จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 1178|ตอบกลับ: 6
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

กรรมวิธีการทำ...ฝนหลวง...

[คัดลอกลิงก์]
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม





===> ประวัติและวิธีการทำฝนหลวง <===

  
ความเป็นมาของโครงการพระราชดำริฝนหลวง

"...แต่มาเงยดูท้องฟ้า มีเมฆ ทำไมมีเมฆอย่างนี้ ทำไมจะดึงเมฆนี่ลงมาให้ได้

ก็เคยได้ยินเรื่องการทำฝน ก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้มี มีหนังสือ เคยอ่านหนังสือทำได้..."




           โครงการพระราชดำริฝนหลวง
เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณ
ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร
ที่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภค และเกษตรกรรม
อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งซึ่งมีสาเหตุมาจาก ความผันแปร
และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ
กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ
หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน
จากพระราชกรณียกิจ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกร
ในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
นับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ จนตราบเท่าทุกวันนี้
ทรงพบเห็นว่าภาวะแห้งแล้ง ได้ทวีความถี่ และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นตามลำดับ
เพราะนอกจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติแล้ว
การตัดไม้ทำลายป่า
ยังเป็นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎร ในทุกภาคของประเทศ
ทำความเสียหายแก่เศรษฐกิจโดยรวมของชาติเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี
    ตามเส้นทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งภาคพื้นดิน
ทางอากาศยานดังกล่าว
ทรงสังเกตเห็นว่ามีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า
แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกัน จนเกิดเป็นฝนได้
เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน
ทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์
ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้
ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ
ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน
และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย
โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน
และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย
จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศ ให้เกิดเป็นฝนตกได้ อย่างแน่นอน
ตามที่ทรงเล่าไว้ใน
จาก พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา
ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร
ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา
และมีการดัดแปรสภาพอากาศ
ซึ่งทรงรอบรู้ และเชี่ยวชาญ
เป็นที่ยอมรับทั้งใน และต่างประเทศ จนทรงมั่นพระทัย
จึงพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล
ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม
ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนั้น
ในปีถัดมา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการในท้องฟ้าให้เป็นไปได้            
จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2512
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบิน ปราบศัตรูพืชกรมการข้าว
และพร้อมที่จะให้การสนับสนุน ในการสนองพระราชประสงค์
ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล จึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบว่า
พร้อมที่จะดำเนินการ ตามพระราชประสงค์แล้ว
ดังนั้นในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก
เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม 2512
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการ
และหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลอง เป็นคนแรก
และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองเป็นแห่งแรก
โดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง
(dry ice หรือ solid carbondioxide)
ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต
ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น
ทำให้กลุ่มเมฆ ทดลองเหล่านั้น
มีการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์ของเมฆอย่างเห็นได้ชัดเจน
เกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่
ในเวลาอันรวดเร็วแล้วเคลื่อนตัวตามทิศทางลม พ้นไปจากสายตา
ไม่สามารถสังเกตได้ เนื่องจากยอดเขาบัง
แต่จากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน
และได้รับรายงานยืนยันด้วยวาจาจากราษฎรว่า
เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่ทดลองวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด
นับเป็นนิมิตหมายบ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้


วิธีการทำฝนหลวง
1. เทคโนโลยีฝนหลวง
           เทคโนโลยีฝนหลวงเป็นเทคนิค
หรือ วิชาการที่เกี่ยวกับการดัดแปลงสภาพอากาศ
โดยเน้นการทำฝน เพื่อเพิ่มปริมาณฝนตก
(Rain enhancement)
และ/หรือ เพื่อให้ฝนตกกระจายอย่างสม่ำเสมอ
(Rain redistribution)
สำหรับป้องกันหรือบรรเทาภาวะแห้งแล้งที่เกิดจากฝนแล้ง
หรือฝนทิ้งช่วงนั้น เป็นวิชาการที่ใหม่สำหรับประเทศไทยและของโลก
ข้อมูลหลักฐาน (evidence) ที่ใช้พิสูจน์ยืนยัน
เพื่อให้เกิดการยอมรับในระดับนักวิชาการและผู้บริหารระดับสูง
ถึงผลปฏิบัติการฝนหลวงทั้งทางด้านกาย ภาพ (Physic)
และด้านสถิติ (Statistic) มีน้อยมาก
ดังนั้น ในระยะแรกเริ่มของการทดลองและวิจัย
กรรมวิธีการปฏิบัติการฝนหลวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงได้ทรงติดตามผลการวางแผนการทดลองปฏิบัติการ
การสังเกตจากรายงานแทบทุกครั้งโดยใกล้ชิด
ทรงหาความรู้และประสบการณ์จากนักวิชาการที่ทรงคุณวุฒิทางด้านอุตุนิยมวิทยา
โดยได้รับสั่งให้เชิญ พล.ร.ท.สนิท เวสารัชนันท์ ร.น.
อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา
พล.ร.ต.พิณ พันธุทวี ร.น. พร้อมด้วยนักวิชาการอื่นๆ
มาเป็นคณะทำงานถวาย -ความคิดเห็น
วิเคราะห์ผลปฏิบัติการที่ทางคณะปฏิบัติการฝนหลวง
ได้ทดลองสังเกตผลการเปลี่ยนแปลงแล้ว ทำรายงานเสนอเป็นประจำ

2. กรรมวิธีการทำฝนหลวง
       กรรมวิธีการทำฝนหลวงในประเทศไทยที่ใช้เป็นหลักในปัจจุบัน สรุปได้ ดังนี้

ขั้นตอนที่หนึ่ง : ก่อเมฆ



         เป็นการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อเร่งหรือเสริมการเกิดเมฆ
โดยการโปรยสารเคมีผลละเอียดของเกลือโซเดียมคลอไรด์ (NaCl)
ที่ระดับความสูง 7,000 ฟุต ในท้องฟ้าโปร่งใส
ที่มีความชื้นสัมพัทธ์ไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
ผงของเกลือโซเดียมคลอไรด์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดความชื้นได้ดี
จะทำหน้าที่เสริมประสิทธิภาพของแกนกลั่นตัวในบรรยากาศ
(Cloud Condensation Nuclei) เรียกย่อว่า CCN
ทำให้กระบวนการดูดซับความชื้นในอากาศให้กลายเป็นเม็ดน้ำเกิดเร็วขึ้นกว่าธรรมชาติ
และเกิดกลุ่มเมฆจำนวนมาก
ซึ่งเมฆเหล่านี้จะพัฒนาเป็นเมฆก้อนใหญ่ในเวลาต่อมา

ขั้นตอนที่สอง : เลี้ยงให้อ้วน       
เป็นการดัดแปรสภาพอากาศ
เพื่อเร่งหรือเสริมการเพิ่มขนาดของเมฆและขนาดของเม็ดน้ำในก้อนเมฆ
จะปฏิบัติการเมื่อเมฆที่ก่อตัวจากขั้นตอนที่ 1
หรือเมฆเดิมที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ก่อยอดสูงถึงระดับ 10,000 ฟุต
โดยการโปรยสารเคมีผลแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2)
เข้าไปในกลุ่มเมฆที่ระดับ 8,000 ฟุต
ผงแคลเซี่ยมคลอไรด์ซึ่งมีคุณสมบัติดูดความชื้นได้ดี
จะดูดซับความชื้นและเม็ดน้ำขนาดเล็กในก้อนเมฆให้กลายเป็นเม็ดน้ำขนาดใหญ่
ในขณะเดียวกันจะเกิดปฏิกิริยาคายความร้อน
ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของสารแคลเซี่ยมคลอไรด์เมื่อละลายน้ำ
ความร้อนที่เกิดขึ้นจะเพิ่มอัตราเร็วของกระแสอากาศไหลขึ้น (Updraft) ในก้อนเมฆ
ทั้งขนาดเม็ดน้ำที่โตขึ้นและความเร็วของกระแสอากาศไหลขึ้นที่เพิ่มขึ้น
จะเป็นปัจจัยเร่งกระบวนการชนกันและรวมตัวกัน
(Collision and coalescence process)
ของเม็ดน้ำ ทำให้เม็ดน้ำขนาดใหญ่จำนวนมากเกิดขึ้นในก้อนเมฆ
และยอดเมฆพัฒนาตัวสูงขึ้น
             ในขั้นนี้ เมฆจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและก่อยอดสูงขึ้นไปได้มากน้อยแค่ไหน
ขึ้นอยู่กับการทรงตัวของบรรยากาศในแต่ละวัน
ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
ในบางวันเมฆจะไม่สามารถก่อยอดสูงเกินระดับอุณหภูมิจุดเยือกแข็ง
( 0 องศาเซลเซียส) หรือประมาณ 18,000 ฟุต เรียกว่า เมฆอุ่น (Warm Cloud)
ในบางวันเมฆจะสามารถก่อยอดขึ้นไปสูงกว่าระดับอุณหภูมิจุดเยือกแข็ง
เช่น ถึงระดับ 20,000 ฟุต เรียกว่า เมฆเย็น (Cold Cloud)
ซึ่งภายในยอดเมฆจะประกอบด้วยเม็ดน้ำเย็นจัด (Super cooled droplet)
ที่มีอุณหภูมิต่ำถึง - 8 องศาเซลเซียส

ขั้นตอนที่สาม : โจมตี


         เป็นการดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อเร่งให้เมฆเกิดเป็นฝน
ซึ่งสามารถกระทำได้ 3 วิธี ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของเมฆ
และชนิดของเครื่องบินที่มีอยู่ ดังนี้

วิธีที่ 1 \"โจมตีเมฆอุ่น แบบแซนด์วิช\"
       ถ้าเป็นเมฆอุ่น เมื่อเมฆแก่ตัว ยอดเมฆจะอยู่ที่ระดับ 10,000 ฟุต
หรือสูงกว่าเล็กน้อย และเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย
จะทำการโจมตีโดยวิธี Sandwich คือ ใช้เครื่อง บิน 2 เครื่อง
เครื่องหนึ่งโปรยผงโซเดียมคลอไรด์ (Nacl) ทับยอดเมฆ
หรือไหล่เมฆที่ระดับ 9,000 ฟุต หรือ ไม่เกิน 10,000 ฟุต
อีกเครื่องหนึ่งโปรยผงยูเรีย (Urea) ที่ฐานเมฆ ทำมุมเยื้องกัน 45 องศา เมฆจะเริ่มตกเป็นฝนลงสู่พื้นดิน

วิธีที่ 2 \"โจมตีเมฆเย็น แบบธรรมดา\"
       ถ้าเป็นเมฆเย็นและมีเครื่องบินเมฆเย็นเพียงเครื่องเดียว
เมื่อเมฆเย็นพัฒนายอดสูงขึ้นเลยระดับ 20,000 ฟุต ไปแล้ว
จะทำการโจมตีโดยการยิงพลุสารเคมี ซิลเวอร์ไอโอไดด์ (Agl) เข้าสู่ยอดเมฆ
ที่ระดับความสูงประมาณ 21,500 ฟุต
ซึ่งมีอุณหภูมิระหว่าง -8 ถึง 12 องศาเซลเซียส
มีกระแสอากาศไหลขึ้นสูงกว่า 1,000 ฟุตต่อนาที
และมีปริมาณน้ำเย็นจัดไม่ตำกว่า 1 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ซึ่งเป็นเงื่อนไขเหมาะสม อนุภาคของสาร Agl
จะทำหน้าที่เป็นแกนเยือกแข็ง (Ice Nuclei) และเมื่อสัมผัสกับเม็ดน้ำเย็นจัดในบอดเมฆ
จะทำให้เม็ดน้ำเหล่านั้นกลายเป็นน้ำแข็งและคายความร้อนแฝงออกมา
ซึ่งความร้อนดังกล่าวจะเป็นพลังงานผลักดันให้ยอดเมฆเจริญสูงขึ้นไปอีก
และมีการชักนำอากาศชื้นเข้าสู่ฐานเมฆเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันเม็ดน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง
จะมีความดันไอที่ผิวต่ำกว่าเม็ดน้ำเย็นจัด
ทำให้ไอน้ำระเหยจากเม็ดน้ำไปเกาะที่เม็ดน้ำแข็ง
และเม็ดน้ำแข็งจะเจริญเติบโตได้เร็วเป็นก้อนน้ำแข็งที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
และจะร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่าง ซึ่งจะละลายเป็นเม็ดน้ำฝน
เมื่อผ่านชั้นอุณหภูมิเยือกแข็งลงมาที่ฐานเมฆ และเกิดเป็นฝนตกลงสู่พื้นดิน

วิธีที่ 3 \"โจมตีเมฆเย็น แบบซูเปอร์แซนด์วิช\"       
หากเป็นเมฆเย็น และมีเครื่องบินครบทั้งชนิดเมฆอุ่นและเมฆเย็น
เมื่อเมฆเย็นพัฒนายอดสูงขึ้นเลยระดับ 20,000 ฟุต ไปแล้ว
จะทำการโจมตีโดยการผสมผสานวิธีที่ 1 และ 2 ในเวลาเดียวกัน
กล่าวคือ เครื่องบินเมฆเย็นจะยิงพลุสารเคมี ซิลเวอร์ไอโอไดด์ (Agl)
เข้าสู่ยอดเมฆ ที่ระดับความสูงประมาณ 21,500 ฟุต
ส่วนเครื่องบินเมฆอุ่น 1 เครื่อง จะโปรยสารเคมีโซเดียมคลอไรด์ที่ระดับไหล่เมฆ
(ประมาณ 9,000 - 10,000 ฟุต)
และเครื่องบินเมฆอุ่นอีก 1 เครื่อง จะโปรยสารเคมีผงยูเรียที่ระดับชิดฐานเมฆ
ทำมุมเยื้องกัน 45 องศา
วิธีการนี้จะทำให้ประสิทธิภาพในการเพิ่มปริมาณน้ำฝนสูงยิ่งขึ้น
และเทคนี้โปรดเกล้าฯ ให้เรียกชื่อว่า
SUPER SANDWICH

ขั้นตอนที่สี่ : เพิ่มฝน

          การโจมตีเมฆในขั้นตอนที่ 3 ทั้งสามวิธี
อาจจะทำให้ฝนใกล้จะตกหรือเริ่มตกแล้ว
ขั้นตอนที่ 4 นี้
จะเร่งการตกของฝนและเพิ่มปริมาณน้ำโดยการโปรยเกล็ดน้ำแข้งแห้ง (Dry ice)
ที่ระดับใต้ฐานเมฆประมาณ 1,000 ฟุต
เกล็ดน้ำแข็งแห้งซึ่งมีอุณหภูมิต่ำถึง -78 องศาเซลเซียส
จะปรับอุณหภูมิของบรรยากาศระหว่างฐานเมฆกับพื้นดินให้เย็นลง
ทำให้ฐานเมฆยิ่งลดระดับต่ำลง
ฝนจะตกในทันที หรือที่ตกอยู่แล้ว จะมีอัตราการตกของฝนสูงขึ้น
ลดอัตราการระเหยของเม็ดฝนขณะล่วงหล่นลงสู่พื้นดิน
และทำให้ฝนตกต่อเนื่องเป็นเวลานานขึ้นและหนาแน่นยิ่งขึ้น

3. กรรมวิธีการทำฝนหลวง
         การออกปฏิบัติการแต่ละครั้ง
จะดำเนินการเมื่อได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มเกษตรกร,
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร,
ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือประสานงานโดยตรงกับคณะปฏิบัติการฝนหลวง



• ภาคเหนือ สนามบิน จ.แพร่, สนามบิน จ.เชียงใหม่
• ภาคอีสาน สนามบินกองบิน 1 จ.นครราชสีมา, สนามบิน จ.ขอนแก่น
• ภาคกลาง สนามบินกองบิน 2 จ.ลพบุรี, สนามบินกองบิน 4 จ.นครสวรรค์
• ภาคใต้ตอนบน สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน, สนามบินค่ายธนัรัตน์ อ.ปราณบุรี
หรือสนามบินกองบิน 53 จ.ประจวบคีรีขันธ์

โดยพิจารณาหลักเกณฑ์ ดังนี้

• จำนวนพื้นที่พืชผลทางเกษตรกรรม จะต้องไม่น้อยกว่า 200,000 ไร่
• ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบถึงพืชผลทางเกษตรกรรมในพื้นที่ใกล้เคียง และไม่ต้องการน้ำ







ดูบันทึกคะแนน
   Medmayom พลังน้ำใจ +30 Zenny +350 ให้กำลังใจกัน
   ธรรม พลังน้ำใจ +30 Zenny +500
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
273
พลังน้ำใจ
100
Zenny
295
ออนไลน์
6 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
5393
พลังน้ำใจ
26473
Zenny
60333
ออนไลน์
5462 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลิน

ในหลวงของชาวไทย คือพ่อผู้ยิ่งใหญ่กว่าพ่อคนใดๆในโลก
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานครับ : )

แสดงความคิดเห็น

ครับ...ขอพระองค์...ทรงพระเจริญ...  โพสต์ 2012-3-22 15:58
ชื่อ Saint ฮะ~ ถ้าเรียกชื่อไม่ถนัด งั้นเรียกที่รักก็ได้ครับ 5555

นายกองค์การนักศึกษา

อยากมีเพื่อนคุยกินเที่ยวกัน

โพสต์
6219
พลังน้ำใจ
30500
Zenny
217519
ออนไลน์
3227 ชั่วโมง

สมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

ขอบคุณครับ ที่มาแบ่งปันข้อมูลดีๆกัน

แสดงความคิดเห็น

ขอบคุณครับพี่...ที่มาติดตามครับ...  โพสต์ 2012-5-26 13:55
"ความรัก!เกิดจากความเข้าใจของคนสองคนและมักจบลงด้วยค ...
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-5-26 13:50:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ต้นฉบับโพสต์โดย dumdark เมื่อ 2012-5-23 03:12
ขอบคุณหลายๆเด้อครับ

ขอบคุณเช่นกันนะครับ...

แสดงความคิดเห็น

เพิ่งเห็นเป็นระดับ สารวัตนักศึกษา(ตัวแดงด้วย)ยินดีๆครับ  โพสต์ 2012-5-26 14:11
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-5-26 14:15:40 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ต้นฉบับโพสต์โดย kindaieiji เมื่อ 2012-5-26 13:50
ขอบคุณเช่นกันนะครับ...

ขอบคุณครับพี่...
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-4-24 12:02 , Processed in 0.116708 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้