arr_tao โพสต์ 2014-3-9 12:20:57

ปีศาจบึงหลวง


ผมเป็นคนภาคอีสานโดยกำเนิด สมัยเด็กอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ แต่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองนะครับ ชาวบ้านทำไร่ทำนาและหาของป่ามาเป็นอาหาร ไม่ว่าหน่อไม้ ผักหวาน เห็ดต่างๆ เหลือกินก็เก็บถนอมเอาไว้ได้นานๆ ไม่มีอะไรเดือดร้อน

พวกเด็กๆ ส่วนมากไม่ได้วิ่งซุกซนอย่างเดียว แต่ช่วยพ่อแม่ออกทำมาหากิน เช่น ยิงนก ตกปลา หาไข่มดแดง พอโตขึ้นหน่อยก็รู้จักดักนกคุ่ม หาตีงูสิงมาให้แม่ทำผัดทำแกงเป็นกับข้าวมื้อเย็นได้สบายมาก

ปัญหาก็คือเรื่องผีดุน่ะซี คุณเอ๋ย...ไม่ใช่ผีบ้านผีเรือน หรือผีปู่ตาตามศาลหัวคันนาเพราะเป็นผีที่ชาวบ้านคอยเซ่นไหว้ให้ดูแลที่ดินและข้าวกล้าให้เจริญงอกงาม...แต่ว่าเป็นผีป่าผีดงที่พวกผู้ใหญ่เชื่อกันว่าเป็นผีร้ายหรือวิญญาณพเนจร!

เผลอๆ ก็เข้ามาสิงคนแก่และคนเจ็บป่วยให้กลายเป็นผีปอบ ทั้งกินตับไตไส้พุงคนที่มันสิง กับดอดออกจากบ้านยามดึกไปหาเป็ดไก่ จับกินกร้วมๆ ทีละครึ่งค่อนเล้ารุ่งเช้าเห็นแต่ขนกับเลือดกระจายอยู่เต็ม ต้องว่าจ้างหมอผีมาตามหาผีปอบแล้วขับไล่ไปให้พ้นหมู่บ้านทันที

ไหนจะผีที่บึงหลวงอีกล่ะ?

คือที่หลังวัดมีบึงใหญ่ ปลาชุกชุมมาก ปลาดุก ปลาช่อน ปลาตะเพียนเยอะแยะ บางคนบอกว่ามีทั้งปลาชะโด ปลาสลาด ปลาสวาย ปลาเทโพมีทั้งนั้น แต่บางคนก็เถียงว่าปลาสวายกับปลาเทโพไม่ได้อยู่ในบึงในหนองหรอก ไอ้โง่! มันอยู่ในแม่น้ำลำคลองต่างหากล่ะ! เล่นเอาหวิดจะวางมวยกัน

แต่ที่แน่ๆ ก็คือผีดุมากนะครับ แทบจะไม่มีใครกล้าไปหาปลาที่บึงหลวงมากิน ไม่ว่าตกเบ็ด ทอดแหหรือสุ่มปลา ส่วนมากไปหากินตามบึงเล็กๆ หรือไม่ก็ตามหนองใกล้ท้องนา...ผมไปดูเขาวิดปลาจนเหลือแต่โคลนตม เห็นปลานับร้อยๆ ดิ้นคลั่กๆ น่าตื่นเต้นดีชะมัดเลย

เคยมีคนห้าวๆ แทบจะเป็นบ้าบิ่น ออกไปทอดแหหาปลาที่นั่น เพราะใกล้หมู่บ้านที่สุด ปรากฏว่าไม่เจอะเจอผีสางอะไร แถมได้ปลามามากมายจนแกงกินไม่หวาดไม่ไหว ทาเกลือทำเค็มก็แล้ว แจกเพื่อนบ้านก็แล้วแต่ยังไม่หมดสิ้น...

เกือบจะเลิกเชื่อเรื่องอาถรรพณ์ที่เล่าลือกันมานาน แต่ที่ไหนได้ล่ะ!

ค่ำนั้นเอง คนที่สวาปามปลาจากบึงหลวงเข้าไปล้วนแต่มีอาการท้องเสียอย่างแรงขนาดอาเจียนไปด้วยก็มี เรียกว่าทั้งลงทั้งราก! แตกตื่นกันไปหาเฒ่าเคน-หมอยาและหมอผีประจำหมู่บ้าน

"อยู่ดีไม่ว่าดี เสือกไปแดกปลาเจ้าพ่อเข้าให้ ไม่ตายก็บุญแล้วมึงเอ๋ย"

เฒ่าเคนหรืออาจารย์เคนแกว่ายังงั้นนะครับ...เพราะสาเหตุนี้แหละที่ทำให้ผมได้พบกับเหตุการณ์ขนหัวลุกจนแทบจะขาดใจตายไปเลย!

อาสิงห์เป็นคนบ้านติดๆ กัน อายุราวสามสิบปี รูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำ กล้ามเป็นมัดๆ หน้าตาคมสันแต่ค่อนไปทางเหี้ยม นัยน์ตาดุ...พ่อแม่แกท้องเดินแทบปางตายเพราะกินแกงปลาจากบึงหลวง ส่วนแกไม่ได้แตะต้องจึงรอดตัวไป

"กูจะไปกวาดปลาเจ้าพ่อให้หมดบึง! ดูซิว่าใครจะทำอะไรกู?"

ตอนนั้นผมกำลังย่างเข้าวัยรุ่น ใจคอคึกคักฮึกเหิม พออาสิงห์ชวนคำเดียวผมก็เผ่นปร๋อตามแกไปทันทีในตอนบ่ายแก่ๆ ท้องฟ้าโล่งกว้าง ลมทุ่งพัดโชยมาเยือกเย็น...เราปักหลักกันที่ใต้ร่มสะตือที่แผ่กิ่งก้านไปในบึงหลวง มีพงอ้อกอหญ้าดกหนา แต่เป็นทำเลเหมาะเจาะในการเหวี่ยงแหของอาสิงห์

แกมวนยาสูบเสร็จก็ลุกขึ้นยืนจังก้า ท่อนบนเปลือยเปล่ากำยำเหนือกางเกงขาก๊วยและผ้าขาวม้าเคียนพุง ขยับศอกซ้ายให้จังหวะแหที่ถ่วงตะกั่ว มือขวาเหวี่ยงโครมเห็นปากแหแผ่กระจายเป็นรูปวงกลมสวยงาม...

ผมชะเง้อมองอย่างตื่นเต้น สายลมกระโชกวูบเย็นยะเยือก ยอดสะตือไหวซ่าเกือบพร้อมๆ กับเสียงครืนๆ ดังมาจากในบึง...ตามด้วยเสียง "โพล่ง" จนผมหวิดสะดุ้ง ก่อนที่แหทั้งปากจะถูกยกขึ้นมาเหนือผิวน้ำเสียงดังซ่า...พอเห็นภาพนั้นเต็มตาเล่นเอาผมผงะหงายแทบจะก้นกระแทกพื้น ดวงตาเหลือกลาน มีอะไรแข็งๆ จุกลำคอจนร้องไม่ออก

อสุรกายดำทะมึนผุดพรวดขึ้นมาจังก้า นัยน์ตาแดงก่ำราวเปลวไฟ สองมือใหญ่โตฉีกกระชากร่างแหที่คลุมหัวขาดกระเจิง...ผมรู้สึกเหมือนโลกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เผ่นอ้าวไม่คิดชีวิต จำไม่ได้ว่าร้องอะไรหรือเปล่า...แต่อาสิงห์ผู้กล้าหาญวิ่งแซงผมไปรวดเร็วราวกับลมพัด

ค่ำนั้น...อาจารย์เคนต้องเดือดร้อนมาเสกน้ำมนต์ให้กิน ผูกข้อมือให้เราด้วยสายสิญจน์ อาสิงห์ที่เคยผิวคล้ำดูเหมือนจะขาวผ่องผิดตา...ต่อมาไม่นานผมก็มาเรียนต่อในกรุงเทพฯ เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านก็ไม่ได้ข่าวคราวจากบึงหลวงอีกเลยครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ปีศาจบึงหลวง