จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 687|ตอบกลับ: 8
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

แค้นวิปริตจิตสั่งกาม ตอนที่ 12 ปมฝังใจ CP

[คัดลอกลิงก์]

ประธานนักศึกษา

โพสต์
127
พลังน้ำใจ
7216
Zenny
5145
ออนไลน์
876 ชั่วโมง
น่าขอบคุณเด็กหนุ่มคนนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมควบคุมร่างกายเขายืมมาใช้ต่างอาวุธ ก็ยังมีแก่ใจช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นได้แม้ว่าเนื้อตัวค่อนข้างมอมแมมจากการคลุกดินทรายเพราะสำลักน้ำบนบก. . .ประสบการณ์อันหาซื้อไม่ได้ เว้นแต่คุณจะกวนตีนผู้มีพลังพิเศษเท่านั้น ตลกร้ายชัด ๆ
แต่เอาเถอะ เขาไม่รู้นี่นา ถ้าทราบว่าผมคือคนที่สะกดจิตเจ้าตัวจนเมื่อกี้ต้องพลอยเสี่ยงตายไปด้วย อาจจะอยากลากผมไปทิ้งในสระให้สำลักน้ำตายไปจริง ๆ ก็ได้
หลังจากพยุงผมพาไปนั่งบนม้านั่งเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มก็อาสาจัดการเรื่องอนามัยเบื้องต้นอย่างเปี่ยมน้ำใจ
“นั่งพักตรงนี้ก่อนนะพี่ เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำมาให้ล้างหน้า”
“ขอบคุณครับ แต่ไม่ต้องลำบากหรอก พี่ไม่เป็นไรครับ แค่เมาแล้วสะดุดล้มนิดหน่อยเอง” กับคนที่เพิ่งเกือบสำลักน้ำตายหมาด ๆ จะซื้อน้ำให้ล้างหน้าคงไม่เป็นการดีเท่าไหร่หรอกนะ
“ก็แล้วแต่พี่นะครับ ถ้าไม่เป็นไรแล้ว ผมคงต้องขอกลับบ้านก่อนนะครับ เดี๋ยวรถหมด” เขาลุกขึ้นหยิบเป้ขึ้นมาสะพายบ่า
“ทำไมถึงช่วยพี่ล่ะครับ ทั้งที่ตัวเลอะเหมือนคนบ้าอย่างนี้น่ะ” ผมถามเพราะอยากรู้จริง ๆ ขอขัดจังหวะก่อนกลับบ้านสักนิดเถอะนะเด็กน้อย
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วครุ่นคิดคำตอบ
.
.
.
“. . .พี่. . .หน้าเหมือน. . .พี่ชายที่ผมนับถือคนหนึ่ง แต่นึกไม่ออกว่าใคร อาจเป็นเพื่อนบ้านสมัยเด็ก ๆ” เขาตอบ
แม้เขาจะพยายามนึกให้ออก แต่ฝ่ายที่นึกได้ก่อนดันเป็นผมซะเอง
เอฟ เด็กโรงเรียนเก่าที่ผมเคยสะกดจิตให้ร่วมปู้ยี่ปู้ยำอาจารย์ทรงเดชแล้วลบความทรงจำเป็นรายสุดท้าย!
.
.
.
“จริงสิครับ พี่นึกได้ว่ามีธุระด่วน ต้องขอตัวกลับเช่นกันครับน้อง ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะครับ” ผมไว้มาด ส่งยิ้มให้เอฟและลุกขึ้นอย่างสงบแม้เนื้อตัวจะเขรอะด้วยดินทราย ภายในใจเต็มไปด้วยความอิหลักอิเหลื่อ เด็กคนนี้ไม่ควรได้พบเจอผมอีก ให้ตายสิ วันนี้ถือเป็นวันซวยที่สุดในรอบปีล่ะมั้งนี่
“ไหวนะครับพี่ ให้ผมเดินไปส่งไหม” เอฟถามเพื่อความแน่ใจ
“ไม่เป็นไรครับน้อง. . .อุ๊บ!” ผมทรุดลง เจ็บแปลบกลางหลังบริเวณที่ถูกธนิกซัดลอยกระแทกเสา
เขายิ้มเจื่อนแหะ ๆ เมื่อเห็นว่าคำพูดของผมกับภาพที่เห็นช่างขัดแย้งกันเหลือเกิน
“เอ่อ. . .ผมว่าไปส่งดีกว่า”
จนแล้วจนรอด เอฟก็มาส่งผมถึงรถจนได้ และคงแล้งน้ำใจเกินไปถ้าจะไม่เอ่ยปากให้ติดรถตามมารยาทที่พึงกระทำต่อผู้ให้ความช่วยเหลือ ผมจึงตกลงกับเขาว่าจะขับไปส่งที่ป้ายรถเมล์ให้จะได้ไม่ต้องเดินไกล
“ไปนั่งเล่นที่สวนคนเดียวเหรอครับน้อง” ผมชวนคุยเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งเงียบเกร็ง
“เปล่าครับ” เอฟตอบสั้น ๆ เหม่อหันมองวิวนอกหน้าต่างรถ
“. . .” . . . .อ้าว เด็กคนนี้นิ อย่าทำให้บรรยากาศอึมครึมสิ
“ไปให้แฟนบอกเลิกน่ะครับ” ต่อจากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะตอบส่ง ๆ คงเพราะคิดว่าควรตอบให้เต็มประโยคตามมารยาทที่อาศัยรถคนแปลกหน้ากระมัง
“ขอโทษครับพี่ไม่น่าถามเลย”
“ช่างมันเหอะพี่ ผมไม่คิดมากครับ” เห็นได้เลยว่าเขาฝืนยิ้ม
แม้เป็นเวลาไม่ถึงสิบนาที แต่การพยายามดันทุรังหาหัวข้อสนทนาเพื่อรักษามารยาทสังคมทั้งที่สภาพจิตใจไม่พร้อมทั้งสองฝ่าย ทำให้บรรยากาศพูดคุยไม่ต่างอะไรกับละครชั้นเลวที่มีแต่นักแสดงเล่นแข็งทั้งเรื่อง กระนั้นก็ยังคงต้องเล่นไปตามหน้าที่จนกว่าจะจบตอน นั่นคือส่งน้องเอฟถึงป้ายรถนั่นเอง
“ขอบคุณครับพี่” เอฟยกมือไหว้
“ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ อย่าเมากลิ้งที่ไหนอีกล่ะครับ” เขาโบกมือส่งยิ้มให้ก่อนลงจากรถ
“เช่นกันครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับเอฟ”
.
.
.
.
.
บรรลัยแล้ว
หลุดชื่อออกมาจนได้
.
.
.
“เดี๋ยวนะครับ. . .” เอฟหยุดเท้าไว้ครึ่งก้าว
“พี่รู้ชื่อผมได้ไง?”
“เอ่อ . . เดาเอาครับว่าน่าจะชื่อเอฟ”
.
.
.
.
.
บ้าจริงผม
ตอบแบบนี้ยิ่งขุดหลุมฝังตัวเองลึกลงไปอีก
.
.
.
“ถามจริง เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่าครับ?”
เด็กเวรเอ้ย รีบกลับไปเถอะขอร้อง
“ปิ๊นน!!”
เสียงแตรรถคันข้างหลังสื่อแทนคำด่าดังเสียดแทงแก้วหู
“พี่ต้องไปแล้วล่ะครับ โชคดีนะครับ” ผมใช้คำพูดสื่อทางอ้อมว่าเขาควรจะลงไปได้แล้ว
“ครับ ๆ ขอบคุณครับ” เขาเลิ่กลั่นลงจากรถทันที กระนั้นก็ยังไม่ละสายตาที่แสดงถึงความเคลือบแคลง
ในสถานการณ์ปกติ หากมีใครมาบีบแตรใส่ผมเสียงดังแบบนี้ คนขับอาจกลายสภาพเป็นโคโยตี้ลุกขึ้นถอดเสื้อเต้นบนหลังคารถกลางถนนก็เป็นได้
.
.
.
แต่งานนี้ต้องขอบคุณเจ้าของรถขี้ใจร้อนที่ช่วยชีวิตไว้ได้หวุดหวิดจริง ๆ
.
.
.
.
.
ผมเดินสะบักสะบอมกลับเข้าบ้าน โซเซเหมือนผีดิบคืนหลุม ได้เจอกับธนิกเพียงครั้งเดียวไม่เหลือแววนักธุรกิจหนุ่มมาดนิ่งอยู่เลย
“ว้าย! ตาเถรยายชี! คุณเตอร์ไปทำอะไรมาคะนั่น!?” ไม่รู้เป็นเพราะอะไร น้าบัว แม่บ้านของบ้านหลังถัดไปถึงชอบบังเอิญเห็นผมในสภาพไม่อยากให้เป็นที่สังเกตอยู่ร่ำไป ดึกป่านนี้ยังจะออกมาเล่นกับแมวขาวตัวโปรด
“ฟัดกับหมามาครับน้า” ผมตอบเธอพร้อมประชดโชคชะตาตนเองไปด้วยในตัว
“หมาที่ไหนคะ” น้าบัวช่างเป็นคนซื่อจริง ๆ แต่ก็คงดีแล้วที่เธอเข้าใจไปอย่างนั้น
“หมาบ้ากลายพันธุ์ครับ”
ประตูบ้านปิดลงด้วยเสียงดังกว่าที่ควรจะเป็น แม่บ้านบัวยังคงยืนงงนิ่ง
.
.
.
“คงเป็นหมาที่ดุมาก เล่นแรงจริง ๆ ” เธอรำพันพลางเกาคางแมว
.
.
.
หลังอาบน้ำชำระร่างกาย ผมล้วงหากระดาษพับที่ธนิกยัดใส่กระเป๋ากางเกงไว้ เมื่อคลี่ออกดูก็พบเบอร์โทรศัพท์กับชื่อเขาที่ระบุให้รู้ว่าเบอร์ของใครเท่านั้น
ผมขยำและดีดทิ้งไปไกล ๆ เหมือนดีดขี้มูก
ยังมีเรื่องที่ผมต้องวางแผนอีกมากมาย ล้วนแต่เป็นเรื่องใช้ทั้งสมองและเวลา เรื่องอะไรจะยอมเป็นเบ๊คนซาดิสต์ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าแบบเจ้านั่น ต่อให้อ้างว่าเป็นสายเลือดแห่งอนาคตหรืออนาถาอะไรก็เถอะ
ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย หลับตาก่ายหน้าผากด้วยความบอบช้ำและอ่อนเพลีย นานมาแล้วที่ไม่เคยเจ็บทั้งกายและใจหนักหน่วงพร้อมกันเช่นนี้
.
.
.
.
นานเท่าไหร่กันนะ
.
“แม่ไอ้เต๋อขายน้ำ แต่กูว่าแม่มันน่าจะเพิ่มน้ำอย่างอื่นเข้าไปด้วยนะ แบบที่คนเค้าไม่กล้าขายกันน่ะ”
เสียงฮาครืนดังขึ้นกลางช่วงพักระหว่างคาบเรียน
“ขายน้ำมันผิดตรงไหน! เกรซว่าแม่ผมทำไม!” เต๋อเอ็ดกลับ
“ผิดตรงที่รำคาญลูกตาพวกเราไง” เกรซยักไหล่
“ครูวิไลให้อภิสิทธิ์มึงตลอดเลย จ่ายค่าเทอมก็ช้ากว่า ทำรายงานก็ไม่ต้องเข้าเล่มเหมือนพวกเรา วิชาดนตรีครูก็คอยขอยืมของคนอื่นมาให้มึงเล่น แล้วอีกอย่างนะ ค่าสมทบทุนสร้างอาคารเรียนคนอื่นเค้าให้กันเป็นหลักหมื่นหลักแสน ที่บ้านมึงให้กี่ตังค์เชียว”
“. . .” เต๋อก้มหน้า
“ร้อยเดียวค่า น้องจอยแอบไปดูรายชื่อผู้บริจาคมาแล้ว” เด็กหญิงจอยตอบแทนให้ดังได้ยินทั่วกัน
เสียงหัวเราะระเบิดตูมอีกครั้ง
“อย่าไปขำเค้าสิพวกมึง ดูถูกเงินร้อยเดียวได้ยังไง ค่าตะปูค่าน็อตก็พอไหวอยู่นะ” ใครคนหนึ่งแทรกมุกเข้ามากลางวง คราวนี้จึงฮายกชั้นแม้แต่คนเส้นลึกที่สุด ยกเว้นบางคน . . .
.
.
.
“เดี๋ยวนะเพื่อน ๆ ภูมิคิดว่าเราน่าจะเปลี่ยนเรื่องคุยกันนะ” ภูมิเดินเข้ามากลางวง
“เปลี่ยนเป็นว่าภูมิจะไปกินอะไรกับจอยเย็นนี้ใช่ไหมล่า” จอยพยายามทำให้เป็นเรื่องสนุก
แต่เกรซไม่สนุกด้วยเพราะเธอไม่ต้องการให้ใครเบี่ยงประเด็น
“เธออย่าเข้าข้างมันสิภูมิ ไม่เห็นเหรอว่ามันเอาเปรียบพวกเราแค่ไหน”
“แต่เต๋อก็ช่วยเก็บขยะตามชั้นเรียนนะ ครูหลายคนถึงได้เอ็นดูแล้วก็พยายามช่วยเหลือ” ภูมิพยายามแสดงเหตุผล
“จริงด้วย ที่ภูมิพูดขึ้นมาก็ถูก แต่นั่นมันหน้าที่ภารโรงนะคะเธอจ๋า ต๊ายตาย! ยากจนถึงขนาดต้องแย่งซีนภารโรงเอาตัวรอดกันเลยนะคะ” จอยยิงมุกทำคนหัวเราะท้องแข็ง การที่ภูมิพยายามช่วยดูเหมือนจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง
“มึงอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่รู้จักอยู่ในที่ที่สมฐานะ ที่นี่โรงเรียนคนรวยนะไม่ใช่องค์กรการกุศล บอกตรง ๆ กูเหม็นขี้หน้ามึงกับแม่รู้ไว้ด้วย” วาจาจากเกรซทำให้บรรยากาศตึงเครียดลงทุกที เต๋อรู้สึกเหมือนถูกไล่ต้อนจนมุม
.
.
.
“จบซะทีเถอะ แกล้งมันทำไม” เด็กชายคนหนึ่งพูดขึ้นบ้าง
“ต๊ายตาย! หนุ่มไม้หน้ามนก็เอากะเขาด้วย อยากเป็นพระเอกหรือไงคะ” จอยเอามือทาบอก ดูก็รู้ว่าจริตจะก้านเกินพอดี
“อีกไม่นานก็จะถึงฤดูโหวตจตุรเทพประจำรุ่นแล้ว กำลังแข่งกันทำคะแนนมั้ง” เกรซเบ้ปากกระทบกระเทียบ
“ว้าย! นังเกรซ แกหลอกแขวะภูมิรึไงยะ แบบนี้ตบกันเลยดีกว่า” จอยพูดทีเล่นทีจริง
“ภูมิน่ะไม่เท่าไหร่ ไม่ทำตัวขี้เก๊กน่าหมั่นไส้ เหมือนใครบางคน” เมื่อกล่าวจบ เกรซบุ้ยใบ้มองไม้ด้วยหางตา
“ไร้สาระว่ะ”
จังหวะที่ไม้พูดหมดเวลาพักระหว่างคาบเรียนพอดี ประกอบกับช่วงนาทีทองรุมยำเต๋อหมดความมันส์ลงเมื่อมีภูมิและไม้ซึ่งมีอิทธิพลในห้องเข้าแทรก ทุกคนจึงเริ่มเดินทยอยออกจากห้องไปเรียนคาบวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นคาบต่อไปอีกตึกหนึ่ง
“ไปกับกูดีกว่าเต๋อ วันนี้มึงมานั่งข้างกูก็ได้” ไม้พยักหน้าเรียกเต๋อให้ออกจากห้องไปด้วยกัน
“ขอภูมินั่งด้วยคนนะ” ภูมิตั้งท่าจะตามไปอีกคน
เกรซไม่พอใจอย่างมากเมื่อเห็นสามคนนี้หันหลังให้เป็นนัยว่าคำด่าที่ตั้งใจสำรอกมีอานุภาพน้อยกว่าที่คาดไว้
“ปกป้องกันเข้าไปนะ! อีลูกแม่ค้าเนี่ยมันมีอะไรดี! หรือว่าเป็นตุ๊ดเป็นเกย์กันไปหมดแล้ว!” เธอสะกดทุกคนด้วยน้ำเสียงเฉียบคมชัดเจน
“อีเกรซ! อีปากเสีย!” จอยขัดขึ้น แต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่ได้ยิน มีเรื่องสำคัญกว่านั้น บรรยากาศของการแตกหักกำลังก่อตัว
.
.
.
“บ้านมึงมันขี้ขอทั้งบ้าน! ชอบทำตัวให้คนอื่นสงสารแต่ไม่ยอมเจียมตัว บอกให้แม่ไปอัพเกรดขายน้ำหีเพิ่มไป๊! เผื่อจะลืมตาอ้าปากได้ แม่มึงเหมาะเป็นกะหรี่ที่สุดแล้ว!”
.
.
.
“เกรซว่าไงนะ” เต๋อทวนขึ้นเบา ๆ
“แม่มึงเหมาะไปเป็นกะหรี่ขายหี! ชัดไหม!”
ถึงภูมิจะเอ๋อ แต่ไวในเรื่องความไหวรู้สึก
.
.
“เต๋อ! อย่า!” ภูมิคว้าแขนเต๋อไว้ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการ
เต๋อพุ่งผลักเกรซล้มกระแทกพื้นดังโครม
“ไอ้เต๋อ! ใจเย็นก่อน!” ไม้เข้าล็อคตัวเต๋อจากด้านหลังและจับแยกออกจากกันก่อนจะเกิดการชกต่อยกันขึ้น
“อย่า. . . .ให้มันมากไปนัก” เต๋อพึมพำปากสั่นระริกด้วยความโกรธ
จอยช่วยเกรซค่อย ๆ พยุงตัวขึ้น ระหว่างนั้นสังเกตได้ว่าทั้งสองกำลังกระซิบอะไรบางอย่าง
.
.
.
“งั้นมึงก็อย่ามาเล่นกับคนอย่างกู”
เธอขยี้ผมตัวเอง ทึ้งเสื้อผ้าจนกระดุมขาดหลุดหลุ่ย สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอดเต็มที่ กลุ่มเด็กชายมองว่าเกรซคงโกรธจนเสียสติแล้ว
.
.
.
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!” สองสาวกรี๊ดร้องลั่นดังทั่วชั้น โดยเฉพาะจอยซึ่งมีคอหอยที่ส่งเสียงหวีดแหลมเกินคนทั่วไป เด็กชายทั้งสามตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“น้ำหวาน เธอช่วยบอกให้สองคนนี้สงบสติอารมณ์หน่อยสิ!” ไม้หันไปพึ่งน้ำหวาน เพื่อนหญิงคนสุดท้ายที่ยังไม่ออกจากห้องเรียนโดยหวังว่าผู้หญิงด้วยกันจะคุยง่ายกว่า แต่เธอก็อยู่ในอาการตกตะลึงเช่นกัน ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะรุนแรงถึงได้เพียงนี้
“เกรซ จอย หยุดก่อนนะ ฟังเราหน่อย” น้ำหวานพูดแต่ก็ดูเหมือนจะช้าเกินไปแล้ว
“เอะอะอะไรกัน!!”
ทุกคนที่เหลือในห้อง 3/3 หันไปทางเดียวกันหมด
อาจารย์ทรงเดชยืนกอดอกถือไม้เรียว พร้อมด้วยนักเรียนทั้งชั้นที่แห่กันมาหาต้นเสียงแน่นขนัดอยู่นอกห้อง
.
.
.
.
.
ภายในห้องปกครองคุกรุ่นไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด ครูฝ่ายปกครองต่างว้าวุ่นกับการไต่สวนพิจารณาคดีทะเลาะวิวาทที่เกิดเมื่อครู่ พร้อมด้วยคู่กรณีและพยานที่อยู่ในเหตุการณ์อันได้แก่ เต๋อ เกรซ จอย ไม้ ภูมิ และน้ำหวาน เต๋อได้แต่นั่งก้มหน้าสลด
“เนี่ยค่ะครู เขาผลักหนูล้มลงแล้วขึ้นคร่อม กระชากเสื้อผ้าขาดวิ่นเลยค่ะ” เกรซก้มมองทั่วร่างอย่างสมเพชตนเอง
“แต่ภาพที่ผมเห็น . . .” ภูมิแทรก แต่เสียงของจอยดังกลบ
“คือก็ไม่เข้าใจอ่ะค่ะว่าเค้าหูเฝื่อนหรืออะไร เกรซแค่บ่น ๆ ว่าอยากดื่มอะไรเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ แม่เต๋อน่าจะทำน้ำกระเจี๊ยบขายเพิ่ม แต่เค้าได้ยินเป็น . . . ขอโทษนะคะ กระเจี๊ยวหรือกะหรี่อะไรสักอย่างนี่ล่ะค่ะ แล้วก็ตะคอกกลับมาว่ามึงสิอีกะหรี่ อย่าเล่นถึงแม่กู” จอยร่ายยาวแทนเพื่อน ทั้งสองตีหน้าได้สมกับบทบาทผู้ถูกกระทำ
“ไม่จริง เกรซเป็นฝ่ายด่าน้าทิพย์ตรง ๆ เลย!” ไม้พูดขึ้นบ้าง
“จะบ้าเหรอไม้ เค้าอยู่ของเค้าดี ๆ ใครจะไปด่า ฉันไม่ใช่คนโรคจิตนะที่จะเที่ยวด่าคนอื่นแบบไร้เหตุผล” เกรซตอกกลับ
“โห. . .กล้าพูดเนอะ เธอน่ะโรคจิตของแท้ ที่ลับเป็นอย่างหนึ่ง ที่แจ้งเป็นอีกอย่าง แยกวิธีคิดวิธีพูดออกจากกันคนละทางเลย เหมือนในหนังฆาตกรโรคจิต. . . ” ไม้นึกคำพูดต่อ
“หมายถึงพวกบุคลิกซ้ำซ้อนใช่รึเปล่า” ภูมิต่อให้
“ภูมิ!!” เกรซชักสีหน้าใส่
“เปล่านะ ภูมิไม่ได้ว่าเกรซ แค่เห็นไม้อยากจะใช้ศัพท์เฉพาะแต่นึกคำเรียกไม่ถูก ภูมิก็เลยพูดแทนให้” ภูมิเกาหัว ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดตรงไหน
“ผมไม่ผิด! เกรซด่าแม่ผมก่อน!” เต๋อชักเสียงขึ้น
“เกรซเข้าใจนะแม่ใครใครก็รัก เป็นเกรซก็คงทนไม่ได้ถ้ามีใครมาลามปามถึงแม่ ก็อาจจะลงไม้ลงมือเหมือนกัน แต่ปัญหาของเรื่องนี้มันอยู่ตรงที่ เกรซไม่ได้ด่าแม่เต๋อ เต๋อเข้าใจผิดไปเอง”
“เธอเครียดหรือเก็บกดอะไรหรือเปล่า เวลาเรียนก็นั่งอยู่คนเดียวไม่คุยกับใครเลย” จอยมองเต๋อด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ
“ไม่มีใครอยากคุยกับผมต่างหาก” เต๋อกัดฟันตอบ
“อย่าไปเชื่อพวกเค้าครับครู จอยกับเกรซสนิทกันมาตั้งนานแล้ว ใครก็รู้” ไม้ช่วยต้านไม่ให้พวกผู้หญิงพตักตวงความชอบธรรมเพียงฝ่ายเดียว
“โอย จะบ้าตาย เด็กมันก็เข้าข้างพวกเดียวกันทั้งนั้นแหละ ฉันจะเชื่อใครได้” หญิงร่างท้วมวัยกลางคนซึ่งดำรงตำแหน่งครูหัวหน้าฝ่ายปกครอง นั่งบีบนวดหน้าผากตัวเองให้คลายจากความปวดเศียรเวียนเกล้า
.
.
.
แต่ดูเหมือนว่าภาระสมองของเธอจะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้
.
.
.
“ลูกเกรซคะ เป็นไงบ้าง!!” สาวสูงสง่างามสมวัยราวสี่สิบ เดินหลังตรงก้าวขาฉับ ๆ เข้ามาในห้องฝ่ายปกครอง
สัญชาตญาณความเป็นแม่ทำให้เธอเข้าสวมกอดลูกสาวด้วยความเป็นห่วงทันที
“ตายจริง. . . คุณพระคุณเจ้า!” เธอป้องปากตกใจเมื่อได้เห็นลูกสาวอยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิง
“คุณแม่คะ เกรซกลัวเหลือเกินค่ะ” เกรซบีบหน้าพยายามรีดน้ำตา แม้จะไม่มีไหลออกมาสักหยดแต่ขอให้ได้อารมณ์ใกล้เคียงที่สุดก็ยังดี
“แค่นี้ต้องตามแม่มาด้วย งานการไม่มีให้ทำหรือไง” ไม้บ่นอุบอิบ
“ไม้ ไม่เอาน่ะ” วิไล ครูหญิงวัยใกล้เกษียณที่ปรึกษาห้อง 3/3 ตีบ่าลูกศิษย์เบา ๆ หลังบังเอิญได้ยิน
“ฉันคิดว่าโรงเรียนนี้จะมีแต่ลูกผู้ดีมีการศึกษาซะอีกถึงให้ลูกเรียนที่นี่ พวกคุณปล่อยให้เกิดเหตุรุนแรงกับลูกฉันได้ยังไง แถมเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิงด้วย”
“ฟังเราก่อนเถอะค่ะคุณดารินทร์ . . .” ครูหัวหน้าฝ่ายปกครองพยายามเข้ามาไกล่เกลี่ย
“ฉันไม่ฟัง! เสียความรู้สึกนะคะที่อุตส่าห์ให้ความไว้วางใจอุปการะโรงเรียนตลอดมา ฉันช่วยพวกคุณไปตั้งเท่าไหร่เพื่อครูนักเรียนได้อยู่ในสภาพแวดล้อมดีที่สุด จะจัดงานการกุศล โต๊ะจีน ส่งซองมากี่ครั้งฉันก็ไม่เคยอิดออด! แค่ดูแลให้ลูกฉันปลอดภัยในรั้วโรงเรียนแค่นี้ยังทำไม่ได้! แล้วยิ่งฉันเป็นประธานมูลนิธิพิทักษ์สตรีและเด็ก แต่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้กับลูกสาวตัวเอง มันไม่ตลกเกินไปหน่อยหรือคะ!” ครูหัวหน้าฝ่ายปกครอง ครูวิไล และอาจารย์ทรงเดชทำได้เพียงทอดสายตามองหาอะไรก็ได้ที่จะช่วยไม่ให้ต้องสบตาผู้หญิงคนนี้ตรง ๆ
เด็ก ๆ ทุกคนพร้อมใจกันก้มหน้าเงียบราวกับอยู่ต่อหน้าองค์ราชินีสูงศักดิ์ ไม้แอบสังเกตได้ว่าเกรซและจอยกำลังใช้ความพยายามยิ่งยวดในการกดเก็บหัวเราะ
“แต่อย่างน้อยคุณก็น่าให้เด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ได้มีโอกาสพูดก่อนนะคะ แล้วใครผิดใครถูกค่อยให้ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ตัดสิน น่าจะยุติธรรมกับทุกคนนะคะ” ในที่สุด ครูวิไลก็กล้าเป็นฝ่ายต่อรองกับแม่เกรซขึ้นเป็นคนแรก
“ก็ได้ค่ะ แต่ก่อนอื่นฉันขอดูหน้าคนที่ทำลูกเกรซก่อน”
“เข้มแข็งไว้นะเต๋อ” ภูมิหันไปส่งกำลังใจ
“เธอรึเปล่า?” เป็นอย่างที่คิด ดารินทร์เดาถูกง่ายดายโดยพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกของเต๋อที่ผิดแผกแปลกแยกออกจากเด็กคนอื่น ๆ ทั้งเสื้อผ้าและผิวพรรณ
“ใช่. . .ครับ” เต๋อรับ
“นี่ลูกเจ๊ขายน้ำหลังโรงเรียนนิ ฉันจำได้” แม่ของเกรซรำพัน
“หึ น้าก็ไม่ชอบตัดสินคนที่เปลือกนอกหรอกนะ แต่เดาไม่ค่อยจะพลาดหรอก เป็นผู้ชายภาษาอะไรถึงรังแกผู้หญิง” ดารินทร์เหยียดปากถาม เธอทำหน้าราวพูดอยู่กับกองอุจจาระ
“ไหนป้าบอกจะฟังพวกเราทุกคนก่อนไง!” ไม้แทรกขึ้น
ดารินทร์เปลี่ยนเป้าหมายจรวดนำวิถีชั่วคราว
“ใช้คำเรียกผู้ใหญ่แก่เกินอายุจริงมันเสียมารยาทนะคะ” เธอท้วงขึ้นด้วยอาการเก็บความรู้สึก
“แล้วอายุจริง ๆ ของคุณเท่าไหร่กันละครับ” ไม้สวนกลับ
“ภูมิว่าไม้คำถามของไม้กำกวมนะ ไม่ควรใช้คำว่า “อายุจริง ๆ ” เพราะจะทำให้คนฟังสับสน ถ้าเป็นงานวิจัยต้องระบุก่อนว่า “อายุจริง ๆ” ในที่นี้หมายถึงอะไรเพื่อให้เข้าใจตรงกัน ชี้วัดจากอะไร อายุทางกาย หรือว่าอายุทางความคิด ตัดสินจากอะไร ระบบปฏิทิน หรือว่าไอคิวอีคิวเทสต์ ไม่งั้นคนอ่านเปเปอร์อาจตีความไปคนละทาง อย่าลืมสิว่า. . . .” ภูมิถือโอกาสให้ความรู้กับเพื่อนอย่างบริสุทธิ์ใจโดยไม่ทันสังเกตว่าทุกคนกำลังอยู่ในภาวะคล้ายกลัวเครื่องบินรบทิ้งระเบิด ดารินทร์โกรธจนเลือดฝาดทั่วหน้า แม้เครื่องสำอางก็ปิดไม่มิด
.
.
.
“เงียบได้แล้ว!” อาจารย์ทรงเดชฟาดไม้เรียวลงโต๊ะประดุจเปาปุ้นจิ้นสั่งเปิดศาล
การสอบสวนเริ่มขึ้นอีกครั้งอย่างเป็นทางการต่อหน้าดารินทร์ ข้อมูลที่ได้จากทุกฝ่ายไม่ต่างจากรอบแรกเท่าไหร่นัก ประดุจว่าพิธีกรรมนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อให้แม่ของเกรซซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของโรงเรียนพอใจเท่านั้น
.
.
.
ระหว่างการไต่สวน ครูวิไลเดินแอบเข้ามาหาเต๋อ
“ป่านนี้คุณแม่เธอน่าจะมาแล้วนะ คงกำลังเตรียมของขายอยู่หลังโรงเรียน ให้ครูไปตามคุณแม่มาอยู่เป็นเพื่อนไหม” ครูวิไลปลอบโดยการลูบหัวเต๋อ
“ครับ” เต๋อรีบไหว้ขอบคุณและพยักหน้า
ในเมื่ออีกฝ่ายมีแม่คอยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ตัวของเต๋อเองก็คงมีความต้องการที่พึ่งทางใจไม่ต่างกัน ทั้งที่ครูวิไลอายุค่อนข้างมากแล้วแต่ก็ยังสู้อุตส่าห์ยอมลำบากเดินไปถึงหลังโรงเรียนเพื่อชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตนเองและเชิญให้แม่ของเต๋อมาอยู่เคียงข้างลูกชายที่กำลังตกอยู่ในสภาพกำลังแย่ ไม่นานนัก ทิพย์ ผู้เป็นแม่ก็เข้ามานั่งร่วมเป็นประจักษ์พยาน
.
.
.
“ไม่เป็นไรนะลูก” ทิพย์กุมมือลูกชายไว้แน่น
“แม่ครับ ผมไม่น่าเลย” เต๋อตัดพ้อ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงจะไม่เอาไม้ซีกไปงัดซุงจนเรื่องบานปลาย
การไต่สวนพยานเดินมาถึงขั้นสุดท้ายซึ่งเหลือพยานอีกหนึ่งคนคือน้ำหวาน
“เธอเห็นอะไรบ้าง” หัวหน้าครูฝ่ายปกครองถาม
น้ำหวานเหลียวซ้ายแลขวาราวกับต้องการเช็คว่าทุกคนพร้อมจะฟังเธอแล้วหรือยัง
“เกรซ. . . เป็นคนเริ่มก่อนค่ะ เขาด่าแม่เต๋อจริง ๆ” เธอตอบโดยไม่สู้สายตาฝ่ายเกรซ
“ไม่จริง! ลูกน้าน่ะนะจะด่าบุพการีคนอื่น” เธอขัดขึ้นอีกดังที่ผ่านมาทุกครั้งระหว่างการไต่สวนจนทุกคนเริ่มจะชินแล้ว ปากบอกยินยอมรับฟังทุกความเห็นแต่เมื่อไม่ตรงกับที่ตัวเองอยากได้ยินก็คอยแทรกอยู่เนือง ๆ
“พอเต๋อได้ยินดังนั้น ก็เลยผลักเกรซลง เขาทำไปเพราะความโมโหที่ถูกด่าถึงแม่” น้ำหวานพูดต่อ
“เห็นไหมครับ น้ำหวานไม่มีนอกมีในแท้ ๆ ก็ยังพูดแบบเดียวกับเราเลย” ไม้เสริม แต่ครูหัวหน้าฝ่ายปกครองตอบสนองด้วยการมองลอดแว่นแทนคำพูดว่าอย่าแทรกกลางคัน
“แล้วยังไงต่อล่ะ. . .” ครูหัวหน้าฝ่ายปกครองถาม
“เต๋อทำใจดี ๆ นะ แม้แต่น้ำหวานยังอยู่ข้างเรา ทุกอย่างไม่แย่ไปกว่าที่คิดหรอก” ภูมิตบไหล่ให้กำลังใจเบา ๆ
.
.
.
.
.
แต่แล้ว จู่ ๆ น้ำหวานก็มีท่าทีเปลี่ยนไป เด็กสาวใช้สองมือปิดหน้าไม่พูดไม่จา
.
.
.
.
.
“เธอเป็นอะไรไป” ครูวิไลตรงเขาไปหาน้ำหวาน ทุกคนมองด้วยความฉงน
เธอสั่นสะอื้น
.
.
.
“น้ำหวาน เธอเป็นอะไร” วิไลย้ำอีกครั้งพลางเขย่าตัว
“พอที! หนูทนไม่ไหวแล้ว!” เธอระเบิดน้ำตาออกมา
“ทุกคนยกโทษให้หนูด้วย หนูไม่มีเจตนาโกหกใครเลย!”
“ตกลงหมายความว่ายังไงกันแน่” ครูหัวหน้าฝ่ายปกครองเริ่มสับสน
“ตอนแรกหนูสงสารเต๋อถึงได้พูดไปอย่างนั้น แต่. . . ฮือ ยิ่งโกหกหนูก็ยิ่งละอายใจตัวเอง อายคุณแม่เกรซที่ทำงานเพื่อผู้หญิงมาตลอด อายคุณครูทุกคนที่ดีกับหนู ฮือ”
“เต๋อ เราขอโทษนะ เราสงสารเธอ แต่เราคิดว่าการโกหกไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง” เธอหันมาพูดกับเต๋อทั้งน้ำตา
“นี่เธอ. . .” ไม้เบิกคิ้วกว้าง ไม่คิดว่างูพิษร้ายแรงที่สุดในกลุ่มคือตัวที่สีสันไม่ฉูดฉาด
“เกรซแค่พูดกับจอยว่าอยากดื่มน้ำกระเจี๊ยบ คุณแม่เต๋อน่าจะทำขายบ้าง แต่เต๋อได้ยินเป็นคำหยาบไปเอง จากนั้นเขาก็พลักเกรซล้มลงและฉีกเสื้อผ้าออก” น้ำหวานกล่าวต่อทั้งน้ำตา เต๋อกับภูมิไม่รู้จะแก้เกมยังไง เธอกำลังโป้ปดมดเท็จแท้ ๆ แต่สามารถกุเรื่องพร้อมควบคุมตัวแปรรอบด้านให้ออกมาดูสมจริงได้
“หนูกราบขอขมาคุณน้าทั้งสองด้วยนะคะ ถ้าหากมีคำพูดใดที่ทำให้ไม่สบายใจ แต่นี่คือทั้งหมดที่หนูเห็นกับตา” น้ำหวานก้มลงไหว้คุณแม่ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย
“เธอไม่ต้องห่วงน้ำหวาน มีอะไรพูดออกมาอีก ครูรับประกันว่าจะให้ความคุ้มครองเธอ” ครูหัวหน้าฝ่ายปกครองช่วยหนุน เธอไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่เธอรับรู้นั้น ถูกจัดเตรียมไว้ด้วยมาตรฐานไม่ห่างจากละครเวทีขนาดย่อมเท่าไหร่เลย
“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ อย่าให้หนูต้องทำร้ายเต๋อไปมากกว่านี้เลย เขาไม่ตั้งใจจริง ๆ เชื่อหนูเถอะค่ะ” น้ำหวานหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับคราบน้ำตา
“หนูจ๋า มาหาน้าหน่อยสิจ๊ะ” ดารินทร์เรียกน้ำหวานเข้าไปหา
“หนูทำถูกแล้วที่กลับใจพูดความจริง แม้จะตัดสินใจผิดไปในตอนแรก น้าก็ไม่ถือโทษหรอก” เธอฟันธงไปแล้วว่าน้ำหวานคือพยานที่น่าเชื่อถือที่สุด
“ดีกว่าเด็กบางคนที่ช่วยกันโกหกหน้าตาย แม้กระทั่งนาทีสุดท้าย” เธอค้อนไปทางฝั่งเด็กผู้ชาย
“แล้วคุณละคะ จะว่ายังไง” ดารินทร์หันไปทางทิพย์
เธอทำได้เพียงกลืนความชอกช้ำลงคอ ลำพังแค่บากหน้าให้ลูกชายเข้าเรียนโรงเรียนมาตรฐานสูงเกินฐานะความเป็นอยู่ก็ลำบากยากเข็ญแล้ว หากแข็งข้อกับผู้อุปการะรายใหญ่ของโรงเรียนเห็นทีจะหมดอนาคตทั้งแม่ทั้งลูก
.
.
.
.
.
“ดิฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ” แม้จะนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกัน แต่ทิพย์ก็แข็งใจพอที่จะก้มลงกราบจรดตักดารินทร์
“แม่!” เต๋ออุทาน ความรู้สึกในตอนนี้ผสมปนเปไปทั้งความผิดหวัง ความพ่ายแพ้ ความสะเทือนใจ จนยากจะแยกที่จะบอกว่ารู้สึกอย่างไหนมากกว่ากัน
“เด็ก ๆ ออกไปก่อนนะ ยกเว้นเต๋อกับเกรซรออยู่ก่อน” ครูวิไลต้อนเด็กคนอื่นออกไปเนื่องจากเห็นคนนอกไม่ควรได้เห็นภาพสะเทือนความรู้สึก และอยู่คุมเชิงด้านนอกป้องกันการแอบดูหรือแอบฟัง
.
.
.
“โถ ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอกค่ะคุณ มันไม่เป็นตรรกะค่ะ โอเคหล่ะฉันยอมรับคำขอโทษจากคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะชดเชยความผิดของลูกคุณได้ ถึงขั้นล่วงละเมิดร่างกายนี่เรื่องใหญ่นะคะ” ดารินทร์รับไหว้ปลก ๆ ด้วยกลัวอายุสั้นหรือผิดผีเกิดอัปปรีย์ก็ไม่ป่าน
“แล้วคุณดารินทร์จะให้ทำยังไง” หัวหน้าฝ่ายปกครองนึกผิดหวังที่คิดว่าเรื่องจะจบลงแล้ว แม่ของเกรซช่างได้คืบเอาศอกเสียจริง
“ลงโทษเฆี่ยนให้หลาบจำสิคะ จะได้ไม่ไปทำกับผู้หญิงคนอื่นอีก โตขึ้นจะได้เรียนรู้วิธีเป็นสุภาพบุรุษอยู่ในสังคมอารยะได้” ดารินทร์เสนอเงื่อนไข
“เพื่อให้เรื่องจบ ผมจะตีเด็กเอง คุณแม่เห็นด้วยไหมครับ” อาจารย์ทรงเดชถามเป็นการขออนุญาตทิพย์
“แม่ครับ” เต๋อวิงวอนแม่เหมือนแมวที่กำลังจะถูกปล่อยวัด
.
.
.
.
ทิพย์ไม่พูดอะไร แต่ฉุดแขนเต๋อให้ลุกขึ้น แล้วเดินไปหยิบไม้เรียวที่วางไว้บนโต๊ะ
.
.
.
.
เธอฟาดลูกไม่ยั้ง!
“ไอ้ลูกไม่รักดี! ชอบสร้างแต่ปัญหา!”
ทิพย์สบถพลางรัวตีทั้งแข้งทั้งก้นเต๋อพัลวันราวกับว่าไม่ได้เล็งไว้ก่อนสักที่
“แม่ครับ! ผมเจ็บ!” เต๋อร้องลั่น
“ทีหลังอย่าก่อเรื่องอีก!” ผู้เป็นแม่ยังคงฟาดต่อไป
“โอ๊ย! เจ็บ! พอแล้ว! แม่! เต๋อกลัวแล้ว!” เต๋อทรุดลงกองกับพื้น พิษความเจ็บช้ำแผ่ซ่านทั่วกายจนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาปล่อยโฮลั่นจนไม่เหลือคราบศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
.
.
.
“ดิฉันขอโทษคุณดาอีกครั้งนะคะ และก็ได้ลงโทษลูกไปแล้ว ขอให้จบกันแต่เพียงเท่านี้เถอะค่ะ ” เธอเสยผมที่เปียกชื้นเหงื่อหลังออกแรงตีลูก คราวนี้ดารินทร์กลับเป็นฝ่ายสู้หน้าทิพย์ได้ไม่เต็มตาเสียเอง เธอมองเต๋อนอนกองอยู่กับพื้นเหมือนเห็นวัวถูกเชือดคอแล้วกำลังดิ้นขาดใจต่อหน้า ครูหัวหน้าฝ่ายปกครองและอาจารย์ทรงเดชรู้สึกลึก ๆ ว่าตัวเองช่างเลวสิ้นดี แต่เมื่อสวมหัวโขนอาชีพครูอันทรงเกียรติอยู่ จะมีสักกี่คนที่กล้ายอมรับว่าตัวเองผิด
.
.
.
.
“เธอประชดฉันหรือ” ดารินทร์ทาบอก
“เปล่าค่ะ” เธอตอบหนักแน่น
“แต่หน้ากับน้ำเสียงเธอบอกกับฉันอย่างนั้น!”
ดารินทร์เริ่มระแวง เธอเป็นคนบีบคั้นให้ครอบครัวนี้จนตรอกจนต้องแสดงออกด้วยพฤติกรรมรุนแรง และสิ่งที่กริ่งเกรงที่สุดก็คือกลัวว่าหากทิพย์ยังเป็นแม่ค้าอยู่ในโรงเรียน วันหนึ่งอาจลุแก่โทสะทำร้ายลูกสาวของเธอเป็นการเอาคืน
“คุณคะ ผู้หญิงป่าเถื่อนแบบนี้รับมาขายของในโรงเรียนได้ยังไง มีการสกรีนคนก่อนรึเปล่าคะ” เธอหันไปทางพวกครู
“อ้าว . . .ก็คุณเป็นคนบอกให้ลงโทษด้วยการเฆี่ยนเองตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอครับ” อาจารย์ทรงเดชปัดความผิดให้พ้นตัว
“ฉ . . .ฉันรับไม่ได้หรอกนะ” เห็นได้ชัดว่าเธอสู้รังสีความกดดันที่แผ่จากตัวคนจริงอย่างทิพย์ไม่ติด และขณะนี้เธอกำลังหาทางปกป้องตนเองด้วยการกำจัดสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจออกไปให้พ้นรั้วบ้าน
“ฉันไม่อยากเห็นผู้หญิงคนนี้ขายของอยู่ในโรงเรียนอีก!” เธอเก็บของลงกระเป๋าอย่างรีบร้อน หน้าตาเลิ่กลั่กไม่อยากสบสายตาใคร
“ไม่ได้บังคับนะคะ แล้วแต่วิจารณญาณทุกท่าน แต่ถ้ายังต้องการให้ฉันช่วยเหลือเรื่องทุนสร้างห้องสมุดใหม่ล่ะก็ หวังว่าคงตามใจกันบ้าง” เธอพูดโดยหันหลังให้ทิพย์ รู้ตัวดีว่าไม่มีหน้าจะกล้ามองคนที่ถูกตนรังแก แต่ในใจก็ขอปฏิเสธว่าตนเป็นฝ่ายผิดอยู่ดี
.
.
.
“ลูกเกรซคะ คุณแม่ต้องกลับไปทำงานแล้วค่ะ เทคแคร์ค่ะลูก อย่ากลับเย็นมากนะคะ” เธอลาลูกสาวพอเป็นพิธีแล้วรีบเดินออกไป ราวกับกลัวว่าจู่ ๆ ทิพย์อาจคลั่งหยิบไม้ขึ้นมาไล่ตีเธอหากยังอยู่ในห้องนานกว่านี้ เกรซเองก็รู้งานรีบออกจากห้องหนีตามติด ๆ กัน
.
.
.
“ฮืออออออออ” เสียงโหยหวนของเต๋อดังพอที่จะทำให้ครูวิไลและเด็ก ๆ ที่รอข้างนอกรู้บทสรุปจบของคดีนี้
“เวรกรรมจริง ๆ ” ครูวิไลถอนหายใจ
.
.
.
.
ทิพย์ขอตัวลาเพื่อเตรียมของขายต่อ ส่วนเต๋อและคนอื่น ๆ กลับไปเรียนต่อตามเดิม
.
.
.
.
ระหว่างทางเดินไปห้องเรียน เต๋อเดินสวนกับกลุ่มเกรซ จอย และน้ำหวาน ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ทั้งสามกำลังคุยเล่นหยอกเอินเฮฮา และเสียงหัวเราะก็จางลงเมื่อได้เห็นเต๋อหน้าแดงเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“เจ็บไหมจ๊ะคนเก่ง” จอยล้อเล่น แต่ทุกคนไม่มีปฏิกริยาตอบกลับราวกับเห็นเธอเป็นอากาศธาตุ แม้กระทั่งพวกเดียวกัน
“ทำไม!. . .” เต๋อจ้องน้ำหวานเขม็ง
“เคลียร์กันเองนะ เดี๋ยวจะหาว่าเสือก” เกรซลากจอยออกไปอีกทาง
น้ำหวานหลับตากระแอมเบา ๆ เป็นการตั้งหลักก่อนกล่าววาทะ
“ฉันเองก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเธอหรอกนะเต๋อ”
.
.
.
“แต่. . .เธอคงรู้ว่าอีกไม่นานนักก็จะมีการเลือกจตุรเทพประจำรุ่นเรา”
“พูดตรง ๆ เลยนะ ฉันอยากให้ทุกคนจดจำในฉายาโพแดง ตำแหน่งเดียวที่เปิดโอกาสสำหรับผู้หญิง”
“เพราะฉะนั้น คะแนนนิยมคือสิ่งจำเป็น และเธอก็คงรู้ตัวว่าคนเกือบทั้งห้องเกลียดขี้หน้าเธอ”
เต๋ออึ้ง ไม่คิดว่าแค่ตำแหน่งบ้า ๆ ที่เด็กอุปโลกน์กันเองจะมีอิทธิพลถึงกับต้องแข่งขันห้ำหั่นทำทุกวิถีทาง
“ขอโทษนะที่ใช้เธอเป็นบันไดเหยียบขึ้นไป แต่นี่แค่ก้าวแรกเท่านั้น. . .”
น้ำหวานเดินเข้าประชิดตัวเต๋อ
.
.
.
“ฉันคงต้องขอเหยียบเธอขึ้นไปอีกหลายก้าว”
เธอกระซิบข้างหูเขาอย่างนุ่มเบา แต่สิ่งที่ทับซ้อนอยู่ในน้ำเสียงคือความเหี้ยมเกรียม
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“เต๋อ ลงมาทานข้าวได้แล้วลูก” ทิพย์เคาะประตูเรียก
“ผมไม่กิน!” เธอสลด รู้อยู่แก่ใจว่าเพราะเหตุใด
“ยังไม่หายโกรธแม่เหรอลูก แม่ขอโทษ”
“. . .” ความเงียบที่กั้นขวางระหว่างบานประตูทำให้ต่างฝ่ายต่างเหนื่อยใจ
“ผมเกลียด. . .”
“เต๋อ. . .” ผู้เป็นแม่รู้สึกผิดขึ้นมา
“ผมเกลียดความจน!!”
“ผมเกลียดสารรูปตัวเอง!!”
“ผมเกลียดที่เกิดมามีไม่เท่าคนอื่น!!”
“ผมเกลียดโรงเรียน!! เกลียดเพื่อน!!”
“แต่นั่นยังไม่เท่าวันนี้ที่ได้รู้ว่า! แม่เกลียดผม!”
.
.
.
ทิพย์ทรุดลงตรงพื้นหน้าห้อง
“ที่แม่ตีลูก. . .” เธอพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ
“เพราะไม่อยากเห็นคนอื่นทำร้ายลูก พวกเขาไม่มีสิทธิ์”
“ถ้าต้องเป็นอย่างนั้นแม่ขอลงมือเองดีกว่า”
.
.
.
.
ทิพย์นั่งหลั่งน้ำตาเงียบ ๆ อยู่หน้าประตูห้อง โดยหารู้ไม่ว่า อีกฟากฝั่งกำแพงก็มีคนทำกำลังทำเช่นเธอ
“แม่ครับ ผมขอโทษ”
“แม่ครับ ผมขอโทษ!”
“แม่ครับ ผมขอโทษ!!!!!!!!”
.
.
.
ผมเด้งลุกขึ้นท่ามกลางความมืด เมื่อมองตัวเองในกระจกจึงเห็นว่าเนื้อตัวโชกเหงื่อ เหงื่อเม็ดกาฬผุดทั่วใบหน้า ใจเต้นรัวหอบแฮ่กเหมือนเพิ่งวิ่งรอบสนาม
.
.
ไม่รู้ว่าตัวเองหลับคาโซฟาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ การนอนผิดที่ผิดทางอาจส่งผลให้เสี่ยงต่อการฝันร้ายก็เป็นได้
.
.
.
เหตุการณ์ต่อจากที่ผมฝันค้างไว้ก็คือ หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ใหญ่ในโรงเรียนคนหนึ่งเสนอเงินก้อนจำนวนหนึ่งให้กับแม่แลกกับการขอร้องให้ออกไปขายของที่อื่น เพื่อที่ว่าแม่ของเกรซจะได้สบายใจและมอบเงินบริจาคเต็มเม็ดเต็มหน่วยคืนกลับมาสร้างกำไรภายหลัง
.
.
.
กรอบรูปแม่บนหิ้งหน้าห้องฝุ่นจับเขรอะ ดอกไม้ในแจกันแห้งกรอบจนเหลือง เป็นเวลานานพอสมควรที่ผมวุ่นอยู่กับธุรกิจจนละเลยสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว
.
.
.
คงถึงเวลาที่ผมจะปัดฝุ่นล้างทำความสะอาดกรอบรูปแม่เสียที
.
.
.
.
.
ภายในรถเมล์คันหนึ่งใจกลางเมือง. . .
หลังเลิกเรียน ณัฐยืนโหนรถด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย สำหรับเขา ไม่มีอะไรน่าเบื่อไปกว่าการเสียเวลาเดินทางไปกลับระหว่างโรงเรียนโดยอาศัยระบบขนส่งมวลชนอีกแล้ว ปกติเขาจะใช้บริการแท็กซี่เป็นประจำเนื่องจากไม่ชอบอยู่ที่ที่มีคนพลุกพล่าน แต่วันนี้ยิ่งรอรถแท็กซี่นานเท่าไหร่ก็เหมือนกับนั่งขอพรให้ฝนตกกลางทะเลทราย จึงจำยอมขึ้นรถเมล์แม้ฝืนความรู้สึก
“อย่ามองมาทางนี้สิ” ณัฐคิด เขาไม่ชอบให้คนอื่นมอง ไม่ว่าจะเจตนามองจริง ๆ หรือต่อให้เขาคิดไปเองก็ตาม สำหรับณัฐแล้ว ถือว่าสายตาของคนแปลกหน้าทุกเพศวัย เชื้อชาติ และศาสนาล้วนน่ากลัวไม่ต่างจากนางเมดูซ่าในเทพปกรณัมกรีก ซึ่งหากสบตาเข้าจัง ๆ อาจแข็งทื่อกลายเป็นรูปปั้นหินไปได้
“ตุ๊ดเด็กว่ะ น่ารักดี” เด็กสาวมหาลัยที่กำลังโหนรถคนหนึ่งแซวกับเพื่อน
“ตัวเล็กๆ น่าหยิกดีเนอะ” ผู้เป็นเพื่อนหัวเราะคิกคัก
ความเบียดเสียดบนรถเมล์ทำให้ณัฐอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง ประกอบกับนิสัยที่คิดไปเองว่ามีคนจับตามองตลอดเวลา ทำให้อาการแปลก ๆ เริ่มรุกเร้าจากความคิด ลุกลามไปถึงใบหน้าอันซีดแล้งเหมือนมีอาการขาดน้ำ แขนขาที่สั่นกระตุก และหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ
.
.
.
.
เด็กหนุ่มหน้ามืด ล้มลงตรงนั้นเอง
.
.
.
“ว๊ายยย อะไรอ่ะ!?” เด็กมหาลัยที่เพิ่งแซวเจ้าตัวเมื่อครู่ถอยกรูดด้วยความตกใจที่จู่ ๆ มีคนล้มลง
“เฮ้ย! น้อง! ลุกขึ้นดิ่ เป็นอะไร” กระเป๋ารถเมล์ทำเหมือนกับว่าวิธีปฐมพยาบาลคนเป็นลมเบื้องต้นคือการเรียกให้ลุกขึ้นเอง
เกิดเสียงซุบซิบเบา ๆ แทรกผ่านบรรยากาศในรถ บางคนแกล้งหลับ บางคนหันไปมองนอกหน้าต่าง บางคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอะไรก็ไม่รู้ทำเป็นมีงานด่วน เรียกได้ว่าสิ่งใดรอบตัวที่ช่วยแก้เก้อได้ก็งัดกลยุทธ์ออกมาใช้กันเต็มที่
.
.
.
.
ณัฐมีสภาพเหมือนศพล่องหนที่มีอยู่จริงแต่ไม่มีคนเห็น ไม่มีใครช่วยเขาเลย
.
.
.
.
.
“ถ้าเป็นพี่น้องหรือลูกหลานพวกเธอ จะเฉยแบบนี้ไหม!”
.
.
.
อาซิ้มผมสีดอกเลาโวยวายขึ้นหลังจากสังเกตการณ์อยู่ระยะหนึ่ง เธอลุกขึ้นจากที่นั่ง พยายามทรงตัวบนรถที่กำลังเคลื่อนตัว
.
.
“หยุดเลย! ฉันจะให้เด็กนั่ง!” อาซิ้มหันกลับไปชี้สาววัยทำงานคนหนึ่งที่ฉวยโอกาสกำลังจะนั่งที่ที่เธอเพิ่งลุกขึ้นพอดี หญิงสาวหน้าเสีย แกล้งทำเป็นมีสายเข้าแล้วเดินหลบไปคุยหลังรถ
“เอ้า! ไอ้หนุ่มหล่อ ๆ สองคนนั้นน่ะ ช่วยกันพยุงเด็กหน่อยสิ” เธอชี้ตรงไปยังคู่เพื่อนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สองคน แม้การชี้นิ้วจะผิดมารยาทอยู่บ้างก็ตามแต่ช่วยระบุแรงคนที่ต้องการได้ตรงเผง สองหนุ่มบ้าจี้รีบลุกขึ้นช่วยประคองตัวณัฐไปยังที่นั่งราวกับระลึกได้ว่าชาติที่แล้วอาซิ้มคนนี้เป็นแม่พวกเขามาก่อน
“ใครมียาดมบ้าง นึกว่าให้ลูกให้หลานมันหน่อยเห๊อะ!”
“น. . .หนูมีค่ะ” เด็กสาวมหาลัยที่แซวณัฐเมื่อกี้เพิ่งรู้สึกได้ว่าควรทำอะไร เธอหยิบยาดมออกมาวาดไปมาใต้จมูกณัฐ ดูเหมือนอาซิ้มคนนี้เหมาะกับการทำงานที่ต้องสอนให้คนอื่นคิดเป็นคิดได้
.
.
.
“อือ. . .” ณัฐเริ่มได้สติ
“. . .ขอบคุณครับ” คำพูดแรกคือการขอบคุณเด็กสาวเจ้าของยาดม
“พี่ขอโทษนะ เมื่อกี้ตกใจมาก ไม่รู้จะทำยังไง ไปขอบคุณป้าคนนี้เถอะ เค้าเป็นคนช่วยน้องคนแรกเลย” เด็กสาวโล่งใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีอาการดีขึ้น
“มองลูกคนอื่นเหมือนลูกตัวเอง พี่น้องคนอื่นเหมือนพี่น้องตัวเอง คิดแบบนี้กันเยอะ ๆ พอเราเดือดร้อนคนรอบตัวจะได้ยื่นมือช่วยเหลือ เวลาซวยขึ้นมาอย่าเรียกร้องให้คนอื่นเห็นใจถ้าไม่เคยทำให้เขาก่อน” อาซิ้มบ่นโผงผางเสียงดังตามสไตล์ชาวไทยเชื้อสายจีน อบรมคนบนรถให้ฟรีโดยไม่คิดค่าลงทะเบียนและไม่เกรงกลัวประเมินหลังการสอนจากใครหน้าไหนทั้งนั้น
“เอ่อ. . . ป้าครับ นั่งตรงนี้เถอะครับ” ผู้ชายนั่งเบาะในข้างณัฐ หรือเดิมคือนั่งอยู่ข้างอาซิ้มตัดสินใจลุกขึ้นสละที่นั่ง จะเพราะทนแรงกดดันไม่ไหวหรือฉุกคิดขึ้นได้ก็ตาม แต่ก็ทำให้ณัฐและอาซิ้มได้นั่งเบาะเดียวกันในที่สุด
“ขอบคุณมากนะครับ” ณัฐยกมือไหว้อาซิ้มจอมโฉงฉาง แม้จะไหว้ไม่ค่อยสวยเพราะสภาพอิดโรยแต่ก็เห็นได้ว่าพยายามเต็มที่แล้ว
“ฉันมีหลานชายสองคน อายุไล่เลี่ยกับเธอนี่แหละ เห็นแล้วก็อดนึกถึงไม่ได้” อาซิ้มยิ้มพลางโชว์รูปหลานในกระเป๋าสตางค์
“ขอผมดูชัด ๆ หน่อยได้ไหมครับ” คำขอจากณัฐผ่านราบรื่น อาซิ้มส่งรูปหลานชายให้ณัฐดูด้วยความเต็มใจ
“รอแป๊ปหนึ่งนะครับคุณป้า”
.
.
.
.
ณัฐจ้องมองรูปคนทั้งสองจดจำรูปหน้า จากนั้นจึงหลับตาลง
.
.
.
“คนตาตี่กำลังเตรียมสอบเข้ามหาลัยอยู่ใช่ไหมครับ ติดคณะแพทย์นะครับ เตรียมฟังข่าวดีได้เลย” เขาพูดขึ้น
“ดูหมอเป็นด้วยหรือ” อาซิ้มเบิกตาด้วยความอัศจรรย์ใจ
"ไม่เชิงครับ” ณัฐก้มหน้าเขินอาย
“เธอรู้ได้ยังไงว่าหลานฉันกำลังเตรียมสอบหมอ อดนอนหามรุ่งหามค่ำมานานแล้ว” ใบหน้าอาซิ้มเปี่ยมปิติแม้จะเข้าใจว่าเป็นเพียงโหราศาสตร์ก็ตาม หากเธอได้ทราบว่าความสามารถที่แท้จริงของเด็กคนนี้คืออะไร อาจหัวใจวายไปเลยก็ได้
“ส่วนอีกคนเร็ว ๆ นี้ . . .อืม. . .ดูจากเสื้อผ้าและสนามบิน . . .เอ่อ ไม่มีอะไรครับ. . .ผมคิดว่าเขาน่าจะกลับจากญี่ปุ่น เขาจะเอาลูกพลับมาฝากคุณป้าด้วยล่ะครับ”
“เธอพูดจริง ๆ นะ” อาซิ้มยิ้มอย่างมีความหวัง
“ฉันคิดถึงหลานคนนี้มาก ไปเรียนที่นั่นตั้งแต่เด็กเจ็ดแปดปีได้แล้ว ไม่ค่อยกลับมาไทยเท่าไหร่หรอก”
“ลูกพลับที่เธอว่าน่ะ ของโปรดฉันเลย หลานฉันไม่เคยลืมหรอก กลับทีไรก็หิ้วมาฝากทุกครั้ง” เธอยิ้มแก้มปริ
“ผมแค่. . .พูดตามที่เห็นครับ” เด็กหนุ่มถ่อมตัว
“โอ๊ย! แบบนี้ไม่ธรรมดาแล้ว แม่นกว่าไอ้พวกหลอกลวงชาวบ้านตามทีวีเสียอีก พ่อหนุ่มเอ๊ยมาเอาดีทางนี้เถอะ รวยไม่รู้เรื่องเลยนะ” อาซิ้มกุมมือณัฐและเขย่าด้วยความตื่นเต้น ส่วนเขาได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
“เดี๋ยวผมต้องลงป้ายหน้าแล้วครับ ขอบคุณนะครับ” ณัฐส่งรูปคืนให้และเตรียมตัวลง
“เดี๋ยว ๆ อยากให้ช่วยดูอีกคน” ดูเหมือนว่าอาซิ้มจะติดลมบน เธอหยิบล้วงแผ่นพับใบหนึ่งส่งให้ณัฐ
“ฉันเชียร์ ส.ส. คนนี้อยู่ ดูให้หน่อยว่าดวงเธอเป็นยังไง” ณัฐรับมาดูและใช้พลังให้ตามคำขอ
.
.
.
แผ่นพับนั้นคือสื่อหาเสียงของนักการเมืองหญิงคนหนึ่ง นามว่า “ดารินทร์ หทัยเปรมสุข”
“ต้องขอโทษด้วยครับ ผมคงพูดไม่ได้ มันไม่ดีครับ” เด็กหนุ่มส่งรูปคืนให้
“ทำไมล่ะ ติดไม่ติดก็พูดมาตรง ๆ เลย ฉันไม่ถือ”
ณัฐถอนหายใจยาว
“อีกไม่กี่วัน เธอจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ภาพข่าวที่ออกอากาศอาจจะทำให้คุณป้าใจหาย เผื่อใจไว้หน่อยก็ดีครับ”
.
.
.
“เป็นไปได้เหรอ! คุณดาเธอมีฐานคะแนนสูงจะตาย ทำงานดูแลเด็กผู้หญิงมาตั้งนานแล้ว ใคร ๆ ก็รู้จัก” อาซิ้มถึงกับใจเสีย
.
.
.
“สิ่งที่ใช้เวลาสร้างเป็นแรมปี บางทีก็อาจพังทลายลงเพราะคน ๆ เดียวนะครับ” ณัฐพูดอย่างหน่ายโลก
“ผมต้องลงแล้วล่ะครับ สวัสดีครับคุณป้า”
ณัฐวิ่งต่อแถวคนสุดท้ายที่กำลังจะลงพ้นรถได้ทันพอดิบพอดี ไม่งั้นคงถูกกระเป๋ารถเมล์สาปส่ง
.
.
.
เหลือไว้เพียงปริศนาให้อาซิ้มจิตตกกลับบ้านไปนอนคิดหนักหัวเล่น ๆ
.


เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
27700
พลังน้ำใจ
152696
Zenny
156330
ออนไลน์
26373 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
4175
พลังน้ำใจ
24073
Zenny
18070
ออนไลน์
1715 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2371
พลังน้ำใจ
18630
Zenny
6257
ออนไลน์
1234 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

โพสต์
529
พลังน้ำใจ
6500
Zenny
3769
ออนไลน์
668 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2265
พลังน้ำใจ
15363
Zenny
5829
ออนไลน์
1501 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
41776
พลังน้ำใจ
212152
Zenny
84010
ออนไลน์
15160 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
7942
พลังน้ำใจ
49932
Zenny
2239
ออนไลน์
4240 ชั่วโมง

ประธานนักศึกษา

โพสต์
183
พลังน้ำใจ
3440
Zenny
1149
ออนไลน์
255 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-4-19 18:26 , Processed in 0.107896 second(s), 24 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้