้เป็นอย่างดี ธีร์ใช้เวลาไม่นานนักก็มัดต้นเสร็จ ตอนนี้ต้นขยับเขยื้อนส่วนไหนไม่ได้นอกจากหัวเพียงเท่านั้นที่ไม่ได้รัดตรึงกับอะไรเอาไว้

"สวยดีนะ มึงว่าไหม" ธีร์พูดชื่นชมผลงาน หากแต่ไร้คำตอบจากต้น ซึ่งธีร์ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว พอมัดเสร็จธีร์ก็เดินมานั่งตรงชานขนำอย่างสบายอารมณ์

ไม่นานเกินรอ สนก็กลับมาพร้อมเหล้า โซดา และกับแกล้มอีกหลายอย่างมาวางตรงหน้าธีร์
"อ่าว เฮ้ย มึงมัดมันแบบนี้ ก็เรียกใช้อะไรไม่ได้ดิวะ" สนบ่น
"เอาหน่า เดี๋ยวกูให้มึงดูอะไรดี ๆ แล้วกัน" ธีร์พูดยั่ว
"อะไรวะ" สนสงสัย
"เอาหน่า" ธีร์ไม่ยอมบอก สนเลยไปหาแก้ว กระติก กับจานมาใส่กับแกล้ม และน้ำแข็ง สนทำหน้าที่ชงเหล้าให้แก่ธีร์ และตัวเอง แล้วก็นั่งดื่มกันโดยไม่สนใจต้นที่นั่งขยับไปไหนไม่ได้ด้านล่างสักเท่าไหร่
"เฮ้ มึงไปเอาแก้วมาอีกใบดิ กูจะให้ไอ้นี่มันดื่มมั่ง" อยู่ดี ๆ ธีร์ก็พูดขึ้นมา
"อืม โอเค แป๊บนึง" ว่าแล้วสนก็เดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง แล้วกลับมาพร้อมแก้วใบหนึ่ง ธีร์รับแก้วมาใส่น้ำแข็ง แล้วใส่เหล้าเพียว ๆ อย่างที่เขาเรียกันว่า ออน เดอะ ร็อค แล้วยื่นให้ต้นดื่ม
"กินให้หมดนะมึง ถือว่าย้อมใจ ฮ่า ฮ่า" ธีร์หัวเราะเยาะ ต้นจึงได้ซดเหล้าขม ๆ เข้าปากไปแบบเลี่ยงไม่ได้ เขารู้สึกร้อนไปทั้งลำคอ และทั้งตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน พอดื่มเข้าไปจนหมด ต้นถึงสะบัดหน้าไล่ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ถ้าเจอแบบนี้ติด ๆ กัน มีหวังเขาได้เมาอ๊วกแตกเหมือนหมาข้างถนนเป็นแน่

"เฮ้ ไอ้สน มึงสนใจจะเย็ดมันไหม เย็ดได้นะมึง รับประกันความเสียว" ธีร์พูดขึ้น
"หือ อะไรนะ" สนงงกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่
"กูถามว่า มึงสนใจจะเย็ดมันไหม" ธีร์ทวนคำพูดของตน
"หึ ไม่เอาหว่ะ กูไม่อยากเย็ดคนที่กูไม่รักหว่ะ" สนตอบห้วน ๆ
"รักษาพรหมจรรย์เหรอมึง ไอ้คนที่มึงรัก มันไม่ได้รักมึงแบบคนรักสักหน่อย ยังไงมึงก็ไม่มีวันได้เย็ดมันหรอก" ธีร์พูดกับสนตามประสาคนรู้ทันเพื่อน
"กูรู้ แต่กูไม่แคร์หว่ะ กูขอแค่ได้รัก ได้ดูแลมัน เห็นมันมีความสุขกูก็พอใจแล้ว สำหรับกู กูไม่ควรค่ากับมันหรอก" สนพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเศร้าสร้อย และสิ้นหวัง
"พูดเป็นเพื่อนพระเอกเลยนะมึง" ธีร์แซว
"มึงนี่ขัดจังหวะกูตลอด กูอุตส่าห์ตีหน้าเศร้าเต็มที่เลยนะมึง" สนฝืนพูดด้วยน้ำเสียงปกติอีกครั้ง แล้วหัวเราะในลำคอ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

หลังจากนั้น ธีร์ก็เอาแก้วไปวางไว้ตรงระหว่างขาของต้น ปากแก้วอยู่ที่ปลายควยพอดี
"เฮ่ย นั่นแก้วใหม่กูนะ" สนทักท้วง
"เดี๋ยวกูซื้อใหม่ให้ละกัน" ธีร์ตอบเรียบ ๆ แล้วก็หยิบรีโมทไข่สั่นมาเปิดเร่งความแรงสูงสุดทิ้งไว้จนต้นหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเสียว และร้องครางออกมา
"อือ... พี่..." ต้นพยายามพูด
"เดี๋ยวมึงน้ำแตกกูจะหยุด ถ้ามึงอยากให้กูหยุดเร็ว ๆ มึงก็น้ำแตกเร็ว ๆ ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้แตกมาตั้งแต่เมื่อคืน แค่นี้ไม่ยากใช่ป่ะ" ธีร์พูดท้าทายอีกฝ่าย
"เห่ย มึงเอาจริงหรือวะ" สนถามด้วยความสงสัย
"แน่ดิ มึงคอยดูละกัน" ธีร์ตอบ สนเองก็ไม่เคยเห็นใครน้ำแตกโดยไม่ได้จับของตัวเองเล่นมาก่อน อีกทั้งควยยังถูกบังคับให้อยู่ในกรงควยด้วย แล้วมันจะแตกมาได้หรือ
"เพื่อไม่ให้เสียเวลานาน กูมีตัวช่วยให้มึงอีกอันละกันไอ้ต้น" ธีร์พูดแล้วไปค้นกระเป๋าที่เขาพามาด้วยหยิบควยปลอมแบบสั่นควงได้ ที่ต้นเคยลิ้มรสความเสียวจากมันมาเมื่อคืนที่ผ่านมา
"ของเล่นมึงเยอะจริง หามาจากไหนวะ" สนถามด้วยความสงสัย
"เขาขายกันเยอะแยะ หาไม่ยากหรอก แค่รู้แหล่ง มีเส้นสาย หรือจะสั่งทางเน็ตเอาก็ยังได้เลย" ธีร์ตอบ แล้วก็เอาควยปลอมขนาดเจ็ดนิ้ว ทาด้วยเจลหล่อลื่น แล้วยัดเข้ารูก้นของต้น ก่อนจะเปิดให้มันสั่นด้วยกำลังสูงสุดอีกอัน แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ สน

"อ๊ากกกก พี่... พี่... โอ่ย..." ต้นร้องออกมาอย่างเสียว และทรมานปะปนกัน ควยเขากระตุกหงึก ๆ หากแต่มันแข็งเต็มที่ไม่ได้เพราะกรงควยที่ครอบอยู่ ยิ่งทำให้เขาปวด และทรมานเข้าไปใหญ่ เขาพึ่งหายจากอาการปวดไข่เมื่อตอนเที่ยง ๆ ถ้าทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วธีร์แกล้งหยุดก่อนน้ำจะแตก มีหวังเขาได้บ้าตายแน่ ๆ ต้นบิดตัวไปมาอย่างทรมานด้วยความเสียว
"นั่งดี ๆ ให้น้ำว่าวมึงลงแก้วนะ ถ้าไม่ลงแก้ว มึงเจ็บตัวแน่" ธีร์พูดเสียงเข้ม สนได้แต่หัวเราะตามเพื่อนไป
'ถึงคราวไอ้นี่ดุขึ้นมานี่น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะเนี่ย' สนคิดในใจ

ไม่นานนักความอดกลั้นที่มีก็หมดลง ความเสียวที่เกิดจากไข่สั่น และควยปลอมที่กำลังกระตุ้นอยู่ภายในตัวก็ต้นก็แสดงฤทธิ์เดชออกมา น้ำกามสีขาวขุ่นไหลออกมาจากปลายควยของต้นออกมาเรื่อย ๆ ต้นครางเสียงดังอย่างเสียวซ่าน

"แตกแล้ว แตกแล้ว อ่า..." ต้นครางออกมา ในระหว่างที่ธีร์กับสนนั่งยิ้มให้แก่ต้น
"สุดยอดหว่ะ น้ำเยอะด้วยนะนั่น" สนเอ่ยปากชม ส่วนธีร์กระโดดลงไปด้านล่าง แล้วเอากุญแจไขกรงควยออก ต่อด้วยการรีดน้ำเชื้อที่คั่งค้างอยู่ในลำควยออกมาจนหมด ปิดสวิทต์ของทั้งดิลโด้และไข่สั่นลง แล้วยกแก้วขึ้นมา

"มึงลองชิมป่ะ" ธีร์ยื่นแก้วให้แก่สน
"ไอ้เหี้ย ไม่เอาอ่ะ แหวะ" สนปฏิเสธ และทำหน้าสะอิดสะเอียน
"ไม่ลองดูสักหน่อย อร่อยนะมึง" ธีร์ยังยั่วต่อ
"พูดยังกะมึงเคยชิมงั้นแหละ" สนสงสัย
"อืม แล้วทำไมละ" ธีร์ตอบเรียบ ๆ แล้วก็รินเหล้าลงไปในแก้วจนถึงครึ่งแก้ว เขาเอานิ้วคน ๆ ให้น้ำกามผสมกับเหล้า แล้วยกนิ้วที่คนนั้นมาดูดยั่วสนเล่น
"อี๋ มึง" สนอึ้งกับการกระทำของธีร์ จนธีร์หลุดหัวเราะออกมา

"อ่ะ คราวนี้มึงกินให้หมดอีกรอบแล้วกัน" ธีร์ยื่นแก้วเหล้าผสมน้ำกามให้แก่ต้น ต้นก็ทำสีหน้าพะอืดพะอมไม่ต่างจากสนสักเท่าไหร่
"ยังไงมึงต้องกินอยู่ดี จะกินดี ๆ หรือให้กูจับกรอกก็แค่นั้น" ธีร์พูดแล้วก็ยิ้มให้แก่ต้น ต้นจึงได้ฝืนดื่มเหล้าผสมน้ำกามของตัวเองลงไป อาจจะเพราะกลิ่นเหล้ามันรุนแรงกว่า เขาเลยไม่รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่ แต่พอคิดว่ามันมีส่วนผสมของน้ำว่าวอยู่ด้วยเท่านั้นแหละ ต้นรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที อาจจะเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยทำให้เขารู้สึกแย่กว่าปกติ เพราะใช่ว่าต้นจะไม่เคยลองลิ้มชิมน้ำกามมาก่อนสักหน่อย

"ห้ามอ๊วกนะมึง ถ้ามึงอ๊วกมึงได้กินอ๊วกตัวเองกลับไปแน่" ธีร์ขู่ แล้วเอามือลูบควย ต่อด้วยการสาวว่าว จนควยของต้นให้แข็งขึ้นมาอีกครั้ง

"นี่ กูถามอะไรมึงหน่อยดิ มันไปทำอะไรให้มึงวะ มึงถึงต้องทำกับมันแบบนี้" สนถามขึ้นด้วยความสงสัยอีกครั้ง
"ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ยืมเงินแล้วไม่คืน" ธีร์บ่ายเบี่ยงจะตอบความจริง
"แค่นี้อ่ะนะ ยืมไปเยอะเหรอวะ" สนยังค้างคาใจอยู่ เพราะถ้าเรื่องเงินธีร์ไม่ได้เดือดร้อนหากใครจะยืมแล้วไม่คืน แต่ถ้าถึงจุดหนึ่งธีร์ก็ปฏิเสธโดยไม่เกรงอกเกรงใจเหมือนกัน
"ก็ไม่เยอะหรอก ครั้งสองสามร้อย แต่หลายครั้งแล้ว" ธีร์ตอบ
"หลายครั้ง แล้วรวมแล้วประมาณเท่าไหร่วะ" สนยังหาสาเหตุต่อไป เขาคิดว่าธีร์เลี่ยงที่จะตอบคำถามเขาตรง ๆ
"กูจำไม่ได้หรอก ไม่ได้จดไว้ สักสี่ห้าพันได้มั้ง" ธีร์ตอบอย่างไม่แน่ใจนัก
"แค่นั้น" สนชักงงกับเรื่องราวเสียแล้ว เงินแค่นี้มันไม่ได้ทำให้ธีร์เดือดร้อนเลย ยิ่งไม่ใช่เงินก้อนเดียวด้วยแล้ว
"กูแค้นมัน โอเคไหม" เสียงเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยความเหี้ยมเกรียมในคำพูดทำเอาสนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน แต่การพูดแบบนี้เท่ากับว่า เขาไม่ควรจะไปซักถามอะไรต่อ ถ้าไม่อยากจะมีเรืองกับธีร์

และเพราะความหงุดหงิดธีร์ถึงกับสาดเหล้าที่อยู่ในแก้วของตนใส่หน้าต้นเอาเต็ม ๆ หลังจากนั้นทั้งธีร์ และสนก็ดื่มเหล้ากันเงียบ ๆ ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรกัน

"เงินมันซื้อความรักไม่ได้หรอกมึง" สนที่เริ่มเมาพูดขึ้นมา
"กูไม่เชื่อหว่ะ ไม่มีอะไรที่เงินซื้อไม่ได้ ขอแค่มีเงิน ก็มีอำนาจ อยากมีความสุขก็ใช้เงินซื้อความสุขได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเรื่องเที่ยว เรื่องกิน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้หญิง หรือแม้แต่ผู้ชาย ต่อให้เป็นชายแท้ ๆ ถ้ามีเงินให้ ก็พร้อมยินยอมให้เกย์ได้เย็ดเหมือนกันแหละ ต่อให้เป็นชีวิตคน ถ้ามีเงินเสียอย่าง ก็ใช่ว่าจะซื้อไม่ได้ จะทำผิดกฎหมายอะไรยังไง ก็แค่มีเงิน ทุกอย่างก็เงียบหายได้ หรือไม่จริง" ธีร์อธิบายยืดยาว
"นั่นมันของภายนอก กูหมายถึง ความรู้สึกอะไรงี้" สนยังไม่ยอมรับความเห็นของเพื่อน
"ความสุขกูก็พูดแล้ว ความรัก กูก็เห็นหลายคนยอมอยู่กับคนที่ตนไม่ได้รัก เพียงเพราะมีเงิน แม้กระทั่งกาลเวลา ต้องแก่ แต่ไม่อยากผิวเหี่ยวย่นตามกาลเวลาก็ใช้เงินประคับประคองฉีดโน่นทานี่ ให้หมอทำให้จนดูอ่อนกว่าความจริงตั้งเท่าไหร่ ถึงเวลาตายไม่อยากตาย ยังใช้เครื่องมือแพทย์ยื้อชีวิตเอาไว้ได้ มีอะไรที่เงินซื้อไม่ได้จริง ๆ เหรอวะ" ธีร์พูดเหน็บด้วยอารมณ์ หากแต่สนไม่ตอบโต้

"ไอ้นี่ก็เหมือนกัน เพราะกูมีเงิน มันถึงได้ยอมมาเป็นแบบนี้ ถ้ามันไม่เห็นแก่เงิน มันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก" ธีร์พูดเสียงเข้มเหี้ยมเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แล้วก็เตะเข้าสีข้างของต้นอย่างจัง จนต้นถึงกับเซล้มลงไปนอนกองกับพื้น แต่ธีร์ไม่ยอมหยุด เขาแตะต้นไปอีกหลายที ต้นนอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เพราะไม่อาจจะหนีจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ได้เพราะถูกเชือกมัดอยู่

"กูทำดีต่อมันตั้งมาก บอกว่ารักมันชอบมัน กูขอแค่มันเคารพกูบ้างก็พอ แค่ในฐานะที่กูเป็นผู้ใหญ่กว่ากูก็ไม่ว่าอะไรแล้ว กูรู้ว่ามันไม่ได้ชอบผู้ชายแบบกู แต่มันยังทำตัวเหี้ย ๆ กับกูอีก มันสมควรตาย" ธีร์พูดอย่างหงุดหงิด และเตะต้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้ความปราณี ตามตัวต้นมีรอยถูกเตะอยู่หลายจุด ตามเนื้อตามตัวเต็มไปด้วยฝุ่น และเศษดินเศษหญ้า ธีร์ทำไปโดยไม่สนใจเสียงอ้อนวอนของต้นที่ดังสลับกับเสียงโอดโอยเวลาโดนเตะเลย

ไม่รู้เพราะเหล้าหรือเพราะอะไร แต่สนรู้ว่าตอนนี้ธีร์กำลังเป็นคนขาดสติ เขาไม่อยากให้ธีร์ถลำลึกไปมากกว่านี้อีกแล้ว แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็กลัวว่าธีร์จะเปลี่ยนเป้าหมายมาเล่นงานตนแทน แล้วมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา

"ไอ้ธีร์ กูว่า มึงพอเถอะ แค่นี้ไอ้เด็กนี่มันก็ย่ำแย่เต็มทนแล้ว" สนพูดขึ้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายเล่นงานต้นไม่ยั้ง
"กูไม่หยุด มันทำกับกูไว้เยอะ มันต้องชดใช้อย่างสาสม" ธีร์พูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด สนเองไม่เคยเห็นธีร์เป็นแบบนี้มาก่อน เขาอึ้งไม่น้อย สนเริ่มไม่สนุกกับกิจกรรมแปลก ๆ พวกนี้แล้วสิ
"มึงเคยบอกกูว่า 'การแก้แค้นมันไม่ช่วยให้ได้อะไรขึ้นมา สุดท้ายแล้วก็เหลือแต่เพียงความว่างเปล่า' ไม่ใช่เหรอวะ มึงหยุดแค่นี้เถอะหว่ะ" สนยังไม่หยุดห้ามธีร์
"กูไม่หยุด! เรื่องของกู มึงไม่ต้องยุ่ง ไอ้สน" ธีร์ยังคงเถียงอย่างไม่ลดราวาศอก
"กูสั่งให้มึงหยุด ไอ้ธีร์ มึงต้องหยุดเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง!" สนตวาดธีร์เสียงแข็งเพราะเขาเริ่มจะไม่สนุกด้วยแล้ว ต้นเมื่อได้ยินเข้า เขารู้สึกว่า สนไม่ใช่คนที่เขาควรยุ่งด้วยเลย ส่วนธีร์ เขาไม่ได้เกรงกลัวเพื่อนคนนี้แม้แต่น้อย จึงได้หันความสนใจมามองหน้าสนด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมอย่างคนโกรธจัด หากแต่สนก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรไม่

'เอาก็เอาวะ' สนคิดในใจ
"มึงกล้าสั่งกูเหรอ มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู หา! ไอ้เหี้ยสน!" ธีร์ด่ากลับ
"เออ! กูอาจจะไม่มีสิทธิ์ แต่กูก็จะสั่ง มึงต้องหยุดเดี๋ยวนี้ มึงเข้าใจที่กูพูดไหม" สนขู่ พร้อมกับส่งสายตาที่พร้อมจะมีเรื่องกับคนที่อยู่ตรงหน้าได้ทุกเมื่อ
"ถ้ากูไม่หยุด มึงจะทำอะไรกู มึงกล้าทำอะไรกูด้วยเหรอ" ธีร์ท้าทายสน คนที่ทุกคนมองว่าดื้อรั้น หัวแข็ง เป็นอันธพาล แถมยังทำตัวสำมะเลเทเมา ไม่เป็นโล้เป็นพายไปวัน ๆ แต่กลับยอมก้มหัวให้แก่พวกเขาโดยไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริง
"ถ้ามึงไม่หยุด มึงตาย…" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของสน สีหน้าแววตาที่เหี้ยมเกรียม และหมัดที่กำแน่น ทำให้ธีร์ถึงกับหยุดนิ่ง เขาไม่นึกกว่าสนจะกล้าพูดอย่างนี้กับเขามาก่อน เขารู้ดีว่าสนนั้นโหดเหี้ยมแค่ไหน เพียงแต่สนไม่เคยคิดทำอะไรเขา และอ่อนน้อมต่อพวกเขาเสมอมา

สำหรับต้นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เขาอยากจะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีจากที่นี้ให้เร็วที่สุด ต้นรู้สึกเหมือนกับว่า สนพร้อมแล้วที่จะอาละวาด ทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้พังพินาศลง เขากลัว แต่ต้นไม่อาจจะวิ่งหนีออกไปจากสถานการณ์อันเลวร้ายตรงหน้าได้ เนื่องจากถูกมัดอยู่ แต่ถึงไม่มีอะไรมารั้งเขาเอาไว้ ใบหน้าที่เหี้ยมโหด กับสายตาอันดุดันนั้น ก็ทำให้ต้นแทบขยับตัวไม่ได้เหมือนกัน

"มึงกล้าเหรอ" ธีร์ยังไม่ยอมสยบให้ต่อสนง่าย ๆ ที่จริง เขาไม่เคยยอมสยบต่อคำขู่ใด ๆ ของสนเลยแม้แต่ครั้งเดียว และครั้งนี้ ธีร์ก็ตั้งใจแบบนั้น ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่า สนเป็นคนพูดจริงทำจริง

"แล้วทำไมกูจะไม่กล้า หือ... ไอ้เหี้ยธีร์..." น้ำเสียงเรียบ ๆ เย็น ๆ กับแววตาเหี้ยมเกรียมดุดันนั้น ทำให้ธีร์รู้สึกว่า เขากำลังปลุกปิศาจที่ถูกผนึกไว้ในตัวของสนให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ปิศาจที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ต้องวุ่นวาย จนถึงขั้นต้องเสียเลือดเสียเนื้อ และที่สำคัญ ตอนนี้ เป้าหมายของปิศาจตนนั้นไม่ใช่คนอื่นอย่างที่ผ่านมา แต่เป็นตัวเขาเอง นั่นหมายความว่า จะไม่มีใครแถวนี้สามารถหยุดสนเอาไว้ได้ จนกว่าสนจะรู้ตัวว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และนั่นมันก็คงสายเกินไปแล้ว...

(โปรดติดตามตอนต่อไป)
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์
thank  you

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1517
พลังน้ำใจ
18231
Zenny
11771
ออนไลน์
1176 ชั่วโมง
26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-1-1 00:03:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นรกานต์ (Enslave) ตอนที่ 12: ขอบคุณ

"ชิ" ธีร์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเดินออกจากบ้านสวนของสนไป โดยไม่สนใจจะหันกลับมามองอีกเลย ธีร์รู้ตัวดีว่า คำพูดของเขานั้นหาใช่คำประกาศิตที่จะทำให้สนหยุดได้ ส่วนสนเองได้แต่ถอนหายใจ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอดกลั้นต่อพลังที่อยู่ข้างในได้ยังไง หากเขาขาดสติ แล้วทำร้ายเพื่อนคนนี้ขึ้นมา เขาคงต้องเสียใจไปทั้งชีวิตเป็นแน่

"มึงเป็นอิสระแล้ว" สายตาที่อ่อนโยนลงของสนมองมายังต้นที่กลัวจนตัวสั่น แล้วเดินมายังต้นพร้อมกับแก้เชือกออกอย่างทุลักทุเล สนทึ่งในความสามารถเรื่องการผูกเงื่อนของธีร์มาก โดยเฉพาะเขาต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะแก้เชือกออกจากตัวต้นได้ แต่ธีร์กลับใช้เวลาไม่นานนักก็ผูกมันเสร็จแล้ว

"ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณมาก" ต้นพูดด้วยความตื้นตัน พร้อมกับยกมือไหว้ เมื่อเชือกที่เคยพันธนาการเขาเอาไว้หลุดออกไป
"มึงคงเหนื่อยมากแล้ว ไปล้างตัวตรงโอ่งตรงโน้นสักนิด แล้วมานอนเถอะ" สนพูดแล้วชี้ไปที่โอ่ง ส่วนเขาไปหยิบเสื้อผ้าของตนมาวางให้ต้น แล้วเข้าไปจัดที่นอน

ต้นอาบน้ำ ล้างแผลที่มีเศษดิน เศษหญ้าติดอยู่จนสะอาด ก่อนจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวเข้ามาข้างในบขนำ ส่วนสนที่นุ่งผ้าขาวม้าอยู่ก็ไปอาบน้ำแปรงฟันบ้าง

"พี่ไม่ห่วงพี่ธีร์เหรอ ค่ำคืนดึกดื่นแบบนี้ เดินกลางถนนคนเดียว..." ต้นถามสนขึ้นเมื่อ สนเดินเข้ามาข้างใน ต้นไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ที่อยู่ดี ๆ ธีร์ก็เดินออกไปอย่างง่ายดาย โดยไม่สนใจเลยว่านี่ก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว
"ช่างมันเถอะ มันดูแลตัวเองได้ มึงไม่ต้อง... ว่าแต่มึงห่วงมันเป็นด้วยเหรอ กูนึกว่ามึงจะไม่สนใจอะไรในตัวไอ้ธีร์เสียอีก" สนสงสัยขึ้นมาบ้าง หากแต่อีกฝ่ายไม่ตอบ นอกจากเอนนอนบนพื้นไม้ที่ปูด้วยที่นอนบาง ๆ เงียบ ๆ

"มึงรู้ไหม อะไรที่เงินซื้อไม่ได้" อยู่ดี ๆ สนก็ถามต้นขึ้นมาท่ามกลางความมืด
"หือ" ต้นตอบกลับมา แต่เขานึกไม่ออก เพียงแค่นึกถึงคำพูดของธีร์ที่พูดขึ้นก่อนจะเตะเขาขึ้นมา มันทำให้ต้นจนปัญญาจะหาคำตอบ
"จริง ๆ ไอ้ธีร์มันก็รู้แหละ มันรู้ดีด้วย แต่เพราะมันรู้ มึนถึงได้เตะมึง..." สนพูดขึ้นเมื่อเห็นต้นเงียบอยู่นาน
"อะไรเหรอพี่" ต้นถามด้วยความสงสัย
"ความจริงใจ" สนพูดขึ้น เมื่อต้นได้ยินก็เงียบไป สนเองก็ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนักต้นก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า สำหรับสน เขานอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเกือบเช้า




ส่วนธีร์ที่เดินออกมาจากบ้านของสนอย่างไม่สบอารมณ์นั้น ก็เดินฝ่าความมืดไปเรื่อย ๆ จนถึงสะพานแห่งหนึ่ง เขามองลงไปที่สายน้ำเบื้องล่างอย่างว่างเปล่า น้ำดำ ๆ ท่ามกลางความมืดที่กำลังสะท้อนแสงจันทร์ดูระยิบระยับสวยงาม แต่มันไม่ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นอะไรมากมาย ความเหงาที่แสนทุกข์ทรมานเข้ามาเกาะกุมหัวใจเขาอีกครั้ง ความเหงาที่เขาพยายามวิ่งหนีแต่วิ่งเท่าไหร่มันก็ไม่เคยพ้น ไม่เคยทิ้งห่างได้เลย

"ถ้ากระโดดลงไป จะตายไหมหวะ" ธีร์พูดกับตัวเอง แล้วเขาก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนราวสะพาน เพียงแต่หันหลังให้กับสายน้ำ อย่างไม่เกรงกลัวว่าจะมีผีมาผลัก พร้อมกับยิ้มเยาะในความคิดบ้า ๆ ที่โผล่เข้ามาในหัว




"ครับผม" ชายหนุ่มรับโทรศัพท์อย่างงัวเงียท่ามกลางความมืด
"เลิศ มึงนอนยัง แล้วอยู่บ้านเปล่า" ธีร์ถามอีกฝ่าย
"อือ... อยู่บ้าน ตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์นี่แหละครับ..." เลิศตอบทั้งที่ยังงัวเงียอยู่
"เอามอเตอร์ไซค์มารับพี่หน่อยดิ" ธีร์ขอให้อีกฝ่ายช่วย
"ครับ... หือ... อะไรนะพี่" เลิศงงกับคำพูดของธีร์
"มารับหน่อย เอามอเตอร์ไซค์ออกมา แล้วอย่าบอกใคร เข้าใจไหม" ธีร์พูดช้า ๆ ชัด ๆ
"เอ่อ... ครับผม.... แล้วจะให้ไปรับที่ไหนอ่ะ" เลิศถาม
"สะพานทำนบ..." ธีร์ตอบ
"โอเคครับ เดี๋ยวพอไปถึง ถ้าหาไม่เจอ ผมจะโทรหาอีกทีนะครับพี่ธีร์" เลิศตอบแล้วลุกจากที่นอน
"ขอบใจนะ" ธีร์ขอบคุณเลิศไปแล้วนั่งรอบนขอบสะพานเงียบ ๆ




"อ้าว ตื่นแล้วเหรอ" สนทักต้นที่ลุกขึ้นมาหน้าบ้านในตอนหัวรุ่งของวันนั้น หลังจากที่เขาล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว
"ครับพี่" ต้นตอบ
"กูจะไปเก็บผักก่อน มึงจะรอที่นี่ก็ได้ กูไม่ว่า" สนพูดแล้วเดินไปในสวนที่อยู่ไม่ห่างนัก
"ผมไปช่วยดีกว่า ถือว่าขอบคุณเรื่องเมื่อคืน" ต้นตอบ แล้วเดินไปล้างหน้าป้วนปาก
"งั้นก็ตามใจมึง" สนพูดแล้วก็เดินไป เก็บยอดฟักแม้ว ยอดตำลึง และผักสวนครัวอื่น ๆ ที่ปลูกปะปนกันไปในสวน โดยมีต้นเป็นลูกมือคอยถือคอยจัดให้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเลือกเก็บอันไหนยังไง ไม่นานนัก งานตอนเช้าของสนก็เรียบร้อย ทั้งคู่หอบผักมากองไว้ที่บ้านไม้ของสน แล้วจัดเป็นมัดพร้อมขาย

"พี่เอาไปขายเองเหรอ ผักพวกนี้อ่ะ" ต้นถามขึ้น
"เปล่า มีคนมารับไปขายให้" สนตอบระหว่างที่สาละวนกับการจัดผักเป็นกำ ๆ
"แบบนี้ก็เท่ากับขายส่งดิพี่ เขาหักสักกี่เปอร์เซ็นต์ล่ะ" เจ้าต้นสงสัย เพราะอาหารทะเลมันถูกกดราคาอยู่ไม่น้อย ยิ่งปลาตัวไหนมีตำหนินิดหน่อย แทบจะเหลือแค่ห้าสิบเปอร์เซนต์ทั้ง ๆ คนซื้อเขาคงสังเกตไม่เห็นเสียด้วยซ้ำว่ามีรอยตำหนิ
"เขาไม่ได้หักเปอร์เซ็นต์อะไรหรอก ช่วยขายให้ฟรี ๆ" สนพูดออกมาแบบไม่เต็มปากเต็มคำนัก เนื่องด้วยเขาไม่ชอบที่จะให้ใครทำอะไรให้เขาฟรี ๆ สักเท่าไหร่ มันรู้สึกเหมือนตัวเองเอาเปรียบคนอื่น แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้กับเรื่องนี้
"อ่าว เหรอพี่" ต้นสงสัย
"อืม คำสั่งเพื่อนกู" สนพูดเรียบ ๆ ระหว่างที่มือก็จัดผักมัดผักไป

เสียงรถสามล้อพ่วงมาจอดอยู่หน้าบ้านของสน มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งมาด้วยกัน
"พี่สน" เสียงของชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขับเรียกขึ้น
"แป๊บนึง ไอ้เล็ก จะเสร็จแล้ว" สนตะโกนตอบกลับไป
"ตั้งแต่เช้าเลยเหรอพี่" เล็กพูดขึ้นเรียบ ๆ ทำให้หญิงสาวที่นั่งมาด้วยยิ้มขึ้นมา
"ไอ้นี่ มึงนี่คิดแต่เรื่องพรรค์นี้หรือไง" สนพูดกลั้วหัวเราะ
"เรื่องอะไร ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย พี่อ่ะคิดไปเอง" เล็กพูดสวนขึ้นมา แล้วเดินลงจากสามล้อพ่วงเข้ามาในสวนของสน แล้วมาช่วยสนขนผักขึ้นไปบนรถ เล็กหันมามองต้นที่นั่งอยู่ด้วย แม้เล็กจะเห็นว่าตามเนื้อตามต้นต้นมีรอยถูกทำร้ายอยู่หลายรอย แต่เขาไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก
"ไปมีเรื่องอะไรกับเขาอีกล่ะพี่" เล็กถามขึ้น
"เฮ่ย เปล่า ไอ้ต้นมันไปมีเรื่องกับชาวบ้านมา แล้วมาขอหลับภัยที่นี่ กูไม่เกี่ยว" สนปด
"เหรอ..." เล็กตอบรับอย่างไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่าย
"สองร้อย" เล็กพูดขึ้นพร้อมกับแบมือ
"คิดจะแบล็กเมลกูเหรอ ไอ้เหี้ยนี่" สนด่าขำ ๆ
"ฮ่า ฮ่า" เล็กหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"อย่าให้ผมจับได้ละกัน ผมอยากเห็นหน้าสลดของพี่อีกชะมัด" เล็กยังกวนสนต่อไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่ช่วยกันขนผัก
"มึงนี่ก็นะ พอกันทั้งคู่" สนบ่นลอย ๆ จนสุดท้ายผักทั้งหมดก็ไปอยู่บนรถสามล้อพ่วงของเล็ก

"นี่เงินของเมื่อวานนะพี่" เล็กยื่นเงินที่รับมาจากหญิงสาวที่มาด้วยให้สนไป
"ขอบใจนะ" สนตอบกลับไป
"ไม่เป็นไรครับ งั้นผมไปก่อนนะวันนี้สายมากแล้วอ่ะ" เจ้าเล็กตอบแล้วขับรถออกไป

สนเดินเข้าไปในบ้าน เอาเงินไปเก็บ แล้วเดินออกมาข้างนอก
"กูต้องไปรดน้ำอีก" สนพูดแล้วก็เดินไป ส่วนเจ้าต้นก็เดินตามไปหมายจะช่วยให้งานเสร็จเร็ว ๆ

ระหว่างที่รดน้ำต้นไม้ในสวนไปเรื่อย ๆ จนใกล้เสร็จ ต้นก็พูดขึ้น

"พี่พาผมไปหาพี่ธีร์หน่อยดิ ผมอยากจะขอโทษพี่เขา"
"หึ ไม่จำเป็นหรอก มันไม่ถือสามึงแล้ว มึงไม่ต้องสนใจหรอก" สนพูดออกไปตามตรง
"แต่ว่า... ผมก็อยากจะขอโทษพี่เขาอยู่ดี กับเรื่องที่เคยทำไว้ ผมสัญญาว่า ผมจะไม่สร้างปัญหาให้พี่ หรือพี่ธีร์อีก นะพี่นะ" ต้นพูดอย่างจริงจัง
"หึ มึงไม่ต้องมาสัญญา กูไม่เชื่อมึงหรอก" สนพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ ส่วนต้น เขารู้สึกไม่ดีกับคำพูดนี้สักเท่าไหร่ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
"คนที่ทำให้ไอ้ธีร์มันโกรธจนถึงขั้นบอกว่า 'กูแค้นมัน' ถ้าไม่ใช่เป็นคนโกหกปลิ้นปล้อน ก็คงเป็นคนไม่รักษาสัญญาที่ให้กับไอ้ธีร์มันเลยสักครั้ง หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง ดังนั้น กูไม่เชื่อมึงหรอก มึงไม่ต้องมาสัญญงสัญญาอะไรกับกู" สนพูดอย่างไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย นั่นทำให้ต้นถึงกับหน้าเจื่อนพูดอะไรไม่ออก

สนกลับไปสนใจรดน้ำผัก รวมทั้งถอนวัชพืชบางส่วนเล่น หลังจากรดน้ำผักเสร็จ สนก็เอาอาหารปลามาโปรยลงสระที่ขุดไว้ เพื่อให้ปลาที่อยู่ในสระโตเร็ว ๆ จะได้จับขายสักที ถ้าได้เงินมา เขาคิดว่าจะขยายสวนออกไปอีกนิดหนึ่ง แล้วปลูกไม้ใหญ่บ้าง เลือกอะไรที่โตเร็ว ๆ ไม่ต้องดูแลมากนักก็น่าจะดี แต่มันจะมีพันธุ์ไม้แบบนี้ไหม เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

"มึงไปอาบน้ำได้แล้ว" สนพูด แล้วโยนผ้าขาวม้าให้ ส่วนเขานั่งค้นเสื้อผ้าในลัง คิดไปคิดมา เขาน่าจะหาเสื้อใหม่ ๆ มาเก็บไว้บ้างได้แล้ว เสื้อที่มีอยู่มันเก่าเต็มทน เก่าจนเขาไม่อยากจะใส่มันออกไปข้างนอก เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าไปเที่ยวในเมืองครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้ไปยากลำบากอะไร แต่อะไรหลาย ๆ อย่างทำให้เขาอยู่แต่ที่บ้านสวนแห่งนี้เรื่อยมา

สนเลือกเสื้อกับกางเกงบอลที่ดูใหม่สักหน่อยออกมาจากกล่อง "เสื้อผ้ามึงอยู่นี่นะ กางเกงในไม่มี มึงคงไม่อยากใส่กางเกงในของชาวบ้านมั้ง" สนพูดกับต้นที่อาบน้ำใกล้เสร็จ แล้วถอดเสื้อผ้า นุ่งผ้าขาวม้าไปอาบน้ำบ้าง

แม้หน้าตาของสนไม่ได้หล่อเหลาอะไร อีกทั้งยังดูดุ ๆ ดำเถื่อนเป็นนักเลงอีกต่างหาก แต่หุ่นก็ดีพอควรจากการทำงานหนัก และเหมือนจะออกกำลังกายเป็นประจำอีกด้วย ต้นมองร่างกายของสนเพียงผ่าน ๆ หาได้สนใจอะไรไม่ เขาเองไม่ได้สนใจผู้ชายสักเท่าไหร่อยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่มีผิวดำคล้ำแบบนี้ แต่ที่น่าสังเกตคงจะเป็นรอยแผลเป็นที่ดูจะเยอะไปสักหน่อย กับรอยสักรูปต้นไม้ที่ดูร่วงโรยใกล้ตายนี่แหละ เรื่องแผลเป็นคงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะดูจากกิริยาท่าทางแล้ว สนไม่ใช่คนที่ควรเล่นด้วย แต่ต้นไม่เข้าใจว่าทำไมถึงสักรอยสักที่ชวนหดหู่ แล้วทำไมต้องเป็นต้นไม้ที่ดูเหี่ยวแห้งโรยราแบบนี้ ต้นได้แต่เก็บความสงสัยนี้เอาไว้ในใจ เพราะเขาไม่กล้าจะเอ่ยปากถามอีกฝ่าย

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็ไปหยิบโน่นหยิบนี่ใส่ถุงกระสอบ จากนั้นก็เอามาใส่ตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซค์ แล้วเข็นออกมาจากใต้ถุนขนำ
"ป่ะ ขึ้นรถ" สนเรียก แล้วสตาร์ทมอเตอร์ไซค์
"หือ" ต้นดูงง ๆ
"อ้าว เห็นมึงจะไปหาไอ้ธีร์ไม่ใช่เหรอ" สนพูดขึ้น ทำให้ต้นขึ้นมาซ้อนท้ายอเตอร์ไซค์อย่างดีใจ
"ขอบคุณครับพี่" ต้นพูด
"สวมหมวกด้วย" สนพูดพร้อมยื่นหมวกกันน็อคแบบเต็มใบให้ต้น แล้วก็สวมให้กับตัวเอง ต้นดูจะงงหน่อย ที่อยู่ดี ๆ สนพูดอย่างนี้ ต้นรู้สึกว่าสนนี่ดูจะเป็นคนรักษากฎหมายมากกว่ารูปร่างหน้าตาที่เห็นแฮะ แต่พอมอเตอร์ไซค์เคลื่อนที่เท่านั้นแหละ เขาถึงได้รู้ว่า เขาคิดผิด เพราะสนขับรถเร็ว ประกอบกับถนนที่คดเคี้ยวไปมาเหมือนงูเลื้อย มันทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังจนต้องเอามือมาจับเอวสนเอาไว้

สนขับมอเตอร์ไซค์ตามถนนไปเรื่อย ๆ จนใกล้ถึงบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง เขาก็ชะลอความเร็วลง หันมองไปหน้าประตูก่อนที่จะขับเลยไปไกลพอสมควร หลังจากนั้นก็เลี้ยวรถกลับ แล้วเอามอเตอร์ไซค์มาจอดไว้ที่หน้าบ้านหลังใกล้ ๆ กัน

'อะไรยังไงเนี่ย' ต้นคิดในใจ

"มึงเดินตามกูมานี่" สนพูดกับต้น หลังจากถอดหมวกกันน็อคออก แล้วหยิบถุงกระสอบใบเล็กที่อยู่หน้ารถติดมือไปด้วย
"กูบอกกับมึงก่อนนะ กูไม่รับประกันความปลอดภัยของมึง ไม่รับผิดชอบหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา แล้วก็ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้น กูพร้อมทิ้งมึงเพื่อเอาตัวรอดทันที ดังนั้น มึงต้องช่วยเหลือตัวเอง โอเคนะ" สนพูดพร้อม ๆ กับเดินไปยังบริเวณลับตาคนของบ้านหลังใหญ่

"หือ... ครับ" ต้นรู้สึกมึนงงกับคำพูดของสน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่มีทางเลือกใด ๆ นอกจากสงสัยว่า สนจะทำอะไรต่อไป

สนโยนเชือกขึ้นไปคล้องกับหัวเสาของกำแพงบ้านหลังใหญ่ แล้วเริ่มปีนขึ้นไป

"อีกอย่าง มึงต้องทำตามที่กูพูดอย่างเคร่งครัด ระวังไอ้มิกกี้ กับอีมินนี่ด้วย" สนพูดขึ้นมา
"มิกกี้ กับมินนี่ คืออะไรอ่ะ" ต้นถามด้วยความงง
"หมาตัวโปรดของไอ้ธีร์มันหน่ะ" สนตอบ ต้นคิดว่า มันน่าจะเป็นหมาตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ถึงได้ตั้งชื่อตามตัวการ์ตูนแบบนี้ แล้วทำไมต้องกลัวด้วยหว่า แต่ขึ้นชื่อว่าหมา ถ้าไม่เห่า ก็คงกัด แต่หมาตัวเล็ก ๆ มักปากดีไปงั้นแหละ แค่ตวาดหน่อยเดียวก็วิ่งหางจุกตูดแล้ว

หลังจากสนปีนข้ามกำแพงไปได้แล้ว ต้นจึงได้ปีนตามไป และพบว่าสนหลบอยู่หลังกอมะลิกอใหญ่อยู่ เหมือนสนจะชำนาญ รู้จักที่นี่ดี แล้วทำไมถึงต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ อย่างนี้ด้วย แต่ยังไม่ทันที่ต้นจะได้เอ่ยถามอะไร เสียงเห่าของสุนัขก็ดังขึ้น เสียงนี้ ไม่ใช่เสียงหมาตัวเล็ก ๆ อย่างที่ต้นคิดไว้แน่ ๆ แต่... คงไม่เป็นอะไรมั้ง

"เวรละ ไอ้เหี้ยสองตัวนี่ พวกมึงจะหูตาว่องไวไปไหนวะ" สนบ่นอย่างรำคาญใจ
"วิ่งตามกูมา ไอ้ต้น วิ่งสุดชีวิตเลยนะมึง" ว่าแล้วสนก็วิ่งออกไป แต่ต้นยังหันรีหันขวางอยู่
"กูบอกให้วิ่ง!" สนตะโกนเสียงดัง ต้นจึงได้วิ่งตามไป พอเขาหันหลังมาเท่านั้นแหละ ต้นถึงได้เข้าใจสิ่งที่สนพูดมาทั้งหมด ก็อะไรเสียอีกล่ะ สุนัขพันธุ์ร็อตไวเรอร์ตัวบักเอ้กสองตัวกำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วหน่ะสิ

'นี่อ่ะนะ มิกกี้กับมินนี่ ที่พี่สนพูดถึง' ต้นคิด

เจ้ามิกกี้กับมินนี่มันวิ่งเร็วกว่าทั้งคู่มากนัก ไม่นานก็ไล่มาเกือบทัน แต่มันไม่ได้วิ่งเข้าจู่โจมทั้งคู่ หากแต่ไล่กวดเหมือนกับหมาที่กำลังสนุกกับการไล่จับกระต่ายที่หมดทางหนีก็ไม่ปาน มิหนำซ้ำมันยังกระดิกหางดีใจเป็นที่สุดที่มีอะไรมาให้มันวิ่งไล่บ้าง หากแต่ทั้งต้น และสนไม่คิดเช่นนั้น แม้ว่าสนจะเคยโดนเจ้าสองตัวนี้ไล่กวดมาบ้าง แต่เขาก็ยังไม่ชินอยู่ดี มันดูไม่เป็นมิตรกับเขาเสียเลย ส่วนต้นไม่ต้องพูดถึง แค่เห็นร็อตไวเรอร์เขาก็กลัวจนแทบทำอะไรไม่ถูก ยังดีที่เขามีแรงวิ่งไม่เช่นนั้น คงถูกเจ้าสองตัวนี้รุมทึ้งจนกลายเป็นเศษเนื้อแน่ ๆ

สนวิ่งนำต้นมายังบ้านเรือนไทยหลังเดี่ยวหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่หลายต้น อีกทั้งรอบ ๆ ก็ปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้หลายต้น ตรงบันไดมีชายคนหนึ่งยืนยิ้มให้กับทั้งสองคน... และสองตัว

"ไอ้เหี้ยธีร์ มึงอย่ายืนอยู่เฉย ๆ สิ ห้ามไอ้เหี้ยสองตัวนี้ทีดิมึง" สนตะโกนเรียกชายที่ยืนอยู่ หากแต่อีกฝ่ายกลับยืนอยู่เฉย ๆ ประหนึ่งว่าดูสัตว์เลี้ยงตัวโปรดสนุกกับของเล่นก็ไม่ปาน
"ไอ้สน ไอ้ต้น หยุดได้แล้ว อย่างไปแกล้งเจ้ามิกกี้มินนี่มัน" ธีร์พูดกวน ๆ แต่ทั้งสน และต้นไม่ได้ขำด้วยเลย
"ไอ้เหี้ยยยยยย" สนด่าลั่น
"แล้วทำไมมึงไม่เข้าทางประตูวะ" ธีร์พูดขึ้นโดยไม่สนใจคำด่าของสนเลยแม้แต่น้อย
"ถ้าเขาให้เข้าก็ดีดิวะ มึงก็นะ" สนตะโกนตอบ
"มึงก็โทรมาก่อนดิ กูได้ออกไปรับ" ธีร์ยังยืนนิ่งอยู่
"ไอ้สัตว์ มึงปิดมือถือ" สนด่าอีกฝ่ายกลับ
"หือ เอ่อ กูลืมเปิด" ธีร์ทำท่าเหมือนจะนึกขึ้นได้ แต่ก็ยังเฉยเหมือนเดิม สนรู้สึกขัดใจกับกิริยาท่าทางวางเฉยของธีร์ชะมัด มันรักหมามากกว่าคนอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดจริง ๆ ด้วยแฮะ จนสน กับต้นวิ่งเข้ามาใกล้กับบ้านเรือนไทยนั่นแหละ ธีร์ถึงได้ออกไปห้ามเจ้ามิกกี้กับมินนี่

"มิกกี้ มินนี่ พอได้แล้ว นี่เพื่อนกูเอง พวกมันกลัวพวกมึงจะแย่แล้ว อย่าแกล้งพวกมันดิ" ธีร์พูดกับหมาทั้งสองประหนึ่งหมาฟังภาษาคนรู้เรื่องก็ไม่ปาน แต่จะว่าไป ทั้งคู่ก็หยุดไล่ต้นกับสน แล้ววิ่งมาหาธีร์ที่นั่งลง แล้วคลอเคลียอย่างเป็นมิตร โดยไม่สนใจผู้บุกรุกอีกต่อไป ที่ลูบหัวทั้งสองตัวอย่างรักใคร่ โดยไม่สนใจอีกสองคนที่ยืนหอบอยู่แม้แต่น้อย

"ไอ้เหี้ยสน มึงมานี่ทำไม กูบอกแล้วใช่ไหมว่า ห้ามมาเหยียบที่นี่อีก" เสียงตะโกนอย่างไม่พอใจดังขึ้นมาจากข้างหลังของสน จนทำให้ทั้งหมาทั้งคนชะงักไป

"มิกกี้ มินนี่ ไปเล่นที่อื่นก่อนไป" ธีร์หันมาพูดกับหมาสุดรักของตัวเอง แล้วยืนขึ้นเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดทหารเต็มยศ

"เหี้ยเอ้ย ป่านนี้แล้วมึงยังไม่ไปเข้ากองอีกหรือวะ" สนบ่นเบา ๆ จนแทบไม่มีใครได้ยิน นอกจากต้นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

"พี่เต้ นี่เพื่อนผมนะ" ธีร์พูดอย่างไม่พอใจ
"เพื่อนเหี้ย ๆ แบบนี้มึงจะไปคบมันทำไมวะ มันทำมึงเดือดร้อนกี่ครั้งแล้ว มึงยังจะไปดีกับมันอีก กูไม่เข้าใจจริง ๆ" เต้ต่อว่าน้องชาย
"นั่นมันเรื่องของผม พี่ไม่ต้องยุ่งหรอก" ธีร์ตอบโต้อย่างไม่เต็มปากนัก
"กูก็ไม่อยากยุ่งหรอก ถ้ามันไม่เดือดร้อนมาถึงกูด้วย ถ้าพ่อรู้กูก็โดนด่าอีก มึงทำอะไรไม่ดี พ่อก็ด่ากูทุกที แทนที่จะไปด่ามึง ทั้ง ๆ ที่คนผิดเป็นมึงไม่ใช่กูสักหน่อย" เต้ต่อว่าน้องชายอย่างหงุดหงิดจนธีร์ถึงกับรู้สึกผิด เขารู้ดีว่าพ่อของตน และพี่เต้เป็นห่วงเขา แต่การที่จะบังคับให้ใครทำอะไรตามใจตัวเองนั้น มันเป็นเรื่องที่เขาไม่เห็นด้วย ธีร์ไม่ได้อยากเป็นทหารเหมือนพ่อเหมือนอย่างพี่เต้ หากแต่เขาก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะใช้ชีวิตยังไงดี เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วตัวเองชอบทำอะไรกันแน่ มันออกจะน่าเศร้าไปสักหน่อยที่อายุขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้ตัวว่า แท้จริงแล้วตัวเองอยากจะใช้ชีวิตยังไง

"เหี้ยเอ้ย! พูดไปก็เปลืองน้ำลาย" เต้สบถ แล้วก็เดินจากไป สนถอยหายใจเบา ๆ ส่วนต้นนั้นงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย เพราะไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วยเลย

"ขึ้นไปข้างบนก่อนก็แล้วกัน แล้วกินอะไรมายัง" ธีร์ชวนพร้อมถามไปในตัว
"ยัง" สนตอบทั้งที่ยังเหนื่อยอยู่
"งั้นพวกมึงนั่งพักกันก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูไปหาของกินมาให้ รู้สึกว่าวันนี้จะเป็นข้าวต้มหมูเครื่องในนะ ไม่รู้หมดหรือยัง" ธีร์พูดขึ้น พร้อม ๆ กับยื่นขวดน้ำที่หยิบออกมาจากในห้องให้แก่สน
"เหรอ ดีดิ กูคิดถึงกับข้าวฝีมือป้าพิมพ์แกจะแย่ละ" สนพูดขึ้น
"หึ" ธีร์ยิ้มให้กับสน แล้วก็เดินลงบันไดไป

ต้นนั่งพักเหนื่อยอยู่นอกบ้าน ลมพัดเบา ๆ ร่มไม้ กับกลิ่นหอมของดอกไม้อ่อน ๆ ช่วยให้เขารู้สึกดีชะมัด ส่วนสนนั้นเปิดประตูเข้าไปช้างใน แล้วนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ของธีร์

"ถ้าไอ้มั่นอยู่ มันจะทำยังไงวะ..." สนบ่นพึมพำแล้วมองหลังคาอย่างเลื่อนลอย ส่วนต้นเองพอได้ยินเสียงสนเบา ๆ มาแม้จะไม่ชัดนัก เขาก็นึกถึงคนชื่อ 'มั่น' ที่เขารู้จักขึ้นมา แต่ต้นก็ไม่ได้เอ่ยปากซักถาม ด้วยความไม่แน่ใจกับเสียงนั้น อีกทั้งยังไม่เชื่อว่าจะเป็นคน ๆ เดียวกัน อีกอย่าง เขามีเรื่องต้องคิด คือ จะขอโทษธีร์ และง้อธีร์ยังไงดี




"ป้าพิมพ์ครับ ข้าวต้มยังมีเหลือสักสองที่ไหมครับ" ธีร์เดินมาถึงห้องครัว แล้วพูดกับป้าพิมพ์แม่บ้าน และแม่ครัวคนโปรดคนเดียวของบ้านหลังนี้
"ป้าไม่แน่ใจว่าได้สักสองที่ไหม เดี๋ยวดูก่อนนะคะ" ป้าพิมพ์ที่กำลังล้างถ้วยชามตอบกลับมา เธอเช็ดมือแล้วเดินมาเปิดดูหม้อข้าวต้ม
"ใครมาหรือคะ" เธอถามขึ้นหลังจากดูในหม้อ แล้วเดินไปหยิบถ้วยมา
"ไอสนกับเพื่อนครับป้า" ธีร์เลี่ยงตอบ
"หือ อ๋อ มิน่า เสียงเห่าของเจ้ามิกกี้กับมินนี่ถึงได้ดังสนั่น" ป้าพิมพ์พูดแล้วก็ยิ้ม ส่วนมือก็ตักข้าวต้มใส่ถ้วย แล้วก็จัดเครื่องปรุงพวกพริกไทย น้ำปลา ขิงซอย พริกน้ำส้ม ต้นหอมผักชีลงในถาดให้
"เอ่อ แล้วป้ากินข้าวแล้วหรือยัง เห็นตักเยอะเสียเกือบหมดแบบนี้" ธีร์ถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรหรอก คุณธีร์ เดี๋ยวป้าทอดไข่ ผัดผักเพิ่มเอาหน่อยก็ได้" ป้าพิมพ์ตอบพร้อมกับยิ้มให้
"ป้าว่า เจ้าสนมันคงอยากกินเยอะ ๆ เลยตักให้เยอะหน่อย" ป้าพิมพ์พูดต่อ
"หึ มันบ่นว่าคิดถึงอาหารฝีมือป้าจะแย่แล้วเหมือนกัน อ่ะ เดี๋ยวผมยกไปเองดีกว่า ป้าพักเถอะครับ" ธีร์อาสาด้วยความเกรงใจ
"พักอะไรกันล่ะ ป้ายังล้างจานไม่เสร็จเลย" ป้าพิมพ์บ่นหยอกเย้าเจ้านายตัวน้อยของตน เพราะเมื่อก่อนธีร์มักจะมาช่วยเหลืองานป้าพิมพ์อยู่บ่อย
"เอาไว้วันหลัง ผมมาช่วยป้าเหมือนเดิมก็ได้ครับ" ธีร์ตอบไปยิ้มไป
"แหม ป้าพูดเล่นค่ะ เรื่องแค่นี้เอง ป้าทำจนชินแล้ว อีกอย่างมันเป็นงานของป้าด้วย รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวข้าวต้มจะเย็นหมด" ป้าพิมพ์พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน และยิ้มให้
"ขอบคุณครับป้า" ธีร์โค้งคำนับ แล้วยกถาดข้าวต้มเดินออกจากครัวไป




"อ่ะ ไอ้สน ข้าวต้มของมึง ลุกมากินข้างนอกแล้วกัน เดี๋ยวทำห้องกูเลอะ ส่วนนี่ของต้น ปรุงเอาเองนะ" ธีร์วางถาดข้าวต้มลงบนโต๊ะหน้าบ้าน แล้วพูดขึ้นก่อนจะยิ้มให้ต้นอย่างอ่อนโยน เหมือนกับที่พบกันใหม่ ๆ อีกครั้ง ต้นค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อยว่าอีกฝ่ายหายโกรธตนอย่างที่สนพูดไว้จริง ๆ
"กูไม่ใช่หมูนะมึง" สนสวนกลับมา
"เหรอ กูไม่เคยว่ามึงเป็นหมูเลยนะ มึงร้อนตัวเองนะรอบนี้" ธีร์ปฏิเสธ
"ไอ้ห่านี่" สนด่า หากแต่ยอมมานั่งกินข้าวต้มด้านนอกแต่โดยดี

"พี่ธีร์..." ต้นทำท่าจะพูดอะไรออกมา
"ต้นกินให้เสร็จก่อนค่อยคุยกันก็ได้" ธีร์ขัดขึ้น
"แล้วมึงอ่ะ กินแล้วเหรอ" สนถามธีร์ระหว่างที่ตัวเองตักข้าวต้มเข้าปาก
"กินแล้วดิ กูไม่ใช่พวกทนหิวทำงานให้เสร็จก่อนกินแบบมึง" ธีร์ตอบ
"หึ" สนพูด แล้วก็กินข้าวต้มไปเรื่อย ๆ โดยไม่พูดอะไรต่อ เพราะเขาคิดว่า ธีร์คงจะอึดอัดใจอยู่เหมือนกัน เพียงแต่พยายามฝืนตัวเองอยู่ พูดมากไปเดี๋ยวจะเป็นเรื่องไปเสียเปล่า ๆ นาน ๆ จะได้กินของดี ๆ อร่อย ๆ สักที น่าเสียดายถ้าบรรยากาศรอบ ๆ ไม่ดี

ส่วนธีร์เข้าไปนั่งเปิดเพลงเบา ๆ อยู่ในห้อง มันเป็นเพลงเก่า ๆ ที่เข้ากับบรรยากาศเรือนไทยใต้ร่มอยู่เหมือนกัน แต่คิด ๆ ไปมันก็วังเวงพิลึก...

(โปรดติดตามตอนต่อไป)
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1517
พลังน้ำใจ
18231
Zenny
11771
ออนไลน์
1176 ชั่วโมง
28#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-1-6 10:11:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นรกานต์ (Enslave) ตอนที่ 13: ลาก่อน

จนสนกินเสร็จนั่นแหละ เขาจึงเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นมา
"แล้วมึงจะกลับไปทำงานเมื่อไหร่" สนถาม
"เอ่อ... คงไม่แล้วมั้ง" ธีร์ตอบแบบไม่จริงจังนัก
"เฮ่ย แล้วเจ้านายมึงไม่ว่าเอาเหรอ" สนถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่หรอก คงคุยกันได้แหละ เจ้านายกูเขาใจดี... ล่ะมั้ง" ธีร์ตอบแบบไม่เต็มปากเต็มคำนัก สนจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเปิดประเด็นให้แล้ว ต่อไปก็หน้าที่ของไอ้ต้นก็แล้วกัน
"พี่ธีร์... ผมขอโทษ" ต้นพูดขึ้น
"อืม ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ได้โกรธอะไรแล้ว" ธีร์พูดขึ้นเรียบ ๆ
"แต่ว่า..." ต้นยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดีนั่นแหละ
"ช่างมันเถอะ" ธีร์ยังยืนยัน
"พี่..." ต้นยังไม่หยุดพยายาม ธีร์เดินไปลูบหัวต้น
"คิดมากเป็นด้วยหรือเราหน่ะ หือ" ธีร์พูดยิ้ม ๆ ทำให้ต้นผ่อนคลายมากขึ้น
"ไอ้ธีร์ เดี๋ยวกูไปเอามอเตอร์ไซค์เข้าบ้านมึงนา" สนพูดแทรกขึ้นมา
"แล้วมึงจอดไว้ที่ไหนวะ" ธีร์สงสัย
"ก็ที่เดิมแหละ ถ้ามีปัญหาเดี๋ยวกูโทรหา โอเคนะ" สนพูดแล้วเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันสองต่อสอง มันคงจะดีกว่ามีก้างแบบเขานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ว่าแล้วสนก็เดินไปยังประตูหน้าบ้าน ตรงนั้นมียามหนุ่มคนหนึ่งนั่งเฝ้าอยู่เป็นปกติ

"พี่ออกไปข้างนอกแป๊บนึง เดี๋ยวพี่กลับมานะน้อง" สนพูดกับยามหน้าใหม่คนนั้น
"ครับผม" ยามตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
"หือ ไม่รู้จักพี่รึ" สนชักสงสัย ถ้าเขาไม่รู้จัก รู้งี้ไม่ต้องลำบากลำบนปีนกำแพงเข้ามาก็ดี
"คุณชื่อ สน อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณธีร์ เป็นเพื่อนกับคุณธีร์ตั้งแต่สมัยมัธยม ตอนนี้ทำสวนผักอยู่แถวทำนบ แล้วก็... ถ้าพี่ลืมว่าพี่เคยทำอะไรไว้บ้าง ถามผมได้นะ เคยทะเลาะวิวาทกับใครบ้าง เคยถูกตำรวจจับกี่ครั้ง ข้อหาอะไรบ้าง ผมตอบให้ได้" ยามคนนั้นตอบแล้วยักคิ้วให้
"โห นี่มึง" สนอึ้ง มันไม่ธรรมดาแฮะ
"มีอีกอย่างที่ผมควรบอก คุณเต้สั่งว่า ถ้าเจอคุณพยายามเข้าบ้านนี้ ให้ยิงทิ้งได้เลย เดี๋ยวปัญหาอื่นเขาเคลียร์ให้เอง" ยามหนุ่มคนนั้นพูดอย่างเฉยเมย แต่สนรู้สึกเสียวแปลบกับคำพูดเรียบ ๆ แบบนี้
"แต่... คุณธีร์สั่งว่า ถ้าคุณมาก็ปล่อยให้เข้ามา ไม่ต้องสนใจคำสั่งคุณเต้" ยามคนนั้นพูดต่อ
"แล้วน้องจะเอายังไงกับพี่" สนถามด้วยความอยากรู้ เผื่อว่าวันหน้า เขาจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ กับยามคนก่อน เขาฟังแต่คำสั่งของเต้เพียงคนเดียว ยังดีที่อย่างน้อยยามผู้มาใหม่คนนี้ก็สนใจคำพูดของธีร์บ้าง
"ก็... ผมคงขัดคำสั่งคุณเต้ไม่ได้ และก็ขัดคำสั่งคุณธีร์ไม่ได้เหมือนกัน ทั้งคู่เป็นเจ้านายผม พี่คงเข้าใจความหมายนะ" เขาเงยหน้าขึ้นจากมือถือแล้วพูดขึ้นมา
"อืม ก็แฟร์ดีหว่ะ กูชักชอบมึงขึ้นมาเสียแล้วสิ" สนพูดแล้วเดินออกจากบ้านไป อย่างน้อยคราวหน้า เขาก็ไม่โดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมาแบบทุกที

สนโทรไปหาเพื่อนสนิทของเขาอีกคน แล้วก็เล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ที่เกิดขึ้นให้ฟังเป็นการฆ่าเวลา โดยเลี่ยงไม่พูดถึงการกระทำของธีร์ที่ทำกับต้นเมื่อคืนเสีย มันคงไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าธีร์สร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้บ้าง และเขาไม่ได้ห้ามปรามอะไร แถมยังร่วมมื่อกับธีร์อีกต่างหาก

"นี่ ถ้ามึงเป็นกู มึงจะทำไงวะ" สนถาม
"ผมเหรอ ผมก็ปล่อยให้คุยกันเองแหละ เรื่องของเขา ก็ต้องเคลียร์กันเอง จัดการกันเอง" อีกฝ่ายตอบกลับมา
"กูก็ว่างั้น แต่กูว่างานนี้จบไม่สวยหว่ะ" สนบ่น
"สนก็รู้ว่าธีร์เป็นคนแบบไหน ว่าแต่สนเถอะ" ปลายสายถามกระเซ้า
"กู กูเกี่ยวอะไรด้วยวะ" แม้สนจะรู้ดีกว่าอีกฝ่ายพูดถึงอะไร แต่เขาเลี่ยงที่จะตอบโต้
"เหรอ... ให้มันจริงเถ๊อะ" อีกฝ่ายยังไม่เลิกแหย่
"กู... มันสูงเกินกว่าคนอย่ากูจะเอื้อมถึงหว่ะ" สนพูดอย่างเศร้า ๆ
"เอื้อมไม่ถึงก็ปีนดิ ง่ายจะตาย" อีกฝ่ายตอบกลับมา
"มึงก็เป็นเสียอย่างนี้ มึงไม่เข้าใจกูหรอก" สนบ่น
"เหรอ ใครกันแน่ที่ไม่เข้าใจ กลัวงั้นดิ" อีกฝ่ายกระเซ้าไม่หยุด
"เออ กลัว ไอ้สัตว์" สนด่า
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีลอยเข้าหูสน
"มึงนี่ก็นะ เห้อ คุยเรื่องนี้ทีไร มึงก็พูดงี้" สนบ่น
"แล้วผมพูดผิดตรงไหน หือ" อีกฝ่ายยังกวนสนต่อไป
"อยู่ใกล้นะกูจะเตะมึง" สนขู่
"กับเรื่องแบบนี้ล่ะกล้าขึ้นมาเชียว" อีกฝ่ายยังแซวไม่เลิก
"เออ ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ แค่นี้แหละ กูรำคาญมึงแล้ว" สนด่าเป็นชุดแล้วก็วางสายไป ส่วนฝ่ายที่โดนด่าก็หัวเราะคิกคักกับนิสัยของเพื่อนรักเพื่อนตายของตัวเอง

เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เขาหวังว่า ต้นกับธีร์จะคุย หรือทำอะไรต่อมิอะไรกันเสร็จเรียบร้อยกันไปแล้ว จึงขี่มอเตอร์ไซค์เข้าบ้านไป ซึ่งยามคนนั้นก็เปิดประตูให้อย่างไม่อิดออด

"ขอบใจนะน้อง" สนพูด
"พี่เป็นหนี้ผมหนึ่งครั้งแล้วนะ" ยามผู้นั้นพูดกวน ๆ
"ให้ไอ้ธีร์มันชดใช้ให้แล้วกัน" สนตอบแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ไปบริเวณที่อยู่ของธีร์ และพบว่าทั้งคู่นั่งอยู่ที่หน้าชานเหมือนเดิม ผิดจากที่เขาคิดไว้แฮะ

"กูนึกว่า..." สนพูดขึ้นระหว่างก้าวขึ้นบันไดไป
"มึงอ่ะ" ธีร์ตอบกลับมา ส่วนต้นนั่งนิ่งเงียบอยู่ สนรู้สึกว่า ต้นมีสีหน้าที่ผิดหวังพอสมควร เขาคงง้อธีร์ไม่สำเร็จแน่ ๆ ถึงธีร์จะเป็นพวกที่เจ็บแล้วไม่จำ แต่เขาก็เกลียดคนตลบตะแลงมากพอ ๆ กัน งานนี้ ธีร์คงเลือกปล่อยให้ต้นเดินตามทางของตัวเองเป็นแน่

"ไอสนกลับมาแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ปากทางแล้วกัน มีรถผ่าน ต้นก็นั่งรถเข้าตัวเมือง แล้วกลับบ้านเองนะ" ธีร์พูดขึ้น แล้วเดินเข้าไปในบ้าน หยิบซองขาวซองหนึ่งมายื่นให้แก่ต้น ต้นที่ก้มหน้าเงียบอยู่จึงเงยหน้ามองธีร์

"รับไปเถอะ แล้วค่อยเปิดตอนที่ถึงบ้าน" ธีร์พูดพร้อมกับยิ้มให้ต้นที่นั่งงงอยู่
"ถ้าเปิดกลางทางจะมีนางโมราห์ออกมารึเปล่าวะ" สนถามอย่างกวน ๆ
"ไอ้เหี้ย... มึงคิดจะเป็นโจรอ่ะดิ" ธีร์ด่า
"ใช่ แต่กูขอลักพาตัวจันทโครพแทนนะโว้ย" สนพูดต่อ
"มึงนี่ก็นะ" ธีร์บ่น
"เอาใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กนี่ละกัน จะได้ไม่หาย" ธีร์ส่งกระเป๋าใบเล็กที่สะพายเฉียงได้ให้ต้นอีกใบ
"เดี๋ยวกูไปเอารถก่อน สนกับต้นไปรอที่หน้าประตูละกันนะ" ธีร์พูดแล้วเดินลงจากเรือนไป

"ยอมรับเถอะหว่ะ มันจบแล้ว" สนพูดกับต้นที่นั่งเศร้าอยู่
"อือ ครับ เห้อ" ต้นตอบพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินลงจากเรือนไปพร้อมกับสน ต้นอยากจะร้องไห้ออกมาเหมือนกัน แต่เขาร้องไห้จนน้ำตาไม่ไหลออกมาแล้ว มีเพียงสีหน้าเศร้าสร้อย และผิดหวังเท่านั้นที่ยังคงอยู่

ธีร์ขับรถพาสน และต้นไปที่ถนนใหญ่ ซึ่งมีรถตู้สงขลา - นครศรีขับผ่าน ระหว่างทางไม่มีใครพูดจาอะไรกัน ต้นนั่งเบาะหน้าคู่กับธีร์ที่เป็นคนขับ ส่วนสนนั่งเล่นอยู่ที่เบาะหลัง เสหน้าไปมองข้างทางด้วยความที่ไม่อยากรู้อยากเห็นเหตุการณ์อื่นใดในรถ

พอมาถึงปากทาง ธีร์เลี้ยวรถมาจอดที่ศาลารอรถ เขาโทรไปหาคิวรถตู้ และจองที่เรียบร้อย ก่อนจะเดินมานั่งรอรถที่ศาลากับต้น ส่วนสนนั้นเปลี่ยนมานั่งเบาะด้านหน้าแทนต้น แล้วเปิดเพลงฟังไปเรื่อย ๆ เขาแง้มหน้าต่างลงนิดหนึ่ง เผื่อว่าจะได้ยินทั้งคู่พูดอะไรกันบ้าง แต่ก็เปล่า จนรถตู้เข้ามาจอดนั่นแหละ

"พี่... ผมขอโทษ" ต้นพูดขึ้น แล้วมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง
"เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นนะต้น" ธีร์ปลอบ แล้วเดินไปที่คนขับ
"นี่ค่าโดยสารครับ ฝากน้องผมด้วยนะ" ธีร์พูดกับนายหัวรถ
"ครับ" เขารับปาก ระหว่างที่ต้นขึ้นไปนั่งในรถอย่างเสียไม่ได้

พอรถตู้ขับออกไป ธีร์ถึงได้เข้ามานั่งในรถฝั่งคนขับ ส่วนสนก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาปิดกระจกขึ้นจนสุดระหว่างที่ธีร์เดินมายังรถ

"มึงโอเคไหม" สนถามอย่างห่วง ๆ
"อืม ไม่เป็นอะไร" ธีร์พูด แต่สีหน้าบ่งบอกถึงความเสียใจเป็นอย่างมาก
"กูขับรถแทนไหม" สนอาสา
"กูยังไม่อยากตายนะ" ธีร์พูดแบบขำ ๆ แต่เขาก็ไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่ มิหนำซ้ำยังพาลจะร้องไห้เสียง่าย ๆ
"เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น" สนทวนคำพูดของธีร์ที่พูดกับต้นเมื่อครู่ คำนี้เป็นคำที่สนมักจะพูดกับเพื่อนคนอื่นเวลาที่มีใครทำท่าจะร้องไห้อยู่เป็นประจำ แต่ครั้งนี้สนกลับรู้สึกว่า เขาไม่ควรพูดเช่นนี้สักเท่าไหร่
"แต่กับมึง กูถือว่ากูไม่เห็นก็แล้วกันนะ ไอ้ธีร์..." เพียงเท่านั้น ธีร์ก็ปล่อยโฮออกมา เขาก้มหน้าซบกับพวงมาลัยแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นอาย โดยมีสนคอยลูบหลังให้ โดยหวังเพียงว่าเพื่อนคนนี้จะผ่อนคลายความทุกข์ได้เร็วขึ้น หากแต่เพลงยอมจำนนฟ้าดินที่ถูกสุ่มขึ้นมาจากเครื่องเสียงภายในรถ ยิ่งทำให้ชวนรู้สึกเศร้าเข้าไปใหญ่ ถึงแม้กระนั้น สนก็ไม่คิดจะกดเปลี่ยนเพลง บางที... การยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น มันยังดีกว่าการปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า จนสุดท้ายเราก็ต้องจมอยู่กับความทุกข์ตราบชั่วนิรันดร์…

~~~

สองเดือนกว่าแล้วที่ต้นมักจะมานั่งรอธีร์อยู่ที่หน้าบ้านเช่าหลังนี้อยู่เสมอเมื่อเขาว่าง หากแต่ไร้วี่แววของคนเช่าเลยแม้แต่น้อย เขาเองยังตัดใจจากธีร์ไม่ได้เช่นกัน เขาไม่ได้รู้สึกคิดถึงธีร์เพียงเพราะเงินทองเหมือนทุกที หากแต่คราวนี้เขาคิดถึงธีร์เพราะความห่วงใยที่มีให้เขามาเสมอ หากแต่เขาไม่เคยสังเกต หรือใส่ใจมันแม้แต่น้อย

หลายคนห่วงใยในตัวเขา แต่เขากลับหมางเมินความห่วงใยนั้น แล้วทำให้พวกเขาเจ็บช้ำ มันก็สมควรแล้วที่เขาจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ เป็นเพราะความงี่เง่า ที่ไม่อาจจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ นิสัยเดิม ๆ จึงปรากฏขึ้นทำให้ต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป

ต้นคิดว่า ธีร์คงจะไม่กลับมาที่นี่เป็นแน่แล้ว สงสัยว่า เขาจะต้องกลับขึ้นไปกรุงเทพฯ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง และครั้งนี้เขาจะทำให้มันดีกว่าครั้งก่อนให้จงได้...


- THE END -

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1517
พลังน้ำใจ
18231
Zenny
11771
ออนไลน์
1176 ชั่วโมง
29#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-1-6 10:13:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

เรื่องนี้จบละครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2982
พลังน้ำใจ
14309
Zenny
7188
ออนไลน์
1036 ชั่วโมง
อยากให้มีภาคสองจังคับ

ประธานนักศึกษา

โพสต์
925
พลังน้ำใจ
6439
Zenny
3929
ออนไลน์
914 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
4225
พลังน้ำใจ
24363
Zenny
18249
ออนไลน์
1724 ชั่วโมง

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1043
พลังน้ำใจ
1708
Zenny
1429
ออนไลน์
263 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1563
พลังน้ำใจ
16860
Zenny
884
ออนไลน์
2216 ชั่วโมง
ขอบคุณมากครับ สนุกมากๆๆเลย

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
5093
พลังน้ำใจ
37783
Zenny
33834
ออนไลน์
3170 ชั่วโมง
ขอบคุนค๊าฟ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
6911
พลังน้ำใจ
35638
Zenny
28246
ออนไลน์
1902 ชั่วโมง
ชอบครับ
12
กลับไป ตั้งกระทู้ใหม่
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-5-4 15:30 , Processed in 0.168939 second(s), 23 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้