จีโฟกาย.คอม

ชื่อกระทู้: เกย์ แตกต่างหรือแปลก [สั่งพิมพ์]

โดย: Mangpo    เวลา: 2021-6-6 02:01
ชื่อกระทู้: เกย์ แตกต่างหรือแปลก
เกย์ แตกต่างหรือแปลก   

เเกย์ หรือ คนรักเพศเดียวกัน (HOMOSEXULALITY) ขอย้ำว่าเป็นคน "รักเพศเดียวกัน" ไม่ใช่ "รักร่วมเพศ" เพราะทุกคู่ก็รักร่วมเพศอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ถ้าจะพูดกันให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ เพศสภาพที่เหมือนกัน 2 เพศรักกัน โดยมีความต้องการทางร่างกาย (SEXUAL DRIVE) จิตใจ และ ความรัก เหมือนกับคู่หญิงชายที่สังคมทั่วไปยอมรับ

การรักเพศเดียวกันมานานมากซึ่งมีหลักฐานปรากฏมาตั้งแต่สมัยกรีกโรมันรุ่งเรือง อย่างไรก็ดีคำว่าเกย์นั้นเพิ่งจะถูกใช้มาไม่นานนักและยังเป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับคนบางกลุ่มอยู่ จึงสร้างให้เกิดความรู้สึก "แปลกแยก" ในกลุ่มของผู้ที่มีความรู้สึกรักชอบเพศเดียวกัน

ซึ่งถ้าหากมองข้ามไปยังอีกมุมหนึ่งด้วยธรรมชาติของกลุ่มคนรักเพศเดียวกันมักจะมีความร่าเริง ชอบแต่งตัว มีบทสนทนาที่สนุกสนาน จึงทำให้คนกลุ่มนี้เป็นสีสันซึ่งมักจะสร้างความโดดเด่นเมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มชายรักหญิง (HETEROSEXUAL) ซึ่งความโดดเด่นนี้เมื่อเสริมกับความใหม่ในมุมมองของสังคม ก็จะทำให้ "ความแปลกแยก" นั้นเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้กลุ่มผู้ที่มีความรู้สึกรักชอบเพศเดียวกันบางพวก ไม่กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึก หรือ ตัวตนที่แท้จริงกับสังคม เนื่องจากความ "กลัว" ที่จะถูกบรรทัดฐานของสังคมตัดสินว่า "ผิดปกติ" "ผิดธรรมชาติ"

แต่การใช้ชีวิตที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองนั้น จะมีความสุขหรือไม่?

ยกตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ ได้ว่า หากคุณชอบร้องเพลง ไม่ว่าคุณจะร้องเพราะหรือไม่ คุณอาจจะรัองได้เพราะพริ้ง แต่คุณเองคิดว่าคุณร้องได้ห่วยแตก จึงไม่เคยเลยแม้แต่สักครั้งที่จะกล้าร้องเพลงเมื่อไปคาราโอเกะกับเพื่อนๆ แต่เมื่อคุณอาบน้ำอยู่คนเดียว ไม่มีใครได้ยิน คุณจะอดใจได้หรือที่จะไม่ร้องเพลงในห้องน้ำสักวัน แล้วรู้สึกว่าตัวเองร้องเพลงได้ไพเราะเหลือเกิน วินาทีนั้นคุณก็คงอยากที่จะให้ใครสักคนได้ยินเสียงร้องเพลงของคุณแล้วบอกคุณว่าคุณก็ร้องเพลงเพราะเหมือนกัน และเมื่อวันนั้นมาถึงคงเป็นวันที่คุณมีความสุขอย่างมากที่สุด

เกย์เป็นความรู้สึกที่ "แตกต่าง" จากสิ่งที่สังคมและคนทั่วไปคิด รู้สึก และตัดสิน คนที่เรียกตัวเองหรือรู้สึกว่าตนเองเป็นเกย์นั้น สิ่งที่แตกต่างมีเพียงว่าเขาเหล่านั้น "พิศวาส" เพศเดียวกันเท่านั้น พวกเขาก็ยังเป็นคนที่มีอวัยวะครบ 32 เป็นคนที่มีความสามารถ หรือไร้ความสามารถ หล่อเหลา สวยพริ้ง หรือขี้เหร่ มีความโลภ โกรธ หลง หรือไร้สาระได้เหมือนคนทั่วไป อย่างไรก็ดีมนุษย์ เป็นสัตว์สังคม มนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจาก "สังคม" จึงทำให้ผู้ที่มีความรู้สึกรักเพศเดียวกันบางคนไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตน แต่ในทางกลับกันกลับต้องเล่นละครตบตาคนในสังคมว่าตนเองเป็นคนธรรมดามิได้เป็น "คนผิดปกติ" ตามที่สังคมบอก
แต่ที่กล่าวมานั้นมิได้หมายความว่าผู้ที่รักเพศเดียวกันต้องทำตัวตุ้งติ้งหรือทำมาดแมนเพื่อเปิดเผยตนเอง แต่การที่ยอมรับตัวตนที่แท้จริงและสามารถ "ปรับ" ตัวเองให้เข้ากับสังคมที่อาศัยอยู่นั้นเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งก็มีตัวอย่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อสังคม และประสบความสำเร็จในชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมากมายแต่ตรงกันข้าม สังคมรอบๆ ตัวเขากลับปรับตนและยอมรับความเป็นเกย์ของเขา

แต่ที่กล่าวมานั้นมิได้หมายความว่าผู้ที่รักเพศเพียวกันต้องร้องแรกแหกกระเชอ หรือต้องทำตัวตุ้งติ้งหรือทำมาดแมนเพื่อเปิดเผยตนเอง แต่การที่ยอมรับตัวตนที่แท้จริงและสามารถ "ปรับ" ตัวเองให้เข้ากับสังคมที่อาศัยอยู่นั้นเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งก็มีตัวอย่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อสังคม และประสบความสำเร็จในชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมากมายแต่ตรงกันข้าม สังคมรอบๆ ตัวเขากลับปรับตนและยอมรับความเป็นเกย์ของเขา


โต (นามสมมติ) รู้สึกรักเพศเดียวกันตั้งแต่อายุ 12 ปี แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยให้ใครรู้ แม้กระทั่งพ่อแม่ของเขา ชีวิตของโตก็เหมือนกับเด็กชายปกติทั่วไปที่ชอบเตะบอล คลุกอยู่กับกลุ่มเพื่อนชาย บุคคลิกของโตก็เหมือนกับเด็กชายวัยรุ่นทั่วไป เกเร บ้างในบางครั้ง แต่สิ่งที่โตมีมากกว่าคนอื่นก็คือน้ำใจ และความเอื้ออาทรที่มีให้กับเพื่อนๆ ทำให้เพื่อนๆในกลุ่มรักโตมากเป็นพิเศษ ใครมีปัญหาอะไรก็มักจะเข้ามาปรึกษาโตเสมอ

โตสนิทกับที่บ้านมากมีอะไรเขาก็มักจะปรึกษา พ่อและแม่เสมอ ซึ่งโตเองก็รู้อยู่ลึกๆ ว่าแม่น่าจะรู้ว่าเขารักเพศเดียวกันเพราะหนังสือโป๊ที่เก็บเอาไว้ตามที่ต่างๆมักจะถูกเคลื่อนย้าย ที่โตรู้เพราะว่าโตเป็นคนเก็บมันกับมือจึงรู้ว่ามันถูกผู้อื่นหยิบขึ้นมาอ่าน ซึ่งจะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากแม่ เพราะแม่เป็นคนเดียวที่ทำความสะอาดห้องของโต แต่แม่ก็ไม่เคยพูดอะไร และก็ไม่เคยบอกพ่อเลย

เมื่อโตสอบเอนทรานซ์ติดโตก็ตัดสินใจบอกพ่อทันทีในวันที่เขารู้ผล ผลปรากฏว่าพ่อไม่พูดจาหยอกล้อโตเลยเป็นเวลาแรมปี โตก็ไม่ย่อท้อพยายามปฏบัติตนให้เหมือนเดิม และ ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม ตั้งใจเรียน เล่นกีฬา พยายามทำตัวให้เป็นปกติเหมือนกับเวลาที่พ่อยังไม่รู้ว่าเขาเป็นเกย์

เวลาผ่านไปเกีอบปี วันหนึ่งพ่อก็พูดกับโตว่า "จะคบเพื่อนคนไหนก็ดูให้ดี อย่าซี้ซั้วคบล่ะ" คำพูดนี้ทำให้โตยิ้มออกทันทีเพราะมันเป็นคำพูดที่โตรู้ว่า คำว่าเพื่อนในความหมายของพ่อนั้นคืออะไร มันเป็นสิ่งทีโตเฝ้าคอยและก็เป็นสิ่งที่ทำให้โตรู้สึกเข้มแข็งที่จะก้าวสู่สังเวียนการต่อสู้ของสังคมต่อไป

เมื่อโตจบการศึกษาและเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน โจก็ทำงานอย่างปกติมีเพื่อนฝูง ไปเที่ยวเฮฮา จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนร่วมงานของโตก็ถามโตขึ้นมาว่า ทำไมไม่เห็นมีแฟนสักที โตก็บ่ายเบี่ยงไปตามเรื่องตามราว จวบจนกระทั่งวันหนึ่งงานปีใหม่ของบริษัทฯ ก็มาถึงซึ่งในจดหมายเชิญได้ระบุให้ผู้ที่เข้ามาร่วมงานพาคู่ของตนมาร่วมงานด้วย โตจึงตัดสินใจควงเพื่อนสาวคนสนิทมาในงาน โดยแนะนำว่าเป็นแฟนของตน และหลังจากนั้นเพื่อนๆ ก็มักจะขอให้โตพาเพื่อนสาวคนนั้นไปเที่ยวด้วยกันเสมอ ตลอดเวลาที่โตต้องหลอกตัวเองและเพื่อนฝูงนั้น เป็นช่วงเวลาที่โตรู้สึกทรมานอย่างเป็นที่สุดเนื่องจากต้องเล่นละครตบตาเพื่อนฝูงอยู่เสมอ

และ แล้วเมื่อถึงวันที่โตต้องลาออกจากที่ทำงานเพื่อไปเรียนต่อ โตก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับเพื่อนในวันเลี้ยงส่ง โตเล่าทุกอย่างให้เพื่อนของเขาฟังและยกมือไหว้เพื่อนทุกคนเพื่อขอโทษ แต่สิ่งที่ทำให้โตรู้สึกประหลาดใจที่สุดก็คือเพื่อนทุกคนกลับบอกเขาว่าทุก คนนั้นก็รู้สึกอยู่แล้วว่าโตเป็นเกย์แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่ได้มีความสลักสำคัญ และที่ถามถึงแฟนก็มิได้หมายความว่าจะต้องเป็นแฟนผู้หญิง ทุกคนรักโตเพราะว่าโตเป็นคนดีมีน้ำใจ และพร้อมที่จะยอมรับไม่ว่าโตจะเป็นอะไรก็ตาม

หลังจากนั้นโตก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นกับตัวตนที่แท้จริงของตน โตไม่เคยปิดบังที่จะบอกใครว่าเขาเป็นเกย์ถ้ามีใครถาม แต่ถ้าไม่มีใครถามโตก็เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีเสน่ห์ ดูใจดี มีน้ำใจ ยิ้มง่าย ร่าเริงแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา


นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของ "ความแตกต่าง" ที่สามารถจัดการกับ "ความแปลกแยก" ซึ่งเกิดจากบรรทัดฐานของสังคม จำได้ไหมตอนที่ "สายเดี่ยว" เข้ามาฮิตกันอย่างแพร่หลายในเมืองไทย ใครใส่สายเดี่ยวก็จะถูกตรีตราว่าเป็นเด็กกล้า ไม่เรียบร้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เดี๋ยวนี้เด็กๆ ก็ใส่สายเดี่ยวได้แต่เป็นสายเดี่ยวที่ถูกบรรทัดฐานของสังคมปรับเปลี่ยนให้ดูไม่โป๊จนเกินไป เฉกเช่นเดียวกับความแปลกแยกของโต ที่กลายเป็นเพียงแค่ความแตกต่าง เพราะความแปลกแยกนั้น เมื่อเวลาผ่านไป วันหนึ่งก็จะกลายเป็นเพียงแค่ความแตกต่างเท่านั้น

ถามใจตัวเองสิว่าต้องการอะไรกันแน่ แล้วจัดการกับความต้องการของตนอย่างมีสติ จะได้ไม่ต้องหลอกตัวเองและสังคมไปตลอดชีวิต "อย่าลืมว่าก่อนที่จะเรียกร้องให้ใครยอมรับตัวตนของเราได้นั้น ต้องเริ่มจากยอมรับตัวตนของตัวเองให้ได้ก่อน"
แหล่งที่มา »    teenpath
******************


โดย: nuangnut1996    เวลา: 2021-6-6 03:01
น่าสนใจ




ยินดีต้อนรับสู่ จีโฟกาย.คอม (http://www.g4guys.com/) Powered by Discuz! X3.1