จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 940|ตอบกลับ: 8
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

เสือทัสมาเนีย

[คัดลอกลิงก์]
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ



เสือทัสมาเนีย เสือที่สูญพันธุ์ จาก ออสเตรเลีย

เสือทัสมาเนีย (Tasmanian Tiger) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หมาป่าทัสมาเนีย หรือ (Tasmanian Wolf) ส่วนอีกชื่อหนึ่งนั้น ตามชื่อวิทยาศาสตร์เรียกว่า Thylacine เสือตัวที่ว่านี้ทำให้โลกหันมาสนใจ เพราะเป็นสัตว์กินเนื้อที่หายากจนนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ลงความเห็นว่าสูญพันธุ์หมดไปจากโลกนี้แล้ว แต่ก็มีข่าวคราวว่าพบเสือทัสมาเนียนี้กันบ่อยครั้ง ก็ไม่ทราบว่าจริงหรือเท็จ เพราะไม่มีภาพถ่ายที่ยืนยันการพบปะกับเสือที่ว่านี้ได้ (ใครจะไปคิดว่าจะเจอหรือพกกล้องติดตัวไปด้วยตลอดเวลา) แต่ก็มีหลักฐานมากมายว่ามีการพบเสือที่ว่านี้บ่อยครั้งขึ้น หลายคนภาวนาให้เป็นอย่างนั้น เมื่อ พ.ศ.2538 มีเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ของทัสมาเนียผู้หนึ่งพบร่องรอยของเสือชนิดนี้ ทางตะวันออกของทัสมาเนีย นับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญก็ว่าได้






เสือแทสเมเนีย? (Tasmanian Tiger หรือ Thylacine) หรือเสือในร่างของสุนัขนี้ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Thylacinus cynocephalus เป็นทั้งสัตว์กินเนื้อหรือสัตว์นักล่าในกลุ่มสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้อง (carnivorous marsupial) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกยุคใหม่ในถิ่นออสเตรเลียและนิวกินี และยังเป็นสัตว์ชนิดสุดท้ายในสกุล Thylacinus ที่อยู่มาได้ยาวนานสูญพันธุ์ช้ากว่าผองเพื่อนชนิดอื่นๆในสกุลเดียวกัน ที่สูญหายไปนานหลายล้านปีแล้ว โดยเจ้าเสือแทสเมเนียตัวสุดท้ายเพิ่งตายไปในปี 1936 นี่เอง แม้ว่าจะสูญหายไปจากแผ่นดินใหญ่ออสเตรเลียไปเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน




อ้างอิงจาก http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=6004


เสือตัวที่ว่านี้มีลักษณะคล้ายๆกับ สุนัขในบ้านเรา แต่มีฟันหน้าที่แหลมคม นอกจากนั้นลำตัวและหางของเสือประเภทนี้มีลักษณะคล้ายๆกับจิงโจ้ บางครั้งมันยืนด้วยสองขาหลังเหมือนจิงโจ้ด้วย เสือทัสมาเนียที่ชาวออสเตเลียเคยเห็นเป็นขนปุยลายทางสีน้ำตาลอ่อน มีสีดำสลับที่สันหลังค่อนไปทางก้น




เล่ากันว่าเสือประเภทนี้โดยนิสัยไม่ ค่อยวิ่ง เนื่องจากไม่ใช่สัตว์ประเภทวิ่งเร็วเหมือนกับสัตว์กินเนื้ออื่นๆ การจับเหยื่อของมันเป็นอาหาร ก็ไม่ต้องวิ่งไล่ล่าเหยื่อเหมือนเสืออื่นๆ แต่มันจะค่อยๆทำให้เหยื่อเหนื่อยหรืออ่อนล้า โดยการตามไปเรื่อยๆ ก่อนจะจับกินเป็นอาหาร โดยเสือทัสมาเนียอย่างที่ว่านี้จะชอบกินอวัยวะของเหยื่อสัตว์ต่างๆ ตั้งแต่สัตว์ใหญ่อย่าง วอลลาบี จิงโจ้ ไปจนถึงแบนดีคู้ต หนู และนก ของโปรดจากอวัยวะของสัตว์เหล่านั้นได้แก่ คอ จมูก ตัว และไต หลายคนสงสัยว่าเสือที่ว่าเห่าหอนอะไรบ้างหรือเปล่า นักสัตวศาสตร์ก็บอกว่ามันไม่ค่อยเห่าหอนเท่าไหร่นัก แต่ก็มีบ้างในบางครั้ง แต่ก็นานๆทีว่างั้นเหอะ







ลักษณะทางกายภาพของสัตว์ประเภทนี้ ว่ากันว่าเมื่อโตเต็มที่จะหนักประมาณ 35 กก. ลำตัวยาวประมาณเมตรครึ่ง อายุขัยของมันนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีตัวหนึ่งที่เคยอยู่ในสวนสัตว์ลอนดอนมีอายุถึง 10 ปี ส่วนตัวที่อยู่ทัสมาเนียมีอายุถึง 12 ปี มีการพบเห็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของเสือทัสมาเนียครั้งสุดท้าย ในเวสต์ออสเตเลีย บนแผ่นดินใหญ่ แต่พบเป็นฟอสซิล หรือซากศพที่ติดอยู่ในหินอายุประมาณ 3,100 ปี






สำหรับสาเหตุที่ทำให้เสือทัสมาเนียสูญ พันธุ์อาจมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ประการที่เห็นชัดๆได้แก่การที่ผู้คนไม่ใส่ใจจะอนุรักษ์สัตว์ประเภทนี้ไว้ก็ ได้ ส่วนสาเหตุอื่นๆนั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอาจเกิดมาจากโรคระบาด หรือเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่ทำให้มันเสียชีวิต บางส่วนก็เข้าใจว่าอาจเป็นเพราะถูกล่า เนื่องจากเสือเหล่านี้เข้าไปกัดกินแกะของชาวไร่ ชาวนา ปัจจุบันถ้าอยากเห็นหนังเสือและเสือเป็นตัวๆ (ตายแล้ว) ก็เข้าไปดูได้ที่ Tasmanian Museum and Art Gallery ที่ Hobart เมืองหลวงของรัฐซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ ที่นั่นท่านจะเห็นสัตว์พื้นเมืองต่างๆของออสเตเลีย






ดั้งเดิมจริงๆเสือชนิดนี้แพร่ พันธุ์ทั่วไปในนิวกีนีและทัสมาเนียเมื่อ 4,000 ปีก่อน เสือที่ว่านี้ค่อยๆหายไปจากนิวกีนีและออสเตเลีย พร้อมๆกับการแพร่พันธุ์ของสุนัขดิงโก้ และหมาป่า แต่โชคดีที่หมาที่ว่านี้ไม่แพร่พันธุ์เข้ามาทัสมาเนีย เพราะทัสมาเนียเป็นเกาะมีน้ำคั่นกลาง หมาดิงโก้คงว่ายน้ำข้ามมาไม่ได้ เพราะช่องแคบบาสส์ (Bass Strait) นั้นกว้างถึง 200 กม. เลยทำให้เสือยืดอายุมาได้นานกว่าที่อื่นๆในออสเตเลีย




อีกกระแสหนึ่งบอกว่า เมื่อชาวยุโรปเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ๆนั้น เสือทัสมาเนียก็เริ่มหดหายไป เนื่องจากพวกที่เข้ามาใหม่นั้นนำแกะเข้ามาเลี้ยง เมื่อปี พ.ศ.2376 โดยบริษัท Van Diemens Land Co. ให้ค่าหัวในการล่าเสือทัสมาเนีย ต่อมารัฐบาลสั่งห้ามการล่าดังกล่าวเสีย แต่กว่าจะหยุดได้ก็ทำให้เสือดังกล่าวหายากมาก ตาม บันทึกบอกว่าเสือทัสมาเนียตัวสุดท้ายของโลกตายในสวนสัตว์โฮบาร์ต ทัสมาเนีย เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2479 และในปีนี้เองรัฐบาลประกาศการสูญพันธุ์อย่างเป็นทางการของเสือชนิดนี้



เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวครึกโครมออกไป ทั่วโลกว่า นักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิธีชุบชีวิตเสือดังกล่าวได้แล้วโดย ดร.ไมค์ อาร์เชอร์ (Mike Archer) ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ออสเตเลียน ออกมาแถลงว่ามีแผนที่จะทำโคลนนิ่งเสือชนิดนี้ โดยนำเอาเซลล์ของเสือที่ดองแอลกอฮอล์ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2409 มาสกัด DNA นักวิทยาศาสตร์ท่านนี้ยืนยันว่าทำได้แน่ๆ ในเร็วๆนี้....




Last Tasmanian Tiger, Thylacine, 1933










ขอขอบคุณที่มาจาก jabchai นะคะ ^^
-----------------------------------------------------------------------------

การกลับมาอีกครั้งของเสือทัสมาเนีย

เป็น ครั้งแรกที่ดีเอ็นเอจากทัสมาเนียนไทเกอร์ สัตว์สูญพันธุ์ของประเทศออสเตรเลียได้กลับคืนชีพมาอีกครั้งเมื่อสารพันธุ กรรมของมันแสดงหน้าที่ให้เห็นในตัวอ่อนของหนู ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์ได้สกัดดีเอ็นเอจากสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์ ตั้งแต่แบคทีเรีย ต้นไม้ ไปจนถึงแมมมอธ และมนุษย์นีแอนเดอธัล สารพันธุกรรมนั้นถูกนำไปเพาะในห้องปฏิบัติการ แต่ก็ไม่สามารถตรวจสอบบทบาทของดีเอ็นเอต่อการพัฒนาได้ จึงนับว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากที่สามารถตรวจสอบยีนจากตัวอย่างชิ้นส่วน ที่มีอายุเก่าแก่ได้ และดีเอ็นเอที่สมบูรณ์ก็เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากด้วย









“ทัสมาเนียนไทเกอร์” หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า “ไธลาซีน” เป็นสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ที่สุดที่มีกระเป๋าหน้าท้อง ถูกล่าจนสูญพันธุ์ไปจากป่าเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 โดยตัวสุดท้ายตายในปี 1936 ที่สวนสัตว์โฮบาร์ท เกาะแทสมาเนีย แต่ก็นับว่ายังโชคดีที่มีทัสมาเนียนไทเกอร์มากมายได้รับการรักษาไว้ในเอทานอ ลในพิพิธภัณฑ์หลายแห่งทั่วโลกในรูปของเนื้อเยื่อของตัวเต็มวัย เช่น หนังสัตว์



ทีมนักวิทยาศาสตร์จากหลายประเทศได้สกัดดีเอ็นเอจากตัวอย่างของทัสมาเนียนไท เกอร์ที่มีอายุ 100 ปีจากพิพิธภัณฑ์วิคตอเรียในเมลเบริ์น จากนั้นได้นำสารพันธุกรรมใส่เข้าไปในตัวอ่อนของหนูแล้วตรวจดูการทำงานของมัน พบว่าชิ้นส่วนเล็กๆของดีเอ็นเอของมันทำ หน้าที่คล้ายกับยีน Col2a1 ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการพัฒนากระดูกอ่อนในหนูก่อนที่จะเจริญเป็นกระดูกต่อ ไป

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส (University of Texas) ริชาร์ด เบริงเงอร์ (Richard Behringer) กล่าวว่า งาน วิจัยนี้มีประโยชน์มากต่อการนำไปประยุกต์ใช้ เช่น การพัฒนายาชีวภาพชนิดใหม่ และความเข้าใจทางชีววิทยาที่ดีขึ้นของสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว

“เมื่อสัตว์สูญพันธุ์มีมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็เสียความรู้ทางด้านการทำงานของยีนและศักยภาพของมันไปด้วยเช่นกัน” แอนดรูว์ พาส์ค (Andrew Pask) นักวิจัยด้านชีววิทยาโมเลกุล มหาวิทยาลัยเมลเบริ์น (University of Melbourne) ประเทศออสเตรเลีย กล่าว แม้ ว่ายีนที่ได้จากสัตว์ที่ตายแล้วจะทำงานได้อีกครั้งแต่ก็ไม่ทำให้สัตว์นั้น กลับมามีชีวิตใหม่ได้ แต่มันช่วยให้ความรู้ต่างๆที่หายไปกลับคืนมา


ที่มาจาก
http://news.xinhuanet.com/english/2008-05/20/content_8215437.htm

ภาพประกอบจาก http://www.abc.net.au/


ดูบันทึกคะแนน
   rin พลังน้ำใจ +10 Zenny ขอบคุณครับ
   konbannok พลังน้ำใจ +16 Zenny +112
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์
คิดถึงคนไกล นานนักรู้ไหมที่ไกลห่าง หัวใจดวงนี้ช่างอ้างว้าง รอคอยอย่า

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
7887
พลังน้ำใจ
19409
Zenny
105785
ออนไลน์
1750 ชั่วโมง

สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกจีโฟกาย 100%

ขอบคุนมากคราบฟ๋ม
ไม่เคยเสียใจสักครังกับคำว่ารัก...ถึงแม้เราไม่เคยได้เป็นแฟนใคร???

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
13253
พลังน้ำใจ
24964
Zenny
169230
ออนไลน์
1434 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

ตอบกระทู้ yellow2550 ตั้งกระทู้

ขอบคุณมากครับผม

หัวหน้าห้อง

โพสต์
386
พลังน้ำใจ
1180
Zenny
6903
ออนไลน์
83 ชั่วโมง
ขอบคุนครับ
ประวัติแอบเศร้านะเนี่ย สูญพันธุ์เลยอ่า

นักศึกษา

โพสต์
843
พลังน้ำใจ
123
Zenny
4785
ออนไลน์
130 ชั่วโมง
ขอบคุณมากมายคับ

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1465
พลังน้ำใจ
1440
Zenny
12704
ออนไลน์
185 ชั่วโมง

ลูกน้องหัวหน้าห้อง

โพสต์
534
พลังน้ำใจ
679
Zenny
3139
ออนไลน์
126 ชั่วโมง
ชอบอ่านเรื่องแบบนี้จัง

อยากให้ทัสมาเนียไทเกอร์กลับมาอีกครั้งนึง


อนึ่ง ผมรู้จักทัสมาเนีย เดวิลอะครับ

น่ารักดี แต่เหม็นมากๆ

แสดงความคิดเห็น

แล้วไปดมมันทำไมล่ะครับคุณพี่  โพสต์ 2011-7-30 23:34

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1196
พลังน้ำใจ
1164
Zenny
7774
ออนไลน์
73 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-5-4 04:30 , Processed in 0.098994 second(s), 27 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้