arr_tao โพสต์ 2014-3-13 16:35:06

กล่อมลูก


สมัยเด็กดิฉันอยู่ที่กาญจนบุรี พ่อแม่เปิดร้านรับซื้อของป่าสารพัดอย่างเพื่อส่งไปขายที่กรุงเทพฯ มีญาติๆ ช่วยดูแลด้วย เปิดโอกาสให้พ่อมองหาลู่ทางทำมาหากินต่อไปในอนาคต

ไม่ช้าพ่อก็ไปพบป่าโปร่งแห่งหนึ่งทางสังขละ ไปทำฟาร์มที่นั่นเพราะมีทั้งม้า วัว และคนงาน พ่อบอกว่าชอบใจมาก เชื่อว่าต่อไปคงจะกลายเป็นแหล่งเจริญขึ้นอย่างแน่นอน

ปีต่อมาพ่อก็พาดิฉันกับแม่ขึ้นรถจี๊ปไปพักผ่อนที่นั่น จำได้ว่าตอนนั้นปิดเทอมปลาย ดิฉันย่างเข้าสิบขวบพอดี

เราทั้งตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบๆ ตัวที่ดูเหมือนจะตกอยู่ในวงล้อมของป่าและภูเขา ราวกับไม่มีทางออก บ้านพักเป็นเรือนไม้เตี้ยๆ ชั้นเดียว มีชายหญิงวัยกลางคนที่พ่อแนะนำว่าเป็นแม่บ้านกับหัวหน้าคนงาน มีบ้านพักอยู่ใกล้ๆ กับเรือนแถวคนงานห้าหกคน

ตอนนั้นอากาศแห้งแล้งมากค่ะ ลุงปุ่นหัวหน้าคนงานบอกว่าไม่เคยแล้งแบบนี้มาหลายปีแล้ว...ถ้าฝนไม่ตกเร็วๆ นี้ ฝูงสัตว์ป่าที่เคยล่ามาเป็นอาหาร เช่น เก้ง กวาง เป็นต้น มีหวังมันเตลิดหนีไปหาแหล่งน้ำที่อื่นหมด จะเหลือก็แต่พวกเม่นกับชะมดเท่านั้น

ตอนเย็นค่อยสบายหน่อย แต่ตอนกลางวันมองเห็นแต่กล้วยใบเหลืองๆ ห้อยพับ พวกพริกกับมะเขือก็ล้วนแต่มีใบหงิกงอ กิ่งก้านโกร๋นเกร๋น ป่าทั้งป่าดูเหมือนจะกลายเป็นสีน้ำตาลน่าเศร้ามากๆ

ตอนกลางคืนมีแต่เสียงลมพัดน่าวังเวงใจ ได้ยินเสียงฟ้าร้องครืนๆ มาแต่ไกล...รุ่งขึ้นลุงปุ่นก็บอกพ่อว่าฝนอาจจะตกลงมาในเร็วๆ นี้แหละ...

แล้วก็จริงเสียด้วยซีคะ!

แม่ว่าจะชวนพ่อกลับอยู่แล้ว พอดีบ่ายนั้นฝนตกเปาะแปะลงมา พวกเรามองดูหยาดน้ำที่ไหลรินมาจากชายคาแฝกเป็นหยดๆ ก่อนจะกลายเป็นสายเล็กๆ ด้วยความตื่นเต้น พ่อเงยหน้ามองผืนฟ้าอย่างมีความหวัง...ฟ้าคำรามจนดิฉันต้องโผเข้ากอดแม่ด้วยอารามตกใจ

คราวนี้ฝนกระหน่ำลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ซัดจั๊กๆ ชนิดไม่ลืมหูลืมตา พวกคนงานไชโยโห่ร้อง กระโดดออกไปเล่นน้ำฝนเริงร่า ลุงปุ่นกับป้าสายเมียของแกมองสบตากันอย่างมีความสุข พ่อยิ้มกับแม่พลางพยักหน้าช้าๆ

ในที่สุด ฝนก็ตกลงมาเสียที!

คืนนั้นเรานอนฟังเสียงกบเขียดร้องเซ็งแซ่เกือบทั้งคืน รุ่งขึ้นกินอาหารเช้าง่ายๆ แล้วพ่อพาดิฉันออกไปเดินเล่นนอกบ้านพัก เสียงไก่เถื่อนขันระงมมาจากเชิงเขา พ่อแบกปืนยาวพาเดินไปตามทางลาดเนินที่ชุ่มโชก ไม่เหลือร่องรอยแตกระแหงเหมือนเมื่อวานอีกแล้ว

ผ่านมะกอกป่าที่ยังเห็นใบไม้แห้งกลาดเกลื่อน ดอกไม้หอมกรุ่นล่องลอยมาตามลม พ่อบอกว่าเป็นกลิ่นพลับพลึงกับพุดป่า...แว่วเสียงกบเขียดดังมาจากดงทึบข้างหน้า บอกว่าพวกมันคงมีความสุขอยู่ในลำห้วยที่น้ำเอ่อเต็มตั้งแต่เมื่อคืน

เลาะลัดไปตามป่ารวก ดงสาบเสือ พ้นมะขามป้อมต้นนั้น...เสียงน้ำไหลรินชัดเจนก็ดังมากระทบหู พ่อบอกว่าเป็นห้วยลึกตอนบนที่คงจะระบายน้ำลงสู่ตอนล่างที่เป็นโตรกผาสูงชัน มีแอ่งน้ำวนที่ไหลคดเคี้ยวหายลับไปในดงทึบ

"พ่ออยากให้ลูกเห็นความสวยสดชื่นของป่าเมื่อฝนตก ดูต้นไม้งดงามใกล้ๆ อย่างที่จะหาไม่ได้ในเมือง... นั่นไง! น้ำที่หลั่งไหลจากห้วยลึกที่ว่า"

ดิฉันเงยหน้ามองพ่อผู้ยิ้มละไมอย่างมีความสุข ก่อนจะหันไปทางสายน้ำที่ไหลหลั่งจากซอกหิน สาดซ่าลงสู่ลำห้วยเบื้องล่าง แทบไม่น่าเชื่อว่าฝนตกหนักคืนเดียวจะทำให้มีน้ำมากมาย ดูชุ่มชื่นทั้งตาและใจถึงขนาดนี้...

ขณะนั้นเอง เสียงสูงๆ ต่ำๆ คล้ายมีใครมาร้องเพลงอยู่ใกล้ๆ ก็ทำให้เราหยุดชะงัก เงี่ยหูฟังด้วยความสนใจ!

แม้จะมีเสียงน้ำสาดซ่าคละเคล้ามา แต่ดิฉันก็พอจะฟังออกว่านั่นเป็นเสียงเพลงกล่อมลูก...ว่าแต่ใครที่ไหนมากล่อมลูกในป่าดงค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวแบบนี้?

"พ่อๆ" ดิฉันเงยหน้ามองพลางกระตุกมือพ่อให้เดินต่อไปเพื่อจะได้ดูใกล้ๆ แต่พ่อเบิกตากว้าง มองข้ามดิฉันไปทางลานหินที่ยื่นล้ำเข้าไปเหนือหนองน้ำที่กำลังเดือดพลุ่งจากสายน้ำตกหลั่งไหลลงมา...

มองตามสายตาพ่อไปก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นผู้หญิงสาวคนหนึ่งนั่งกอดลูกน้อยอยู่ที่โคนไผ่ร่มครึ้ม ริมฝีปากแทบไม่ขยับเลยขณะที่เธอกล่อมลูกด้วยเสียงเยือกเย็นจับใจ

"กลับเถอะลูก อย่าไปรบกวนเธอเลย" พ่อว่าแล้วก้มลงอุ้มดิฉันหันกลับ ก้าวยาวๆ ยิ่งกว่าตอนขามาด้วยซ้ำ...วันรุ่งขึ้นถึงได้รู้จากแม่ว่าผู้หญิงคนนั้นลงไปเล่นน้ำในห้วยตอนล่างแล้วพลัดลื่นจมน้ำตาย ศพขัดอยู่กับรากไม้จนมีคนไปพบเข้า

เธอกำลังท้องแก่พอดี...ครบปีแล้วจึงมานั่งกล่อมลูกใกล้ๆ กับจุดตายของเธอค่ะ!
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: กล่อมลูก