จีโฟกาย.คอม
ชื่อกระทู้: "เมื่อผมเจอพญาครุฑ!!!" copy งานของคุณ MAKI จากบอร์ดPalm-Plaza ครับ ตอนที่ 39 [สั่งพิมพ์]
โดย: kabuki เวลา: 2016-2-26 16:58
ชื่อกระทู้: "เมื่อผมเจอพญาครุฑ!!!" copy งานของคุณ MAKI จากบอร์ดPalm-Plaza ครับ ตอนที่ 39
เมื่อถึงเวลาอาหาร คุณธันวาลงมาจากห้องชั้นบนพวกเราห้าคนกินข้าวกันในห้องอาหาร คุณธันวาคุยกับแม่ของตาน ผมคุยกับคุณอาผู้ชาย
มีเพียงตานเท่านั้นที่กินข้าวเงียบๆไม่ได้สนใจคุยกับใคร
ผมตักกุ้งใส่จานไปให้ หวังว่าตานจะพูดด้วยแต่เขาก็เงียบ
“พรุ่งนี้ก็ไปเยี่ยมป้าของพี่มิทออกไปตอนสายหน่อยก็ได้” คุณอาผู้ชายพูดขึ้นมาตานหันมามองหน้าพ่อของตัวเองแล้วก็ส่ายหน้า
“ตานมีธุระต้องไปหาหลวงตาที่วัด”
“ไปทำอะไรที่วัด?”
“ไปฝึกสมาธิครับ”
“ไปกับปีศาจนั่นน่ะเหรอพ่อไม่ให้ไป”
ตานรวบช้อนช้าๆ ข้าวสวยที่เหลืออยู่กองเล็กๆไม่ได้ถูกสนใจอีก
“เอาไว้ถ้าผมว่างจะไปเองครับ” ตานรวบช้อนแล้วก็เดินออกไปข้างนอก
คุณธันวามองดูตานแล้วก็ยิ้มออกมา “เหมือนลุงไม่มีผิดตอนเด็กก็รั้นเงียบแบบนี้”
ผมรีบกินข้าวในจานให้หมดจากนั้นก็เดินออกไปหาตานที่สนามหญ้า ตานกำลังฉีดน้ำจากสายยางรดต้นไม้สูงที่โผล่พ้นเลยหลังคาบ้าน
“พี่จะถามหลายครั้งก็ลืมทุกทีต้นไม้ต้นนี้พี่ไม่เคยเห็นมาก่อน”ผมพยายามชวนเขาคุย ตานฉีดน้ำฝอยๆ รดต้นอื่นจากนั้นก็เดินไปปิดน้ำ
“คุณเวณวัฒน์ให้เมล็ดมาผมเอามาหย่อนไว้ใต้ดิน มันก็งอกขึ้นมา”
การสนทนาของเราสะดุดลงตอนมีชื่อบุคคลที่สามขึ้นมาเป็นบุคคลที่ผมไม่อยากได้ยินเป็นที่สุด แต่เพื่อรักษาบรรยากาศไม่ให้เสียไปผมก็พยายามเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
“ปิดเทอมนี้ไปเที่ยวยุโรปกับพี่มั้ยอากาศกำลังดีเลย” ผมถือโอกาสชวนตานไปเที่ยว
“จะพาผมไปเจออะไรอีกอุกกาบาตถล่ม ดาวหางชน ยักษ์ขึ้นมาเหยียบ หรืออะไรดี?” ตานหันหลังมาแล้วทำหน้าเฉยชา
“ตาน” ผมพูดแล้วถอนหายใจ“เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องไม่...”
“อย่าโกหกเลยผมจะรู้สึกดีมากกว่า ถ้าคุณไม่พูด”
“พี่ยอมรับว่าต้องการพิสูจน์ให้ตานเห็นว่านายนั่นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเรา”
“คุณกับป้าคุณก็เลยหาเรื่องทำร้ายเขางั้นสิแล้วคุณเวณวัฒน์เคยทำอะไรคุณบ้างมั้ย เขาช่วยทำลายต้นไม้ปีศาจนั่นด้วยซ้ำเขาช่วยคุณเอาไว้ คุณยังคิดทำลายเขาอีก”
“ช่วยก็ส่วนช่วยแต่เรื่องที่เขาทำไม่ดีเอาไว้ก็เป็นอีกเรื่องตานไม่ได้ฟังเรื่องที่คุณธันวาพูดหรือไง เขาขัง....”
“ผมไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้หรอก”
“พี่ทำอะไรก็ดูผิดไปหมด” ผมส่ายหน้าพยายามมองดูต้นไม้ใบหญ้าเพื่อระงับอารมณ์
“คุณทำผิดแต่คิดว่าทำถูกคุณกำลังทำลายความรู้สึกดีๆที่ผมมีให้ รู้มั้ย”
“ถ้าตานคิดว่าสิ่งที่พี่ทำมันทำร้ายตานอยู่พี่ก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงอีก แต่พี่อยากให้รู้ไว้ พี่หวังดีกับตานเสมอไม่ได้คิดร้ายเลย”
“ถ้าอย่างนั้นผมอยากขอร้องให้คุณหยุดหวังดีกับผมแล้วก็เลิกยุ่งกับผมซะที จะให้ผมกราบก็ได้”
ตานนั่งลงกับพื้นแล้วพยายามก้มลงกราบที่เท้าผม
“ตาน!” ผมขยับเท้าออกมาแล้วดึงเขาลุกขึ้นยืน“อย่าทำให้พี่รู้สึกแย่กว่านี้เลยแค่ตานเห็นพี่เป็นอากาศ พี่ก็เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว”
เรารู้สึกดีใจที่ธันวายังไม่ตายการสิ้นชีวิตของธันวา หมายถึงการสิ้นสุดของการกลับไปสู่ชีวิตมนุษย์ของเราเราอยากตายแล้วเกิดมาเป็นมนุษย์อีก
ไม่อยากเป็นอสูรงูน่าเกลียดน่ากลัวดังที่แล้วมา
เหตุการณ์หลังธันวาหมดสติไปท่านครุฑได้คลุมร่างธันวาไว้ด้วยมนต์ แล้วท่านก็ทำลายต้นไม้ปีศาจท่านช่วยให้ผู้ชายคนนั้นกลับออกไปสู่ป่าภายนอกถ้ำได้
ไม่น่าเชื่อเลยว่าท่านครุฑกับธันวาจะมาเจอเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ได้ แม้ท่านภุชงค์จะเคยพูดไว้แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างนี้
นี่อาจจะเป็นเคราะห์กรรมของทั้งสองคนก็เป็นได้อย่างไรก็ตาม การมีชีวิตอยู่ของธันวา ถือว่ามีความสำคัญต่อเราเป็นอย่างมากท่านภุชงค์เองก็ทราบดี
จึงส่งเรามาช่วยธันวาด้วยแล้วหลังจากเราถูกผีดิบฟันร่างงูจนพินาศ ท่านก็กักวิญญาณเราไว้ไม่ให้ล่องลอยท่านใส่เราไว้ในฟองใสที่มีความเหนียว
เรามีดวงตากลิ้งไปมาในฟองใสแลดูเป็นตัวประหลาดมากกว่าอสูรงูเสียอีก
ท่านภุชงค์พาจิตของธันวามาที่วังบาดาลเราได้พูดคุยกับธันวาเพียงครู่เดียว ท่านภุชงค์ก็ผลักเราไหลไปตามกระแสน้ำทะเลเราล่องลอยไปเจอสัตว์ทะเลต่างๆในทะเลอยู่นานครึ่งวันก็ลอยกลับเข้ามา
ธันวาหายไปแล้วเหลือเพียงท่านภุชงค์ที่นั่งมองดูแอ่งน้ำใสอยู่
เราแอบมองดูด้วยในนั้นมีภาพหญิงชราหน้าตาน่ากลัวอยู่ด้วย
“ข้ามีงานให้เจ้าทำอสูรงู” เสียงท่านภุชงค์ดังขึ้นมาเราพยายามขยับฟองใสนั้นให้เข้าไปใกล้กับท่านภุชงค์ให้มากที่สุด
“มีอะไรให้ข้ารับใช้?”
“ข้าจะให้เจ้าไปทำงานบนโลกมนุษย์”
“จะไปได้อย่างไรมีแค่ลูกตาดิ้นไปมา?”
“ข้าจะเนรมิตร่างให้เจ้าใช้”
ท่านภุชงค์ดีดนิ้ว ฟองใสแตกออกน้ำล้นทะลักเข้ามาจนเราสำลัก ไม่นานร่างเราก็กลายเป็นงูสีดำน่าเกลียด
“ไม่เอาข้าไม่เอาร่างงูดิน มันน่ารังเกียจ”เราพยายามส่งเสียง แต่ไม่มีอะไรเล็ดลอดออกไปได้
“สันดานอย่างเจ้าให้เป็นงูดินก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“ไปในร่างนี้ก็ถูกคนเหยียบถูกนกจิก จะไปทำอะไรได้ล่ะท่าน”
ท่านภุชงค์หยุดคิดตอนเราพูดว่านกจิกท่านเนรมิตร่างใหม่ คราวนี้เป็นคางคกหนังปุ่ม
“ร่างอัปลักษณ์แบบนี้ข้าไม่ยอม รูปร่างก็น่าเกลียด ไปไหนก็ช้า”
ท่านภุชงค์ดีดนิ้วครั้งที่สามเรากลายร่างเป็นแมงป่อง
“ขอเป็นร่างมนุษย์ไม่ได้หรือท่านข้าคิดถึงร่างมนุษย์เหลือเกิน”เราอ้อนวอน หวังว่าท่านนาคจะเห็นใจ
“สันดานร่านโลกีย์เช่นเจ้าถ้าข้าให้ร่างมนุษย์ เจ้าคงไปเสพสมอยู่กับผู้ชายจนลืมงาน”
“ข้าจะช่วยท่านทำงานให้สำเร็จโปรดให้ร่างมนุษย์กับข้าเถอะนะท่าน ข้ารับรองว่าจะตั้งใจทำงาน”
ท่านภุชงค์หยุดคิด แล้วก็ดีดนิ้วอีกครั้งเรากลายร่างเป็นงูเขียว ท่านเนรมิตลูกแก้วสีขาวมุกขึ้นมา จากนั้นก็โยนมาให้เรา
“ลูกแก้วนี้ให้เจ้าอมไว้ในปากตลอดเวลา เมื่อจะนอนค่อยคายออก เวลาเจ้าอมมันไว้ร่างจะเป็นมนุษย์ เวลาคายจะกลายเป็นงูเขียว”
เรารีบตะครุบลูกแก้วนั้นทันทีมันใหญ่กว่าปากเรา กว่าจะอ้าปากครอบลงไปก็ต้องใช้เวลานาน
ร่างมนุษย์ผู้ชายกลับคืนมาอีกครั้งแม้จะเป็นเพียงเวลาที่มีลูกแก้ว ก็ทำให้เรากลับมาเหมือนเดิมเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์
“ร่างมนุษย์อยู่ได้เพียงสามวันเท่านั้นอย่าหลงเพลินอยู่บนโลกนานเกินกว่านั้น ข้าไม่มีเวลาไปตามหาวิญญานเร่ร่อนของเจ้า”
“รับทราบ”
เราโค้งคำนับท่านภุชงค์แล้วรอคำสั่ง
“ไปสังเกตการณ์ดูบ้านของหญิงผู้นี้แล้วก็คอยดูธันวาเอาไว้” ท่านภุชงค์สั่ง
“ข้าต้องช่วยท่านครุฑคลี่คลายปัญหาด้วยถูกต้องหรือไม่?”
“หยุดสิ่งที่เจ้าคิด!” ท่านภุชงค์ลุกขึ้นมาชี้หน้าเรา
“ถ้าทำให้ท่านครุฑกับธันวาผ่านอุปสรรคไปได้ธันวาก็จะระลึกชาติได้เร็วขึ้น ข้าก็จะหลุดพ้นสภาพนี้ไม่ใช่หรือ?”
“ข้าให้เจ้าไปทำงานให้ข้าไม่ใช่ให้เจ้าไปทำเพื่อตัวเอง”
“แล้วข้าจะได้อะไรตอบแทนช่วยท่านแต่ตัวข้ายังต้องเป็นงูตลอด ข้าจะทำไปเพื่ออะไร”
“เมื่อเจ้าเป็นอสูรงูเจ้าก็คือบริวารของข้า เอาไว้เจ้าเป็นอสูรปักษาเมื่อไหร่ เจ้าค่อยไปช่วยครุฑ” ท่านภุชงค์ทำหน้าเอือมระอาเรา
“ที่แท้ก็จะหาโอกาสสอดแทรกระหว่างท่านครุฑกับธันวา” เราบ่นออกมาท่านภุชงค์ดีดนิ้วอีกครั้ง คราวนี้เรารู้สึกว่าที่หน้ามีบางอย่างผุดขึ้นมา
เรารีบชะโงกมองดูตัวเองในน้ำเกล็ดสีเขียวของงูเกิดขึ้นหลายจุด ดูมันช่างน่ารังเกียจสิ้นดี
“ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าหาทางช่วยครุฑข้าจะเรียกร่างคืน แล้วก็ปล่อยวิญญานเจ้าให้ล่องลอยไป”
เราเรียกน้ำตาออกมาแก้ไขสถานการณ์ เราสะอื้นไห้แกล้งบีบน้ำตาออกมาเรียกความสงสาร
“ท่านนาคผู้มีฤทธิ์ข้าเป็นอสูรต่ำต้อย ไม่กล้าโอหังกับท่านอีกแล้ว”
พบกันใหม่ตอนหน้าครับ
อย่าทำให้พี่รู้สึกแย่กว่านี้เลย แค่ตานเห็นพี่เป็นอากาศพี่ก็เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว”
เสียงพี่มิทดูอ่อนลง บรรยากาศดูเงียบงันเสียงหยดน้ำจากปลายใบไม้หยดลงเบาๆ ที่พื้นหญ้า แต่กลับได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
“ผมจะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายผมอยู่ข้างคุณเวณวัฒน์ ใครทำอันตรายเขาหรือทำให้เราสองคนแยกกัน ผมจะถือว่าคนๆนั้นยืนอยู่ตรงข้าม”
ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นเมื่อเดินผ่านวงสนทนากลางบ้านก็เลยไปโดยไม่ได้หยุดสนใจส่วนพี่มิทก็เดินตามมาแล้วเข้าไปนั่งใกล้ๆกับพ่อ
ผมเดินขึ้นไปอาบน้ำในห้องพยายามจับดูลูกบิดว่ามันร้อนขึ้นมาหรือเปล่า แต่ไม่เลย ทุกอย่างสงบนิ่ง
ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วโทรไปหาเขาเสียงคุ้นเคยดังตอบกลับมาแทบจะในทันที
“คุณทำอะไรอยู่?” ผมถาม
“กำลังคิด”
“คิดอะไร?”
“คิดว่าธันวามาจากไหน?”
“เขาเป็นตัวปลอม” ผมยืนยันเพื่อให้เขารู้ว่าผมไม่เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น
“ผมรู้ว่าไม่ใช่ธันวาธันวาตายไปแล้ว ผมเป็นคนอุ้มเขาขึ้นไปเผาเองกับมือร่างมนุษย์ของธันวาไม่เหลืออยู่อีกแล้ว ทั้งเลือดเนื้อและกระดูก
จิตวิญญาณเท่านั้น ที่ธันวายังอยู่กับคุณ”
“นั่นสินะแล้วธันวาคนนี้มาจากไหน คุณมองออกมั้ยว่าเขาคือใคร?” ผมถาม
“เขาคือคนจริงๆเป็นคนที่มีเลือดเนื้อและชีวิต มีความรู้สึกนึกคิดและความทรงจำเขารู้เรื่องทั้งหมดของธันวา”คุณเวณวัฒน์พูดเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่
“เขาอาจจะท่องมาก็ได้” ผมให้ความเห็น
“ไม่ใช่เขารู้มากกว่าคนปกติจะรู้ได้ เรื่องบางอย่างมีแค่ผมกับธันวาที่รู้”
“คุณจะบอกว่าเขาคือธันวาตัวจริงงั้นเหรอ?” ผมชักไม่แน่ใจเรื่องที่เกิดขึ้น
ไม่ทันที่คุณเวณวัฒน์จะตอบเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมบอกเขาให้วางสายแล้วก็เดินไปเปิดประตู
พี่มิทยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ส่วนสูงของเขาไม่ห่างจากขอบบนของประตูห้องมากนัก
พี่มิทเดินเข้ามาพร้อมๆกับเจ้าเงินที่ถือโอกาสเดินเข้ามาในห้องด้วย
“แมวของตานแสนรู้จริงดูมันรักตานมากนะ”
เจ้าเงินหามุมหย่อนตัวมันถูกสอนไม่ให้ขึ้นมานอนบนเตียง ส่วนใหญ่มันจะมุดเข้าไปพักผ่อนใต้โต๊ะเขียนหนังสือของผมพี่มิทมองดูเจ้าเงินแล้วก็หันมาชวนผมคุย
“เห็นว่าตานไปฝึกทำสมาธิที่วัดไว้พรุ่งนี้พี่จะไปส่งดีมั้ย?”
ผมนั่งรอจนผมแห้งสนิทจากนั้นก็หาผ้าห่มมาให้พี่มิทอีกผืน
“ผมนัดกับคุณเวณวัฒน์ไว้”
“ก็ไม่เป็นไรนี่ครับให้พี่ไปอีกคน ต่างคนต่างฝึก ไม่ได้รบกวนกัน” พี่มิทตอบ ผมมาคิดแล้วก็เห็นดีด้วยการที่มีพี่มิทไป เท่ากับว่า ผมสามารถไปที่วัดเพื่อทำสมาธิได้ตามปกติโดยที่พ่อไม่ห้าม
“ก็ตามใจถ้าคุณมีความสุขกับการทำตามคำสั่งของพ่อ”
“เปล่าครับพี่อาสาไปเอง พ่อของตานไม่ได้สั่ง”
ผมพยักหน้าแล้วก็เดินไปหยุดอยู่ตรงสวิตช์ไฟผมมองดูพี่มิทก่อนจะถามขึ้นมาว่า
“ถ้ายังไม่ง่วงจะหาอะไรทำก่อนก็ได้นะ ข้างล่างมีเกม ข้างบนนี้มีหนังสือ คุณก็เลือกเอาเองละกัน”
“พี่ง่วงแล้วครับ” พี่มิทยิ้มแล้วก็รับคำง่ายๆ
ผมปิดไฟแล้วเดินอ้อมเตียงเข้ามานอนหน้าหันออกไปมองต้นไม้สูงที่คุณเวณวัฒน์ให้มาปลูกฝั่งที่นอนด้านพี่มิทเงียบไปซักพัก ก่อนจะดังขึ้นมา
“เวลาตานโกรธพี่ตานจะเรียกพี่ว่าคุณทุกทีเลย”
ผมนอนตะแคงข้าง ไม่อยากพูดอะไรต่ออีกแล้วเรื่องข้างหน้ายังมีอะไรให้ต้องคิดอีกมาก
.
.
ผมเห็นห้องกว้างๆ บนเตียงมีคนสองคนคนข้างล่างถูกแหวกขาออก คนข้างบนกำลังโยกตัวขึ้นลงอย่างรุนแรงเสียงครางต่ำผสมกับเสียงครางถี่ๆ
ผมรีบหาทางออกมาจากห้องก่อนที่เขาสองคนจะรู้ตัวช่วงที่ผมเดินผ่านเตียงของทั้งคู่ชายที่ผมคุ้นเคยเสียงได้หันมาเหมือนรู้ว่าผมเดินอยู่
แต่ไม่เลยเขามองไม่เห็นผมแล้วก็หันไปบรรเลงเกมรักต่ออย่างดุเดือด
“คุณเวณวัฒน์?” ผมร้องเรียกอยู่ในใจ
จังหวะสุดท้ายของการร่วมเพศจบลง ผมแทบจะแทรกตัวออกไปจากห้องให้เร็วที่สุดแต่ผมหาทางออกไม่เจอ เสียงคุยกันของสองคนดังเข้ามาเหมือนผมไปนั่งอยู่ด้วยใกล้ๆ
“คุณหายไปไหนมาผมอยู่คนเดียว เหงาจะตาย”เสียงมาจากคนที่นอนข้างๆตอนที่คุณเวณวัฒน์หันหลังลงมานอน ผมเห็นคุณธันวาอยู่ข้างๆ
คุณเวณวัฒน์ไม่ได้ตอบ เขาหลับตานิ่งอยู่บนเตียงมีเพียงคนข้างๆเท่านั้นที่ยังคงพูดต่อเนื่อง
“ผมกลัวว่าวันหนึ่งคุณจะเบื่อผมขึ้นมา ผมพยายามทำตัวไม่ให้คุณเบื่อ พยายามเอาใจคุณทุกอย่าง” เสียงเศร้าๆออกมาจากปากคุณธันวา
“คุณไม่ได้ทำผิดอะไร” คุณเวณวัฒน์พูดตอบกลับมาตอนนี้เขายังหลับตานิ่ง ผมเป็นเหมือนบุคคลที่สามในเหตุการณ์
“คุณออกไปหาคนใหม่ใช่มั้ย?” คุณธันวาถามผมรู้ว่าคุณเวณวัฒน์ไม่พูดโกหก เว้นแต่ว่า เขาจะพูดหรือไม่เท่านั้นเอง
คุณเวณวัฒน์พยักหน้าช้าๆเป็นการตอบคำถามผมเห็นคุณธันวาร้องไห้ออกมา
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ทำไม... ทำไมคุณถึงต้องไปหาคนอื่นด้วย”
“สภาพคุณไม่เหมือนก่อนแล้วผมไม่อาจหลอกตัวเองว่ากำลังร่วมรักอยู่กับธันวาคนเดิมได้”
เสียงร้องไห้ดังขึ้นอีกคุณธันวาน้ำตาไหลลงมาถึงคาง
“คุณไปหาใคร?”
“หลานชายของคุณ”
“น้องสาวผมมีลูกชายเหรอ?”
คุณเวณวัฒน์พยักหน้าอีกครั้ง คุณธันวาเอามือเช็ดน้ำตาออกแล้วพยายามตั้งสติเขากอดแขนของคุณเวณวัฒน์แล้วแนบหัวลงไป
“คุณมีเขาก็ได้แต่อย่าทิ้งผมไปไหน ผมรักคุณ รักคนเดียว”
“ผมไม่ชอบโกหกตัวเองผมคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะมาหาคุณอีก”
คำพูดของคุณเวณวัฒน์ดูเรียบเฉยแต่ดูจะเป็นอาวุธทิ่มแทงใจคนข้างๆมากคุณธันวาดูเจ็บปวดจนร้องไห้ไม่ออก ดูเขาทรมานตอนฟังคำที่ออกมาจากปากของอีกคน
“ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณผมเหลือตัวคนเดียว ญาติพี่น้องก็ไม่มีแล้ว ไม่มีใครจำผมได้ คุณก็รู้”
“ผมจะให้เงินคุณเก็บไว้มันมีมากมายจนคุณใช้ไม่หมด”
ผมรู้สึกผิดหวัง คุณเวณวัฒน์ที่ผมคุ้นเคยนั้นแท้จริงแล้ว ไม้ได้แสนดีอย่างที่ผมรู้จัก คุณธันวาพยายามรั้งเขาเอาไว้แต่คุณเวณวัฒน์สะบัดตัวออก เขาหาผ้าขนหนูพันท่อนล่างแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
การสนทนายังคงต่อเนื่องคุณธันวาพยายามเต็มที่ที่จะประคองความสัมพันธ์เอาไว้
“เมื่อก่อนเราตัวติดกันผมมีคุณ คุณมีผม แต่ตอนนี้ผมอายุเลยสี่สิบ คุณก็เปลี่ยนไป จากที่นอนกับผมทุกคืนคุณหายไปบ่อยขึ้น
จากสองคืนเป็นสี่เป็นห้าคืน เป็นสัปดาห์เป็นเดือน สามเดือน ผมพยายามคิดว่าคุณไปธุระ แม้ใจจะรู้ว่าคุณไปนอนกับคนอื่น
ตอนนี้คุณจะทำกับหลานชายของผมเหมือนทำกับผมผมไม่มีทางยอม”
ไร้เสียงตอบกลับจากคุณเวณวัฒน์มีเพียงเสียงน้ำจากฝักบัวเท่านั้น ผมมองคุณธันวาแล้วพลอยรู้สึกเห็นใจเขาไปด้วย
ถ้าผมอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาผมคงทำไม่ได้แบบนี้ผมรู้ว่าเขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรั้งคุณเวณวัฒน์เอาไว้
แต่เมื่ออีกฝ่ายหมดใจแล้ว จะใช้อะไรรั้งไว้มันก็ไม่มีทางสำเร็จ
คุณเวณวัฒน์พันผ้าขนหนูออกมาเขายังคงมองไม่เห็นผม สายตาเมินเฉยของเขามองผ่านคุณธันวาไปเขาเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมา จากนั้นก็เดินผ่านไปอีกห้อง
เสียงแกรกๆยาวมาจากประตู ผมหันหลังกลับแสงจ้าสว่างตาเกิดขึ้น ผมหรี่ตาไปมอง
ในห้องมืดมิด มีเพียงช่องประตูเท่านั้นที่มีแสงสว่างลอดเข้ามาผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งกำลังเปิดประตู ใกล้เท้าของเขามีสัตว์สี่ขากำลังเดินออกไป
“ขอโทษทีแมวของตานมันร้องแล้วก็เกาประตูพี่ว่ามันคงอยากออกไปข้างนอกเลยลุกขึ้นมาเปิดประตูให้มัน”
ผมลืมไปสนิทว่า เจ้าเงินนอนอยู่ด้วยในห้องปกติมันจะออกไปล่าเหยื่อตอนกลางคืน
“กี่โมงแล้วครับ?” ผมถามพี่มิท
“ตีสี่ครับ” พี่มิทตอบเขาปิดประตูห้องแล้วเข้ามานั่งที่มุมเตียง
“พี่มิทนอนต่อนะครับเดี๋ยวผมไปทำกับข้าวใส่บาตรข้างล่าง”
“เดี๋ยวพี่ไปช่วยครับขอล้างหน้าแปรงฟันก่อน”
“ไม่ต้องหรอกครับพี่มิทเป็นแขก นอนจนถึงเจ็ดโมงแล้วผมจะเข้ามาปลุก”
“พี่นอนพอแล้วนอนต่อก็ไม่หลับ ลงไปช่วยตานดีกว่า ขอพี่ทำบุญบ้างนะครับ ทำบาปมามาก พี่กลัวตกนรก”
ผมไม่มีข้อโต้แย้ง เมื่อไฟในห้องสว่างขึ้นมาผมก็เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน
ดูเหมือนเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ตานกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้ผมเชื่อว่านายเวณวัฒน์ใช้มนต์หรืออะไรบางอย่างมาครอบงำตานเอาไว้
ผมยังจำได้ไม่ลืมในช่วงพลบค่ำของการออกค่ายในต่างจังหวัด นายเวณวัฒน์นัดแนะตานออกไปที่ป่าช้าผมคิดว่าเขาใช้พลังงานบางอย่างที่เหนือธรรมชาติมาบังคับจิตใต้สำนึกของตาน
ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาดูตานข้างล่างจะว่าไปแล้ว ท่าทางเขาดูปกติดี ยกเว้นความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดีเท่านั้นตอนนี้ตานเชื่อนายเวณวัฒน์จนไม่เป็นตัวของตัวเอง
ผมต้องหาทางแก้อำนาจนั้นให้ได้ ป้าของผมบอกว่านายเวณวัฒน์เป็นครุฑ ไม่มีทางไหนที่จะฆ่าเขาได้ และโอกาสสุดท้ายที่เราพลาดไปก็คือ
การที่ปล่อยให้เขารอดจากต้นไม้ปีศาจตอนนี้เหลือทางเดียวเท่านั้นที่จะแยกเขาออกจากตาน ทางนั้นคือทำลายความเชื่อมั่นของตานลง
“ฝันร้ายเหรอครับ?” ผมลากเก้าอี้ในห้องครัวออกมาเมื่อลงนั่งก็มองดูตานกำลังจัดการของบนโต๊ะ ตานค้างมีดบนเขียงตามองออกไปที่หน้าต่าง
ดูเขามีเรื่องในใจจากความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นตานส่ายหัวแล้วกลับไปสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“ไปฝึกสมาธิที่วัดก็ดีเหมือนกันนะครับเราจะได้มีเวลาคิดอะไรมากขึ้น”ผมชวนคุย
ตานไม่ได้ตอบ ดูเขากำลังเรียบเรียงความคิดอยู่
เวลาล่วงมาจนถึงช่วงสายผมกับตานมาที่บ้านของป้า บ้านทั้งหลังดูเงียบสนิทไม่มีเสียงคนผมผลักประตูไม้เข้าไปในบ้าน ตานเดินตามมาข้างหลัง
ผมเรียกแม่บ้านอยู่หลายครั้งไม่มีเสียงคนตอบรับ ก่อนที่เราจะก้าวเท้าเข้าไปด้านในเสียงคุณป้าดังมาจากหลังม่านปักสีทอง เสียงฝีเท้าด้านหลังม่านปักนั้นดูแปลกไป
เสียงแหบพร่าดังออกมาเบาๆ
“มิท”
“ครับ?”
“ป้าไม่ค่อยสบายวันนี้มิทพาน้องกลับไปก่อน เอาไว้ป้าหายแล้ว ค่อยมากันใหม่”
“ป้าเป็นอะไรไปครับมิทพาไปหาหมอดีกว่า” เราสองคนคุยกันอยู่คนละด้านของม่านปักรูปสัตว์หิมพานต์ผมรู้สึกถึงความวิตกกังวลผ่านเสียงของป้าได้อย่างชัดเจน
“ไม่ต้องป้ารักษาตัวเองได้ มิทกลับไปก่อน”
“แต่ว่า...” ผมรู้สึกเป็นห่วงป้าวันนี้ป้าดูแปลกไปจริงๆ
“ไปเถอะป้าว่าจะเข้าไปนอนพัก”
“ครับแล้วตอนเย็นมิทจะมาหาใหม่นะครับ ถ้าป้าไม่สบายมากก็โทรหามิทนะครับ มิทจะรีบมา”
ป้าผมรับคำ เสียงฝีเท้าเหมือนคนย่องเดินเข้าไปด้านในของห้องพัก
ตอนขับรถออกมา ตานถามถึงป้าผมก็ไม่รู้จะตอบว่าป้าของผมเป็นอะไรกันแน่
“อาจจะเหนื่อยแต่พี่ก็ไม่แน่ใจ วันก่อนป้าก็ยังดีๆอยู่”
เราสองคนเข้าไปถึงวัดช่วงเที่ยงเป็นช่วงเวลาที่พระฉันเพลพอดี ตานถวายอาหารแล้วก็ออกมาหาที่นั่งตอนนั้นสายตาผมเหลือบไปเจอนายเวณวัฒน์กับคุณธันวาเข้าพอดี
“อ้าวตานทำไมไม่บอกลุงว่าจะมา ลุงจะได้ติดรถมาด้วย” คุณธันวาทักตานตอนเจอกันตานมองดูลุงตัวเองยืนอยู่ใกล้ๆกับนายเวณวัฒน์
“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่?” ตานถามกลับ
“ก็มีคนนัดลุงมานะสิ” คุณธันวายิ้มแล้วหันไปมองดูคนข้างๆตานหันมองด้วยเช่นกัน คนต้นเรื่องยังยืนนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมนึกเกลียดขี้หน้าคนเหยียบเรือสองแคมจริงๆตกลงเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ คนเก่าก็เก็บไว้แล้วยังมาคิดเอาคนใหม่อีก
“คุณนัดเขามาเหรอครับ?” ตานถามนายเวณวัฒน์ซึ่งพยักหน้ากลับมาแทนคำตอบ
เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นตานถอนหายใจก่อนจะหาที่นั่งทำสมาธิ
ผมเลือกที่นั่งได้ใกล้ๆตานส่วนคุณธันวาเข้าไปนั่งใกล้ๆนายเวณวัฒน์
หลวงตาแก่ๆ เดินถือไม้ยาวเข้ามาด้วยตานหลับตาทำสมาธิไปแล้ว ผมก็นั่งหลับตาอยู่ข้างๆ ไม่ได้ตั้งใจจะทำสมาธิอะไรวันนี้เพียงแค่มาทำหน้าที่ดูแลตานเท่านั้น
ผมลืมตาขึ้นมาเหลือบมองตาน ทันใดนั้นไม้แข็งๆก็ฟาดเข้าที่กลางหัวผมเบาๆ ผมหันไปมองดูหลวงตาทันทีผมไม่ชอบใจที่อยู่ๆหลวงตาก็ฟาดไม้ลงมา
ตานมีเหงื่อเต็มหน้า ตาค่อยๆลืมขึ้นเช่นกัน
หลวงตาไม่ได้ฟาดตาน แต่พูดขึ้นมาเบาๆว่า
“ใจเป็นทุกข์ใจเป็นกังวล จิตก็วนเวียนคิดแต่เรื่องที่มันทำให้เกิดทุกข์แบบนี้นั่งสมาธิไปก็ไม่เกิดประโยชน์”
ตานพยักหน้ายอมรับผมเห็นเขาลุกขึ้นยืนก็ลุกขึ้นตาม แต่ถูกหลวงตายกไม้มาห้าม
“โยมนั่งทำสมาธิต่อไปอย่าหลับตาอย่างเดียว ส่วนโยมไปล้างหน้าแล้วเดินจงกลมใต้ต้นไม้นู้น”
หลวงตาสั่งพูดกับผมแล้วก็เลยไปสั่งตานผมจำเป็นต้องทำตามที่พระบอก ไม่อยากแสดงอาการอะไรออกมาตอนที่ตานอยู่ด้วย
ตานเดินช้าๆไปทางห้องน้ำกลับมาอีกทีก็เดินวนเป็นวงอยู่ใต้ต้นไม้ ผมถูกฟาดด้วยไม้อีกรอบจำเป็นต้องหลับตาลงอีกครั้ง
เวลาล่วงเลยมาจนถึงบ่ายแก่ๆตานกลับมานั่งทำสมาธิได้นานพอสมควรแล้วฝั่งนายเวณวัฒน์กับคุณธันวาก็นั่งกันอย่างสงบนิ่ง
หลวงตาเคาะไม้ที่กลางหลังทุกคนให้ออกจากสมาธิ
“คนหนึ่งฟุ้งซ่านจิตเป็นกังวล ทำสมาธิไปก็ไม่ได้ผล คนสองแค่มานั่งหลับตา ไม่ได้เข้าหาความสงบทำสมาธิไปก็ไม่ได้ผล”
หลวงตาหันมาทางผมกับตานเหมือนต้องการเน้นย้ำคำที่พูด
โดย: Whitefox เวลา: 2016-2-27 01:43
ขอบคุณครับ
โดย: pander เวลา: 2016-2-27 04:55
สนุกมาก
ขอบคุณมากครับ
โดย: topto เวลา: 2016-2-27 07:20
ต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
โดย: kangped เวลา: 2016-2-27 19:11
ขอบคุณครับ
โดย: kangped เวลา: 2016-2-27 19:11
ขอบคุณครับ
โดย: basatthaphong เวลา: 2016-2-28 11:25
ขอบคุณครับ
โดย: ninepass เวลา: 2016-2-28 11:57
ขอบคุณมากครับ
โดย: otheraom เวลา: 2016-2-28 14:15
ขอบคุณครับ
โดย: poui เวลา: 2016-2-29 19:54
ขอบคุณครับ
โดย: mooman เวลา: 2016-3-12 02:54
ขอบคุณครับ
โดย: Poi131 เวลา: 2016-3-21 11:03
ขอบคุณครับ
โดย: Mankhakhate เวลา: 2016-7-24 10:53
งงสุดๆ
โดย: krittamm เวลา: 2016-8-4 22:56
ขอบคุณครับ
โดย: takeshi เวลา: 2016-11-15 21:27
ขอบคุณครับผม
โดย: acolyte เวลา: 2017-7-16 17:28
ขอบคุณมากๆครับ
โดย: Mrgan เวลา: 2017-12-16 21:02
ขอบคุณครับ
โดย: nuangnut1996 เวลา: 2018-11-14 01:32
ขอบคุณครับ
โดย: nuangnut1996 เวลา: 2018-11-14 01:32
ขอบคุณครับ
โดย: sextion เวลา: 2019-10-11 22:59
อะไรคือความจริงกันแน่
โดย: pearl9845 เวลา: 2020-8-31 12:28
ขอบคุณนะครับ
โดย: HyunjooKim เวลา: 2022-3-31 03:09
ขอบคุณมากครับ
ยินดีต้อนรับสู่ จีโฟกาย.คอม (http://www.g4guys.com/) |
Powered by Discuz! X3.1 |