โดยรายงานจากเว็บไซต์เดลิเมล ระบุว่า หนูน้อยเอลลี่ ป่วยเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบตั้งแต่อายุได้เพียง 16 เดือน เธอต้องถูกตัดขาและมือทั้งสองไปด้วยความจำเป็น เพื่อรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ และหลังจากนั้นมา เธอก็กลายเป็นคนพิการที่ต้องฝึกการหยิบจับสิ่งต่าง ๆ ด้วยมือที่ไร้นิ้ว และต้องหัดเดินด้วยขาเทียม จนวันนี้ 6 ปีให้หลัง เอลลี่สามารถเดินได้ด้วยขาเทียมและใช้ชีวิตเฉกเช่นเด็กหญิงทั่ว ๆ ไป

           และเมื่อไม่นานมานี้ เอลลี่ก็ได้พบเจอกับเพื่อนใหม่ ที่จะกลายเป็นเพื่อนรักของเธอตลอดไป เมื่อครอบครัวของเธอได้พามาพบกับ ชาร์ล็อตต์ น็อตต์ เด็กหญิงผู้มีภาวะพิการเช่นเดียวกับเอลลี่ไม่มีผิดเพี้ยน แถมภาวะพิการนี้ยังเกิดขึ้นจากสาเหตุเดียวกันอีกด้วย และโดยไม่ต้องทำความรู้จักอะไรกันมาก เด็กหญิงทั้งสองคนนี้สนิทสนมกันตั้งแต่แรกเจอ หลังจากที่ต่างคนต่างโบกมือที่ไร้นิ้วมือเพื่อทักทายกันและกัน ความผูกพันก็เริ่มต้นขึ้น และดูเหมือนทั้งคู่จะมีความสุขที่สุดเมื่อได้พบกับคนที่มีภาวะพิการเช่นเดียวกัน

          ส่วนทางด้าน ลิซา และ พอล พ่อและแม่ของเอลลี่ ก็ได้พูดคุยกับพ่อแม่ของชาร์ล็อตต์เกี่ยวกับภาวะพิการของหนูน้อยทั้งสอง ซึ่งหลังจากการพูดคุย ก็ทำให้พ่อและแม่ของชาร์ล็อตต์ มีกำลังใจและความหวังเกี่ยวกับตัวชาร์ล็อตต์มากขึ้น เพราะเห็นว่าเอลลี่สามารถใช้ชีวิตเช่นเดียวกับเด็กปกติทั่วไปได้ โดยเจนนี่ ได้เปิดเผยว่า "ตอนที่ชาร์ล็อตต์ป่วยเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและต้องตัดขาและนิ้ว ฉันใจหายมาก และเสียขวัญเมื่อคิดถึงอนาคตของลูก แต่เมื่อฉันได้มาเห็นเอลลี่ ที่สามารถวิ่งไปไหนมาไหนได้เหมือนเด็กทั่วไป มันเป็นอะไรที่พิเศษมาก ๆ มันทำให้ฉันมีความหวังว่าชาร์ล็อตต์จะเติบโตขึ้นมาเหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป และฉันยังคงรู้สึกขอบคุณในทุก ๆ วันที่ชาร์ล็อตต์ยังคงอยู่กับฉัน การได้มองเห็นชาร์ล็อตต์เล่นกับเอลลี่อย่างมีความสุข นั่นเป็นปาฏิหาริย์สำหรับฉันจริง ๆ"

          ทั้งนี้ ระหว่างที่เอลลี่ และชาร์ล็อตต์ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เอลลี่ได้สอนให้ชาร์ล็อตต์เรียนรู้การใช้ขาเทียมและการใช้มือที่ไร้นิ้วไปบ้างแล้ว และคาดว่าชาร์ล็อตต์จะมีขาเทียมเป็นของตัวเองในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีสำหรับเธอจริง ๆ