จีโฟกาย.คอม

ชื่อกระทู้: 10 อันดับงานวิจัยใต้สะดือแห่งปี 2011 [สั่งพิมพ์]

โดย: woon_myuk    เวลา: 2012-7-8 14:17
ชื่อกระทู้: 10 อันดับงานวิจัยใต้สะดือแห่งปี 2011
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย woon_myuk เมื่อ 2012-7-8 14:38

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย woon_myuk เมื่อ 2012-7-8 14:18

เว็บไซต์ข่าววิทยาศาสตร์ชั้นนำของสหรัฐฯ จัดอันดับ 10 งานวิจัยใต้สะดือยอดเยี่ยมของปี 2011 มีทั้งเรื่องเซ็กส์ทอยที่ชาวสหรัฐฯ โปรดปราน ปลาหมึกที่มีเพศสัมพันธ์พิสดาร และใครจะรู้ล่ะว่าการนั่งสมาธิเพิ่มความสุขทางเพศรสได้บางครั้งวิทยาศาสตร์ก็ลงไปแตะเรื่องใต้สะดือแล้วก้ได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจออกมา ปีที่ผ่านมาก็เช่นกัน เมื่อมีนักวิจัยลงไปสำรวจเรื่องชวนให้ขวยเขินจำพวก การถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไป, เซ็กส์ทอย, และการมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ ทั้ง 10 เรื่องต่อไปนี้ถูก Livescience จัดให้เป็น 10 อันดับงานวิจัยใต้สะดือประจำปี 2011

10. คนมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ส่งผลให้มะเร็งองคชาติ

นักวิจัยได้เผยแพร่ผลงานในวารสารเวชศาสตร์ทางเพศ (Sexual Medicine) ในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาเปิดเผยว่า จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างชาย 492 คนในแถบชนบทของบราซิล พวกเขาพบว่ามีถึงร้อยละ 35 ของกลุ่มตัวอย่างที่บอกว่าตนมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ครั้งหนึ่งในชีวิต และนักวิจัยก็พบว่าคนที่ป่วยเป็นมะเร็งองคชาติมักจะเป็นคนเดียวกับที่มีเพศสัมพันธุ์กับสัตว์ พวกเขาตั้งสมมุติฐานว่าการบาดเจ็บขององคชาติและสารคัดหลั่งในสัตว์สปีชี่ส์อื่นอาจเป็นตัวทำให้เกิดเชื้อโรคที่เป็นเหตุของมะเร็ง เช่นเดียวกับ papillomo ไวรัสของคน


9. แบคทีเรียชวนแหวะบนโต๊ะกาแฟ

นักวิจัยด้านจุลชีววิทยาบอกว่า ห้องพักของชายหนุ่มโสดจะมีแบคทีเรียมากกว่าห้องพักของสาวโสด 15 เท่า และแบคทีเรียบางชนิดที่พบก็เป็นแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่อยู่ในอุจจาระขณะที่ในห้องของสาวโสดก็พบแบคทีเรียนี้เช่นกัน เพียงแค่มีความหนาแน่นน้อยกว่าที่พักของชายโสดเท่านั้นเอง จุดสำคัญอื่นๆ ที่พบโคลิฟอร์มแบททีเรียพวกนี้ได้แก่ รีโมทโทรทัศน์, โต๊ะข้างเตียงนอน และลูกบิดประตู


8. ปลาหมึกน้ำลึกปล่อยสเปิร์มแล้วชิ่ง

นักวิจัยรายงานในวารสาร Biology Letters ว่าเมื่อปลาหมึก Octopoteuthis deletron พบเจอพวกเดียวกัน มันไม่ใช้เวลาดูด้วยซ้ำว่าตัวที่มันเจอเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย แต่พวกมันจะฉีดกลุ่มสเปิร์มไปที่ตัวที่เพิ่งจะเจอกันทันที โดยกลุ่มสเปิร์มก็จะยังคงติดตัวปลาหมึกตัวเป้าหมายขณะที่พวกมันว่ายน้ำต่อไป


7. นักศึกษาชอบคุยโวเรื่องเพศมากกว่าทำจริง
                                                                                                         
ในเดือน ก.ย. นักวิจัยได้เปิดเผยผลวิจัยว่า นักศึกษาจะเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวัยเรียน รวมถึงการนอกใจเป็นเรื่องปกติ แต่ส่วนมากมักจะเล่าขานต่อกัน มากกว่าจะลงมือกระทำจริงๆ โดยนักศึกษาร้อยละ 90 คิดว่า การมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างน้อย 2 คนเป็น “เรื่องปกติ” แต่มีเพียงร้อยละ 37 เท่านั้นที่มีเพศสัมพันธ์กับจำนวนคนที่ว่ามา การคุยโวเรื่องบนเตียงไม่เคยจะเก่าเลยจริงๆ


6. การได้รับวัคซีนต้านไวรัส ไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น

งานวิจัยเมื่อเดือน ธ.ค. 2011 เปิดเผยว่าการที่วัยรุ่นรับวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ไม่ได้ทำให้พวกเขาอยากสำส่อนทางเพศเพิ่มขึ้น โดยรายงานระบุว่า วัยรุ่นหญิงที่ได้รับวัคซีน HPV จะใช้ถุงยางตอนมีเพศสัมพันธ์มากกว่าวัยรุ่นหญิงที่ไม่ได้รับวัคซีน น่าจะเป็นเพราะพวกเธอได้รับความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการรับวัคซีน HPV ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องอายเลย


5. วัยรุ่นคิดว่าออรัลเซ็กส์ มีความเสี่ยงน้อยกว่า

ในเดือน ก.พ. 2011 มีการนำเสนองานวิจัยในที่ประชุมประจำปีของสมาคมเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์แห่งอเมริกา (American Association for the Advancement of Science) ซึ่งเปิดเผยว่า มีวัยรุ่นร้อยละ 14 คิดว่าการทำออรัลเซ็กส์ไม่ได้มีความเสี่ยงใดๆ ต่อสุขภาพ ทั้งที่ในความจริงคือมีไวรัสชื่อ papilloma virus (HPV) ที่สามารถติดต่อระหว่างคน และความเสี่ยงต่อการติดไวรัสนี้ในปากและคอจะเพิ่มขึ้นหากยิ่งมีการทำออรัลเซ็กส์ให้คู่นอนมากคน


4. มนุษย์โบราณก็มีการผสมข้ามพันธุ์

ก่อนหน้านี้ในปี 2010 เคยมีข่าวการสำรวจพบว่า มนุษย์เผ่าพวกเราและนีแอนเดอทาล เคยมีความสัมพันธ์กัน แต่ในปี 2011 มีการสำรวจไปไกลกว่านั้น เมื่อมีการค้นพบในเดือน มิ.ย. ว่า นักวิจัยค้นพบหลักฐานทางดีเอนเอ ที่บอกว่ามนุษย์ยุคปัจจุบันมีชิ้นส่วนของพันธุกรรมนีแอนเดอทาลอยู่ร้อยละ 9 ยกเว้นในทวีปแอฟริกา นั่นหมายความว่า การทดลองมีเพศสัมพันธุ์กันข้ามเผ่าพันธุ์จนเกิดการผสมยีนส์กันน่าจะเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่มนุษย์เราอพยพออกจากทวีปแอฟริกา


3. การทำสมาธิช่วยเพิ่มความสุขทางเพศ
                                                                                                      
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งในเดือน พ.ย. ปีที่ผ่านมาพบว่า ผู้หญิงที่ “ทำสมาธิวิปัสสนา” จะมีร่างกายที่ไวต่อการตอบสนองสิ่งเร้าทางเพศ และช่วยยับยั้งความวิตกกังวลและความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ได้


2. ชาวอเมริกันโปรดปรานไวเบรเตอร์ (เซ็กส์ทอยที่เป็นเครื่องระบบสั่น)
                                                                                                        
กลุ่มตัวอย่างกว่าครึ่งหนึ่งเห็นด้วยกับประโยคที่ว่า “ไวเบรเตอร์ เป็นส่วนหนึ่งของวิธีทางเพศของผู้หญิงที่ดีต่อสุขภาพ” เปรียบเทียบกับร้อยละ 10 ของกลุ่มตัวอย่างที่มองประโยคนี้ในแง่ลบ รวมถึงผู้มีความเชื่อที่ว่าการใช้ไวเบรเตอร์เป็นการดูถูกคู่นอนของพวกเธอโดยก่อนหน้านี้คณะผู้วิจัยทีมเดียวกันเคยสำรวจพบว่า มีกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงร้อยละ 53 และผู้ชายร้อยละ 45 เคยใช้ไวเบรเตอร์มาก่อน และพบความเกี่ยวข้องระหว่างการใช้ไวเบรเตอร์กับความพึงพอใจทางเพศ


1. ไม่ใช่เพียงแต่ผู้ชายที่รู้สึกว่าตนถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไป

จากงานวิจัยของวารสารเพศวิทยา Sexologies ฉบับเดือน ต.ค. 2011 การถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไปเกิดในเพศหญิงมากกว่าที่คิด  จากกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงชาวโปรตุเกส ร้อยละ 14 ประสบกับปัญหาการถึงจุดสุดยอดก่อนเวลาอันควรอยู่บ่อยๆ ผู้หญิงกลุ่มนี้ไม่สามารถควบคุมการถึงจุดสุดยอดของตัวเองได้ และมักจะรู้สึกอึดอัดหากจะมีเพศสัมพันธ์ต่อ ทำให้คู่นอนรู้สึกไม่ดี


ที่มา : toptenthailand



เป็นน้องใหม่หัดโพสครับ ฝากตัวด้วยนะครับ ถ้าชอบอย่าลืมกดบวกให้บ้างนะครับ



โดย: benzene    เวลา: 2012-7-8 15:40
ขอบคุณมากครับ
โดย: salimkung    เวลา: 2012-10-30 21:19
ขอบคุณครับ
โดย: wevee    เวลา: 2012-11-13 15:01
ขอบคุณมากมายนะครับ
โดย: sofar01    เวลา: 2013-1-6 01:35
ขอบคุณมากครับ เป็นความรู้ใหม่ครับ
โดย: great-m0036    เวลา: 2013-1-27 10:34
ขอบคุนคับผม :)




ยินดีต้อนรับสู่ จีโฟกาย.คอม (http://www.g4guys.com/) Powered by Discuz! X3.1