arr_tao โพสต์ 2014-3-8 23:29:03

สาวสายเดี่ยว


ผมเป็นเด็กเยาวราชมาแต่อ้อนแต่ออก ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาจนเป็นหนุ่มน้อยจนถึงหนุ่มใหญ่วัยเลยสี่สิบไปแล้ว กลางวันช่วยทางบ้านค้าขาย ตกค่ำมักมีเพื่อนฝูงมาหา บางวันก็ไปหาเพื่อน เที่ยวเตร่เฮฮากันจนเกือบดึกดื่นบ่อยครั้ง

พวกเราโชคดีในเรื่องครอบครัว เพราะบรรดาเมียๆ ไม่มายุ่งเกี่ยวกับเราเรื่องนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผิดกับบางคนถึงกับต้องเผ่นพรวดขึ้นจากอ่างไปรับโทรศัพท์เมียก็มี!

นอกจากเรื่องโชคแล้ว ผมว่าสาเหตุสำคัญมาจากพวกเรารู้จักความรับผิดชอบในการงาน ไม่ว่าจะเที่ยวเตร่แค่ไหนก็ไม่ยอมเสียงานเด็ดขาด

เข้าเรื่องขนหัวลุกดีกว่าครับ!

ไม่ต้องเสียเวลาเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินในถิ่นไชน่าทาวน์ก็ได้ เพราะใครๆ ก็เล่ากันมามากแล้ว แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นในร้านคาราโอเกะเล็กๆ ในซอยแปลงนามที่ผมไม่เคยเข้าไปเที่ยวมาก่อน

แม้ว่าจะเคยย่ำเป็นเทือกตั้งแต่ยังเป็นซอยจนเป็นถนน ใกล้ๆ กับซอยเท็กซัสที่กลายเป็นถนนผดุงด้าว เคยมีโรงน้ำชาที่มีต้นตอมาจากโรงยาฝิ่น กับร้านขายตะเกียงสารพัดชนิด โดยเฉพาะตะเกียงเก่าๆ ที่มีนักสะสมเวียนเข้าออกกันเป็นประจำ

เมื่อราว 4-5 ปีก่อน ใกล้กับด้านถนนเจริญกรุงมีร้านข้าวต้มกุ๊ยสองร้านประชันกันคนละฝั่ง ติดป้าย เปิด 24 ช.ม. กับข้าวมากมายเหลือเชื่อ ไม่ว่าใครไปยืนมองเป็นตาลาย ไม่รู้ว่าจะเลือกหม่ำอะไรดี

จนกระทั่งคืนหนึ่ง เจ้าฮุยกับเจ้าเซ้งแวะเข้ามาหา เรียกเบียร์มาอุ่นเครื่องกันคนละขวด ผมเปรยว่าอยากไปกินข้าวต้มที่แปลงนาม เสียแต่ที่นั่นเปิดโล่งๆ ไม่มีแอร์ หน้าร้อนแบบนี้ทารุณว่ะ เจ้าฮุยบอกว่าไม่มีปัญหา เราสั่งเข้าไปกินในร้านคาราโอเกะใกล้ๆ กันได้สบายมาก

เป็นอันว่าตกลงตามนั้น!

เราตีต๊อกจากทางเยาวราชเข้าไปเรื่อยๆ ราวสี่ทุ่มก็ถึงร้านข้าวต้มขวามือ มองดูกับข้าวหลายสิบชนิดแล้วตาลายตามเคย เจ้าเซ้งสนใจปลาฉลามผัดพริก เจ้าฮุยไม่ชอบของเผ็ดก็สั่งต้มผักกาดปลาช่อน ส่วนผมสั่งขาหมู...เจ้าเซ้งบอกสั้นๆ ว่าให้ไปส่งที่คาราโอเกะก็เป็นที่รู้กัน

ย้อนทางเก่าไม่กี่ก้าวก็เลี้ยวซ้ายเข้าร้านคาราโอเกะคูหาเดียว แอร์เย็นฉ่ำ มีอยู่แค่ 3-4 โต๊ะ เวทีอยู่มุมขวาด้านใน นักร้องอาวุโสกำลังเอื้อนลูกคอเพลงเก่ารุ่นชรินทร์-สุเทพ-รวงทอง-ดาวใจ ฯลฯ พวกเราได้โต๊ะแรกริมกระจกหน้าร้านพอดี พวกนักร้องเขาอยู่ใกล้ๆ เวที

เจ้าฮุยมีเหล้าที่ฝากไว้ ซุกอยู่ใต้เคาน์เตอร์ตรงข้ามกับโต๊ะเรา

ไม่ช้าเด็กจากร้านข้าวต้มก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ เจ้าเซ็งให้ความรู้ว่า ที่ร้านมีกับแกล้มง่ายๆ อย่างยำไข่เยี่ยวม้า ยำแหนมสด...ถ้าสั่งอาหารจากร้านข้าวต้มเขาคิดจานละ 20 บาท

พวกลื้ออยากร้องเพลงมั้ยว่ะ? เขาคิดเพลงละ 10 บาทเอง มันถามยิ้มๆ ทั้งที่รู้ดีว่าพวกเราไม่มีใครร้องเพลงเป็นซักคน เคยแซวกันว่าเสียงเหมือนมุดหัวเข้าไปร้องเพลงในโอ่ง หรือไม่เสียงแบนยังกับโดนควายเหยียบ

บรรดาคุณป้าคุณลุงทั้งโต๊ะใหญ่และโต๊ะเล็ก หมุนเวียนกันขึ้นไปร้องเพลงที่พอฟังได้เพลินๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตามประสาผู้สูงวัย หมดภาระจากหน้าที่การงาน ยามว่างก็มาหาความสุขจากสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ... อีกไม่ช้าไม่นานพวกเราก็คงจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน!

ผมมองไปทางหน้าร้านโดยไม่ได้ตั้งใจ...

ผู้หญิงผมยาวใส่เสื้อสายเดี่ยวสีดำ กำลังนั่งหันหลังสูบบุหรี่...เธออาจจะรอใครสักคน หรือไม่ก็อัดควันพิษให้หายอยากก่อนจะเข้ามาในร้านนี้ ดูแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาเต็มที เพราะในร้านย่อมห้ามสูบบุหรี่อยู่แล้ว

เสียงเจ้าฮุยกับเจ้าเซ้งกำลังยุให้อีกคนขึ้นไปร้องเพลง พอผมหันกลับมาเลยโดนแซวว่าไม่สนเพลงเก่า แต่กำลังปิ๊งกับสาวหน้าใหม่ใช่มั้ย ผมหัวเราะ ยกแก้วขึ้นซดเหล้าก่อนจะหันไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ

สาวผมยาวยังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่เดิม คราวนี้คงเหลือแค่ก้นมวน เพราะเธอหันมาเห็นเสี้ยวหน้า ตอนที่ก้มมองรองเท้าขยี้ก้นบุหรี่...ผนังห้องบังจนเห็นแค่ท่อนบนเท่านั้น...

อะไรบางอย่างสะดุดตาวูบ และนั่นทำให้ผมเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง...หล่อนใส่เสื้อสีขาวแขนสั้น ทั้งที่เห็นอยู่หยกๆ ว่าใส่สายเดี่ยวสีดำ! เล่นเอาลุกพรวดพราดออกไปดูให้แน่ใจว่าตาฝาดหรือเมามายเพราะเหล้าแค่ 3-4 แก้วกันแน่

ผู้คนบางตาลง...ที่หน้าร้านด้านซ้ายนั่นมีเก้าอี้ตั้งอยู่ก็จริง แต่ไม่มีใครนั่งสูบบุหรี่สักคน ไม่ว่าเสื้อดำหรือเสื้อขาว ก้นบุหรี่ที่เห็นขยี้ทิ้งหยกๆ ก็ไม่มี...ผีน่ะซีครับ! บรื๋อออ...
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: สาวสายเดี่ยว